(เรื่องสั้น)นกปีกสั้นสีน้ำเงิน
เขากำลังวิ่งอยู่ในชุดออกกำลังกาย ท่ามกลางแดดยามเช้า
มีเสียงนกร้องกระจิบกระจาบ เขาวิ่งตัดผ่านสวนสาธารณะ ลัดสนามหญ้าที่ร้างไร้ผู้คน พลางมองไปบนผืนฟ้าสีครามที่แสนโหยหา เขายังคงเสียบหูฟังตลอดการวิ่งในตอนเช้า เขากำลังฟังเสียง
...เสียงที่เตือนให้เขารู้ว่า เขาอยู่ที่ไหน? เขากำลังทำอะไร? และทำไปเพื่ออะไร?
เมื่อเขากลับมาถึงห้อง เขาออกคำสั่งเปลี่ยนเสื้อผ้า ทันใดนัันเสื้อผ้าของเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้น เขาเหลือบมองไปที่นกปีกสั้นสีน้ำเงินที่ยังคงเกาะคอนอย่างสงบ
เขาพ่นลมดัง'เฮ่อ'อย่างไม่พอใจนัก ก่อนจะนั่งลงบนโซฟา และเปิดดูสิ่งที่อยู่บนจอหนังทั้งๆที่ยังเสียบหูฟังอยู่
เขาเปิดเจอข่าวประจำวันที่กำลังรายงานยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกและสถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังกลับสู่สภาวะปรกติ เขารู้เรื่องที่ช่องข่าวพยายามกรอกหูเรื่องโรคระบาดมาสักพักหนึ่งแล้ว
พวกมันอยากให้ทุกๆคนอยู่หาความสุขส่วนตัวไปวันๆก่อน เพื่อที่จะได้ลืมๆไป ลืมเรื่องที่พวกมันได้ทำไว้ ลืมสิ่งที่พวกมันต้องรับผิดชอบ
เขาหงุดหงิดเมื่อได้ฟังข่าวจำพวกนั้น ข่าวจำพวกที่เสกสรรค์ปั้นแต่งเรื่องราวให้ดูดีเกินจริง เขารับรู้ เขาเข้าใจความจริงดีอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนัันเขาก็ยังต้องมีเครื่องย้ำเตือนให้คอยระลึกถึงอยู่เป็นระยะ
เขาเปิดไปเจอหนังสยองขวัญชื่อดังเรื่องหนึ่ง ที่มีปีศาจถูกขังไว้ในห้องแยกมากมาย แบ่งตามหมวดตามประเภทเพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ปล่อยออกมาใช้งาน
เขาจำได้ว่า มันเป็นหนังเสียดสีภาพยนตร์สยองขวัญ แต่พวกเขาจะรู้บ้างไหมว่า พวกปีศาจที่ถูกขังมันไม่ได้มีความสุขนักหรอก เขากดข้ามไปดูตอนที่ตัวเอกปลดปล่อยให้ปีศาจเหล่านั้นเป็นอิสระแล้วความวุ่นวายครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น
เขาหัวเราะออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ มันเป็นการหัวเราะแบบตลกร้าย แต่ไม่นานนักเขาก็เปิดดูอย่างอื่นแทน
เขาเหลือบมองดูนกปีกสั้นสีน้ำเงินเป็นระยะราวกับคาดหวังบางสิ่งอยู่
เสียงสัญญาณความถี่เฉพาะดังขึ้นจากปลายทางสู่หูฟัง จากหูฟังสู่สมองของเขา มันทำให้เขาเกิดความรู้สึกเจ็บแปลบที่ปลายประสาท แต่ก็โล่งขึ้นในหัว
พวกเขาเรียกมันว่า เสียงปลุก และเขาก็ได้ฟังเสียงปลุกทั้งที่ยังไม่หลับจึงสบถออกมาคำหนึ่งด้วยความรำคาญ ก่อนจะเปิดจอต่อไป
จอภาพมีคลื่นแทรกเล็กน้อย ภาพดับวูบลงไปเสีัยววินาทีก่อนจะโผล่ขึ้นมาใหม่พรัอมกับเรื่องใหม่บนจอ
มันเป็นภาพของสภาในวันที่มีการผ่านร่างประชามติใหม่ เขาฟังเนื้อหายาวเหยียด ซ้ำซากและวกไปวนมาอยู่นาน
เขาลากนิ้วไปใช้โปรแกรมตัดต่อให้สั้นลง ทอนให้เหลือแต่รายละเอียดสำคัญ ย่อเป็นสารที่เข้าใจง่ายในเวลาไม่เกินหนึ่งนาที เพื่อสรุปจุดมุ่งหมายของเหล่าชาวสูทในสภา
เขาหัวเราะแบบขื่นๆเฝื่อนๆเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ตนกำลังทำหน้าที่คล้ายโฆษกของพวกมัน
เมื่อทำจนเสร็จเขาก็เริ่มชิ้นต่อไปทันที
แต่ก่อนจะเริ่มลงมือ มีช่องใหม่เลื่อนขยายขึ้นจอภาพหลัก
เขาจับจ้องมันด้วยความลุ้นระทึก เขามองอะไรไม่เห็นนอกจากเงาตะคุ่มๆท่ามกลางหมอกสีขาวหนา ทัศนวิสัยอันเลวร้าย
เงาตะคุ่มใกล้ๆเผยกายให้เห็นเป็นชุดป้องกันอากาศสีดำสนิทที่กำลังเดินทางไปด้วยกัน
มุมมองเปลี่ยนไปเป็นมุมสูงทันทีที่เขาพูดถึง'โดรน'
มุมมองที่สูงขึ้นก็ยังคงไม่สามารถมองทะลุทะเลหมอกไปได้ แต่จากเงาทรงเหลี่ยม ทำให้พอมองออกว่า น่าจะเป็นย่านชุมชน ไม่มีความเคลื่อนไหว ไม่มีเสียงใดแทรกขึ้นมา เมืองทั้งเมืองดูรกร้าง แม้จะมีตึกอยู่มากมายจนน่าอึดอัดก็ตาม และทีมสำรวจยังคงทำหน้าที่ต่อไป
ภาพบนจอเปลี่ยนไปเป็นภาพ จรวดกระสวยที่ถูกยิงขึ้นภายใต้โปรเจค SRAM ที่เป็นโปรเจคส่งคนจำนวนหนึ่ง จำพวกนั้น ไปยังดาวเคราะห์ที่บอกกันว่า น่าอยู่ ดวงใหม่
เขาเหลือบมองดูกรงนกก่อนจะกลับมาดูเหตุการณ์ต่อไป มันเป็นเหตุการณ์ที่คนในจอต่างกำลังตื่นเต้นดีใจกับการเดินทางไปยังดาวดวงใหม่
เขายิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เขาไม่ได้ดีใจกับผู้คนที่จะได้ไปดาวดวงใหม่ หากแต่ดีใจที่พวกเขาจะได้ไปโลกใหม่ต่างหาก
หลังกระสวยจรวดถูกปล่อยออกไป ก็กลับเกิดความผิดพลาดขึ้นจากจุดรั่วรอยปริขนาดเล็ก ไม่มีใครรู้ว่า มันเกิดขึ้นที่ตรงตำแหน่งไหน และเกิดขึ้นได้อย่างไร
การแก้ปัญหานั้นมันไม่ทันการณ์เสียแล้ว และภาพบนจอก็ฉายให้เห็นประกายแสงสะท้อนกลับมาให้คนบนโลกต้องสั่นสะพรึง
เขารู้สึกหิวน้ำ จึงเลื่อนแถบคำสั่งเพื่อหาเครื่องดื่ม เขารู้อยู่แล้วว่า ไม่ว่าจะเลือกเครื่องดื่มใด เขาก็จะได้น้ำแบบเดียวกัน
เพียงแค่ยิงสัญญาณบางอย่างที่แตกต่างกันเพื่อหลอกสมองเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงเลือกน้ำเปล่า
เขาถามใส่ปลายสายของหูฟังว่า
'ได้หรือยัง?'
ปลายสายตอบกลับสั้นๆว่า
'ยัง'
เขานั่งดูต่อจนภาพบนจอเป็นภาพของทีมสำรวจที่เดินทางผ่านเมืองร้างที่เต็มไปด้วยตึกมากมาย ฝ่ากองขยะอย่างทีวี ตู้เย็น โซฟา เครื่องใช้ไฟฟ้าและขยะอิเล็คทรอนิกส์มากมาย คนในจอได้พูดให้กำลังใจกันเอง
'กลั้นใจไว้ทุกคน! อีกนิดเดียว พวกเราใกล้จะถึงแล้ว! '
เขาอมยิ้มอย่างพึงพอใจและชายตามองกรงนกอีกครั้ง ซี่กรงเริ่มดูบางลง เจ้านกปีกสั้นสีน้ำเงินจ้องมองระหว่างช่องว่างที่ขยายกว้างขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ
เขามองเห็นแววตาอันปลาบปลื้มแม้จะถูกซ่อนไว้ใต้กระจกหน้ากากแก๊สสีขุ่น
เขารู้...เขารู้อยู่แล้วว่า ทีมสำรวจจะต้องไปถึงที่แห่งนั้นได้แน่ ที่แห่งนั้นอันเป็นดินแดนแห่งความหวัง
ดินแดนที่ใครบางคนเรียกว่า เป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ผืนดินแห่งพันธสัญญา ณ ปลายยอดเขา ปลายทางแห่งความยากลำบาก ฝ่าฟันอุปสรรคนานับประการ
เสียงเรียกจากปลายทางดังขึ้นด้วยความตื้นตันใจ
'พันตรี! พันตรี! พวกเราเห็นแล้ว พวกเราเห็นท่านแล้ว! พันตรีเห็นท่านไหม!?'
เขาตอบกลับไปเต็มเสียงว่า
'เราเห็นแล้ว เราเห็นท่านผู้ให้กำเนิดแล้ว'
เมื่อเขาเหลือบมาครั้งนี้ กรงนกหายไปแล้ว นกตัวนั้นบินออกไปแล้ว แต่ภารกิจของเขายังไม่จบสิ้น
เขายังมีพันธกิจที่สำคัญอีกอย่างที่ต้องทำให้ลุล่วง มันเป็นภารกิจที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการสำรวจ
ภาพตัดสลับไปเป็นโปรแกรมอื่นๆ เขาลงมือตัดต่อภาพเหตุการณ์เรื่องราวต่างๆให้กระชับเข้าใจง่าย เขาอัดบันทึกคำแถลงการณ์ชี้แจงเพื่อบอกกล่าวสหายทางวิญญาณทั้งหลายผู้ยังหลับไหล
เมื่อไฟล์[ปลุกให้ตื่น]แล้วเสร็จ
เขาได้ตรวจสอบความเรียบร้อยอีกสักพักใหญ่ก่อนจะทำไป'เผยแพร่'ทันที
เขาอันตรธานไปจากห้องนั้นในทันที แต่โดยแท้แล้ว เขาไม่เคยอยู่ในห้องนั้นตั้งแต่แรก ไม่มีใครอยู่ในห้องนั้น ไม่มีคน ไม่มีนก มีแต่เพียงกรงมายา ภาพลวงตาและระบบไฟฟ้าเชิงประสาทวิทยาเท่านั้น
วิดีโอภาพที่บันทึกเรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดถูกนำส่งเข้าสู่เครือข่าย
มันถูกฉายไปยังห้องนับล้านๆห้องที่มีกรงนกนับล้านๆกรง มันถูกส่งไปพร้อมเสียงปลุกที่จะดังขึ้นเพื่อปลุกสหายผู้ถูกทำให้หลับไหลได้เบิกตาตื่นขึ้น
การเชื่อมต่อกับคุกมายาถูกตัดขาด กรงมลายสลายไป นกปีกสั้นสีน้ำเงินทั้งหลายเป็นอิสระและโบยบินออกไปมากมายโดยไม่ต้องใช้หน้าต่าง
ผู้คนที่กำลังจมอยู่ในโฮโลแกรมลวงตากลับสะดุ้ง เมื่อได้รับรู้สัมผัสถึงความเป็นจริง จิตของพวกเขาที่เคยถูกคุมขังอยู่ในคุกได้กลับคืนสู่ร่าง ร่างที่หลงลืมการหายใจตามธรรมชาติกลับมาทำงานอีกครั้งตามปกติ
แม้จะยากลำบากในช่วงแรกแต่ก็ได้คืนสู่สมดุลในท้ายที่สุด
ภาพสุดท้ายที่ทิ้งไว้ใจคุกมายา เป็นภาพสวยสดงดงาม เป็นภาพตัวแทนของชีวิตที่ยิ่งใหญ่ เป็นภาพตัวแทนความจริง และความหวังท่ามกลางม่านหมอกมลภาวะ ไม่มีใครสามารถทานทนต่อความสะเทือนสะท้อนใจที่เกิดขึ้นในระดับจิตวิญญาณได้
แม้ร่างที่ถูกแช่ไว้ของพวกเขาจะนานจนต้องใช้เวลาฟื้นฟูและยังไม่อาจไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ในขณะนี้
แต่ภาพภาพนั้น ภาพโดรนจากเนินเขาลูกนั้น แจ่มชัดและผลิบานในหัวใจของทุกคนแล้ว ทุกคนต่างได้เห็นภาพเดียวกัน ทุกคนต่างมีจินตนาการแห่งอนาคตสดใสเช่นเดียวกัน
แม้ทีมสำรวจและพันตรีเคยได้ไปถึง ได้ไปเห็นก่อนแล้วแต่ครั้งนี้จะเป็นคราวที่ทุกคนจะได้เห็นภาพนั้นด้วยกันอย่างชัดเจนเพื่อย้ำซ้ำปณิธานร่วมกันอีกครั้ง
ภาพไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่เพียงลำพังบนเขาหัวโล้น
กองพะเนอห้อมล้อมไปด้วยซากวัตถุและเทคโนโลยีต่างๆ ลำต้นที่ตั้งตรงและกว้างกว่า4คนโอบ
เปลือกสีน้ำตาลไหม้ที่ปกคลุมเนื้อไม้ชั้นใน
กิ่งก้านที่เคยขยายสาขาและเคยมีใบให้ร่มเงา
ทีมสำรวจยังคงมีความหวังเสมอท่ามกลางอากาศอันเลวร้าย และแล้วความหวังของพวกเขาก็เป็นจริง เมื่อกล้องของโดรนจับภาพและซูมให้เห็นถึง ตาเล็กๆที่กำลังแตกออกมาจากลำต้นแก่และปลายกิ่ง
ผู้คน ณ ที่แห่งนั้น ทรุดลงทั้งกายและใจให้กับชีวิตและความยิ่งใหญ่ตรงหน้า
อนาคตของพวกเขาได้เปิดเบิกออกเช่นเดียวกับตาของต้นไม้
อนาคตที่มีนกปีกสั้นสีน้ำเงินโบยบินไปเกาะกิ่งไม้ที่เขียวขอุ่มร่มรื่นไปด้วยใบมากมาย…