จากรูปเก่าในหนังสือมือสอง สู่คดีหลอนเมื่อ 12 ปีที่แล้ว มาถึงข้อถกเถียงการปักชื่อบนชุดนักเรียน
จากรูปเก่าในหนังสือมือสอง
สู่คดีหลอนเมื่อ 12 ปีที่แล้ว
สู่ข้อถกเถียงการปักชื่อบนชุดนักเรียน
—————
⚫️ จากรูปเก่าในหนังสือมือสอง
:
1- “คุณนก” (นามสมมุติ) ได้ซื้อหนังสือแปลมือสองเรื่อง "แม่มด" (The Witches) ของ "โรอัลด์ ดาห์ล" นักเขียนวรรณกรรมเยาวชนชาวเวลส์ระดับตำนานมาอ่าน
2- หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องของเด็กชายคนหนึ่งที่ต่อสู้กับแม่มดผู้เกลียดชังเด็ก และแฝงตัวอยู่กับมนุษย์เพื่อรอวันกำจัดเด็ก ๆ (หนังสือต้องการสื่อให้เด็ก ๆ รู้จักสังเกตและระมัดระวังตัวเมื่อออกนอกบ้าน)
3- คุณนกเจอรูปเก่าใบหนึ่งสอดอยู่ในหนังสือ เป็นรูปติดบัตรของผู้หญิงคนหนึ่งในชุดนักเรียน คุณนกจึงนำรูปไปโพสต์ในกลุ่มเฟซบุ๊ก "รูปเก่าในวันวาน" เผื่อว่าเจ้าของจะอยากได้รูปคืน
4- จากนั้นมีคนเอาชื่อที่ปักไว้ตรงหน้าอกชุดนักเรียนไปค้นหา จนพบข่าวเก่าเมื่อปี 2551 ที่มีชื่อ-นามสกุลของผู้หญิงในรูปเกี่ยวพันด้วย และจากภาพประกอบข่าวก็ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวกัน
—————
⚫️ สู่คดีหลอนเมื่อ 12 ปีที่แล้ว
:
5- ย้อนกลับไปในปี 2551 นายอากู (นามสมมุติ) อายุ 41 ปี ลูกครึ่งมาเลเซีย-บรูไน กับ "อัมพร" (นามสมมุติ) หญิงไทยวัย 30 (ซึ่งมีชื่อ-นามสกุลเหมือนคนในรูป) เป็นสามีภรรยากัน
6- อากูแอบอ้างเป็นผู้วิเศษ มีคาถาอาคม ทำเสน่ห์ยาแฝด ตามหาคนหาย เก็งเลขเด็ด ติดต่อกับวิญญาณได้ รวมทั้งรับหาสามีต่างชาติให้หญิงไทยด้วย โดยมีอัมพรเป็นผู้ช่วยของสามี
7- อากูกับอัมพรเช่าบ้านอยู่ที่ปทุมธานี และเช่าแมนชั่นชั้น 5 เอาไว้ที่ย่านมักกะสัน กรุงเทพฯ นอกจากนี้นายอากูยังเป็นหุ้นส่วนบาร์แห่งหนึ่งย่านพัฒน์พงษ์ด้วย
8- วันหนึ่งมีกระถางต้นไม้ร่วงลงมาจากห้องเช่าชั้น 5 ของสองผัวเมีย ไปโดนศีรษะ รปภ.ได้รับบาดเจ็บ รปภ.พบว่ามีกระดาษถูกขยำจนยับร่วงลงมากับกระถางด้วย เมื่อคลี่ดูก็พบข้อความเขียนด้วยลายมือว่า "ถ้าไม่ขึ้นมาช่วย จะกระโดดลงมาให้ตาย ตอนนี้อยู่ที่ห้อง 5024 ชั้น 5"
9- รปภ.จึงโทรแจ้งตำรวจ เมื่อตำรวจเข้าไปค้นห้องก็พบหญิงสาว 2 คนถูกขังอยู่ในนั้น สภาพถูกทำร้ายร่างกายอย่างหนัก ใบหน้าบอบช้ำ ฟันหัก ตาบวมปูด เนื้อตัวมีบาดแผลพุพองคล้ายถูกไฟลน จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล
10- แพทย์พบว่าหญิงสาวทั้งคู่ถูกทารุณกรรมถึงขั้นอวัยวะเพศบวมเป่ง หัวนมมีรอยถูกกัดและถูกไฟลน หนึ่งในนั้นถูกทุบตีที่ศีรษะจนสมองบวม ต้องเข้าห้องไอซียูเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
11- หญิงสาวทั้งสองคนคือ "เอ" อายุ 39 ปี และ "บี" อายุ 29 ทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน เอกับบีมาหานายอากูบ่อยครั้งเพื่อขอเลขเด็ดและให้ช่วยหาสามีฝรั่งให้ โดยนายอากูเรียกเงินครั้งละ 10,000 - 20,000 บาท แต่เสียไปเป็นแสนแล้วไม่เคยถูกรางวัล สามีฝรั่งก็ไม่ได้
12- ก่อนหน้านี้ "นางซี" อายุ 41 ปี พี่สาวของเอซึ่งมีสามีฝรั่ง เคยมาใช้บริการนายอากูให้ตามหาสามีที่หายตัวไป โดยสามีของเธอยืมเงินเธอ 1 ล้านบาท ไปลงทุนทำธุรกิจกับเพื่อน แล้วหายตัวไปทั้งคู่ นายอากูเรียกค่าทำพิธีจากนางซีครั้งละ 50,000 - 60,000 บาท จ่ายไปแล้วกว่า 400,000 บาท แต่ก็ไม่เคยพบตัวสามี
13- ระยะหลังเอจึงเริ่มทวงเงินคืนจากนายอากู ทั้งเงินของตัวเองและเงินของพี่สาว ทำให้เกิดการทะเลาะโต้เถียงกันอย่างรุนแรง นายอากูจึงจับเอกับบีขังไว้ในห้องนอนเล็ก ๆ บนชั้น 5 ของแมนชั่น
14- นายอากูทำร้ายร่างกายเอกับบีต่าง ๆ นานา ทั้งใช้ไฟแช็กลนตามร่างกาย กัดหัวนม ใช้ไม้ยัดเข้าไปในอวัยวะเพศ ทุบตีด้วยของแข็ง และเลี้ยงดูเหมือนสัตว์ เอาข้าวใส่ขันให้กินเหมือนสุนัข
15- จากข่าวเก่าไม่แน่ชัดว่าอากูกับอัมพรหลบหนีไปได้ หรือถูกจับและได้รับโทษตามกฎหมายแล้ว เพราะไม่มีข่าวอัปเดตหลังจากนั้น
16- ต่อมาคุณนกแจ้งว่า มีญาติเจ้าของรูปติดต่อมาขอรับรูปดังกล่าวแล้ว โดยบอกว่าไม่ได้เจอกับคนในรูปมา 20 ปีแล้ว รูปนี้จึงมีค่าทางจิตใจกับญาติ
17- จากนั้นมีข่าวออกมาว่า ญาติของผู้หญิงในรูปยอมรับว่า คนในรูปคืออัมพรและเคยก่อคดีดังกล่าวจริง แต่พ้นโทษออกมาแล้ว
.
** เพิ่มเติมข้อ 17 นะคะ แอดมีโอกาสได้คุยกับคุณนก คุณนกแจ้งว่าญาติของอัมพรเองก็ไม่ทราบว่าตอนนี้อัมพรอยู่ที่ไหน ติดคุกหรือไม่ หรือพ้นโทษออกมาแล้วจริงไม่ จึงไม่ขอยืนยันข้อมูลเรื่องการติดคุกนะคะ
—————
⚫️ สู่ข้อถกเถียงการปักชื่อบนชุดนักเรียน
:
18- จากข่าวดังกล่าวซึ่งสามารถแกะรอยบุคคลหนึ่งได้จากชื่อบนหน้าอกเสื้อ ทำให้เกิดข้อเรียกร้องขึ้นในทวิตเตอร์ ให้พิจารณายกเลิกการปักชื่อบนชุดนักเรียน เพราะอาจนำไปสู่การละเมิดความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของเด็กได้
19- โดยหลายคนระบุว่า เพียงแค่รู้ชื่อ-นามสกุลก็สามารถนำไปค้นหาในแพลตฟอร์มต่าง ๆ จนได้มาซึ่งข้อมูลส่วนตัวและอาจรวมถึงที่อยู่ของเด็กด้วย
20- ที่ผ่านมามีเด็กจำนวนไม่น้อยถูกคุกคามทางเพศจากป้ายชื่อบนหน้าอก บางครั้งมีการเอาชื่อไปค้นหาจนเจอรูปภาพ แล้วเอารูปของเด็กไปทำเรื่องไม่ดีต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดีย
21- โดยชาวทวิตเตอร์ได้แนะนำข้อเสนอว่า อาจปรับเปลี่ยนไปใช้เข็มกลัด หรือป้ายชื่อที่ถอดออกได้เมื่อออกจากโรงเรียนแล้วแทน
22- นอกจากนี้การไม่ปักชื่อลงบนอกเสื้อ ยังทำให้สามารถส่งต่อชุดนักเรียนให้คนอื่นได้ด้วย โดยไม่ทำให้เนื้อผ้าเสียหายจากการเลาะชื่อที่ปัก
—————
⚫️ ความเห็นจากเลขาธิการ กพฐ.
:
23- ต่อมาเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้พูดถึงข้อเรียกร้องดังกล่าวว่า การปักชื่อนักเรียนเป็นการแสดงตัวตนให้ครูจำนักเรียนได้ โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีนักเรียนจำนวนมาก
24- เลขาธิการฯ บอกว่า ปัจจุบันข้าราชการทุกหน่วยงานก็ยังต้องติดป้ายชื่อเพื่อแสดงตัวตน เรื่องนี้ต้องมองเป็นกรณีไป ไม่อยากให้นำกรณีเดียวมาตัดสินภาพรวมทั้งระบบ
25- อย่างไรก็ตาม ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการไม่ได้กำหนดว่าต้องปักชื่อนักเรียน ระบุแค่ให้ปักอักษรย่อชื่อโรงเรียนที่อกเสื้อด้านขวาเท่านั้น แต่โรงเรียนมีอำนาจระบุเพิ่มได้ว่าจะให้ปักชื่อนักเรียนด้วยหรือไม่
—————
** ขอความกรุณาไม่โพสต์ภาพที่เปิดเผยใบหน้าและชื่อ-นามสกุลจริงของบุคคลในข่าวนะคะ