"เราเป็นคนเหมือนกันแต่เราไม่เหมือนกันหรอกเชื่อสิ !"
หลายเดือนก่อน เสาวนิจ ต้องขอเข้าพบหมอจิตแพทย์ ด้วยเพราะเสพสื่อและข่าวสังคม ที่เกิด' วินาศสันตะโร ' อะไรมากมายในสังคม พร้อมด้วยชีวิต ที่ยังจัดการอารมณ์ความรู้สึกตัวเองให้เท่าทันและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจของมนุษย์ในสังคมที่ เหมือนสัตว์ร้ายมากขึ้นจนทำให้ตั้งรับในภาวะจิตวิทยาอย่างไม่เท่าทัน จนคุมความรู้สึกและเลือกที่จะอ๊อฟไลน์ แล้วทานยาอย่างเงียบๆๆ แต่กลับรุนแรงขึ้น
*** เปิดหัวมา ก็ดราม่าทันที่ ที่จริง เสาวนิจ ไม่อยากจะเอาเรื่องราวในแง่ลบมาเปิดประเด็นหรือสะท้อนผ่านมุมมองการเขียนเพราะหลายคนมองต่างกัน แต่ที่เลือกบอกแง่มุมนี้ เพื่อสะท้อนให้ทุกคนเห็นว่า โลกเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน ในชีวิตเราหนึ่งคนอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่รู้ตัว ***
ในที่สุดจึงได้รู้ว่า “การหนี” ก็ไม่สามารถช่วยเราได้ โลกเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งธรรมชาติ โรค อาหาร อาชีพ จิตใจ การแข่งขัน ต้องต่อสู้ โจทย์เราคือ จิตใจให้แกร่งพอ ที่ให้เราสามารถ ยืนอยู่ในพื้นที่ของเรา อย่างปลอดภัยและไม่เห็นแก่ตัว อย่าให้อำนาจสัตว์ร้ายในตัวเรา ออกมาทำร้ายคนอื่นและสร้างกรรมให้ตนเอง เพราะเราคือมนุษย์ที่ได้รับการพัฒนาฝึกฝนด้านจิตใจให้ ปล่อยวาง แพ้บ้าง ไม่ถึงตาย ชนะได้โดยไม่ข่มคู่แข่ง
*********************************
เอาตัวรอดแต่ไม่ได้หมายความว่าเห็นแก่ตัว นะคะ
********************************
แล้วเราจะเอาตัวรอดได้อย่างไรกับสถานการณ์สังคมปัจจุบัน โจทย์นี้ท้าทายนัก สำหรับมือใหม่ที่เจอวิกฤต ก็พ่ายแพ้โดยการ ลาตาย ล้มละลาย ทำร้าย วิกลจริต และอีกมากมาย
5 ข้อสำหรับการเอาตัวรอดในสังคมปัจจุบัน
1.คนที่จะอยู่รอดต้องเลิกเอาความรู้สึกเป็นที่ตั้ง กับทุกสถานการณ์ เช่น โรคร้าย การเมือง ภัยสังคม ไม่นิ่งเฉยกับสถานการณ์ที่จะเกิดตั้งรับหาวิธีเอาตัวรอด แต่อย่ารู้สึกมากไปโดยใช่เหตุ และเอาตัวเองเข้าไปผูกพับสถานการณ์นั้นจนลืมว่า หน้าที่เราคืออะไร
- คนที่จะอยู่รอดอย่าติดกับดักความสำเร็จ เพราะปัจจุบันอะไรก็รวดเร็ว ขายของมาเร็วขายเร็ว โพสต์ปุ๊บได้ยอดวิวทันที ความสำเร็จในปัจจุบันมาเร็วด้วยหลายปัจจัย หรือแม้กระทั้งความสำเร็จเกิดขึ้นเร็วในเด็กอายุน้อย เหล่านี้ทำให้เราคิดว่ามันควรได้ มันควรเป็น แต่พอสถานการณ์โลกเปลี่ยนเรากลับตั้งแต่คำถามว่า ทำไม ???????
3. คนที่จะอยู่รอดต้องเข้าใจการใช้โซเซียลมีเดีย ควรมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือเท่าทันกับสารที่เรารับจากทุกช่องทาง เราหนึ่งคนรับสารจากหลากหลายช่องทางของผู้คนมากหน้าหลายตาที่ เขียนกระดานข่าวบนความมากมาย อวดงาน อวดเที่ยว อวดกิน แนะนำโน่นนี่นั้น แต่เรากลับนั่งเขี่ยแล้วบนอยากมีอยากได้แบบสื่อที่เราเสพ หรือ มีอารมณ์รวมกับสถานการณ์นั้นเช่น การเมืองใครไม่ชอบใครเป็นอย่างไรจนทำให้เราแย่
4.คนที่จะอยู่รอดได้ไม่มองว่าเศรษฐกิจแย่หรือสังคมแย่เพราะเขาเข้าใจและเห็นโอกาสจากการสร้างรายได้ของสังคมที่เปลี่ยนไป ขายไม่ได้เพราะไม่ใช่เศรษฐกิจล้มเหลวแต่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหันเข็มทิศไปรวยกับช่องทางการขายแนวใหม่มากกว่า ในตลาดนัด
5.คนที่จะอยู่รอดต้องมองบวก มองสวนกระแส มองต่างแล้วคุณจะเห็นโอกาส และคุณกล้าที่จะกระโดดคว้าโอกาสนั้นไม่กับสถานการณ์ที่ใครๆบอกว่าแย่
** เราเพียงคนตัวเล็กๆไม่สามารถรู้ได้ถึงความเป็นอยู่นานาอารยะของสังคมไปได้ทั้งหมด หลายอย่างในโลกใบนี้ผู้ทรงสร้างได้กำหนดมา ให้มีสิ่งนี้สิ่งนั้นเพื่อสร้างความสมดุลในธรรมชาติ แต่ทุกวันนี้ คนอย่างเราๆ สุดโต่งกันไปเสียทุกด้าน อย่าเอาความคิดเราเพียงความรู้สึกและสิ่งที่เราพบเจอไปตัดสินว่าใครดี ใครถูก ใครผิด เลยเพียงเพื่อคำว่า "ชนะ" ฉันไม่ใช่ ฉันไม่ชอบก็พาล หาว่าคนอื่นผิดไปเช่นกัน เพราะคำนี้ไม่มีบัญญัติไว้ในทุกศาสนา นอกจาก "การชนะใจตนเองเท่านั้น"
* แต่เสาวนิจหายละนะเลิกรับยาละ รับยาเพียง 2 เดือน เพื่อให้ได้หลับสนิท มีพลังได้ทำสมาธิและทบทวนให้จิตใจเข้มแข็งเท่านั้น** บางครั้งการที่เรารู้ว่าเรามีปัญหาและแก้มันอาจทำให้เราได้รักษาทันและกลับมาเป็นคนใหม่ดีกดีกว่าเดิมก็ได้
เสาวนิจ ปากบารา 26 กุมภาพันธ์ 2563