เปิดใจ 4 ฮีโร่ช่วยเหลือเหยื่อคมกระสุน ครูกอล์ฟ เล่านาทีสำคัญ อุดมการณ์ทางทหาร สร้างจุดเปลี่ยน
สืบเนื่องจากกรณีที่เกิดเหตุกราดยิงกลางห้างโรบินสัน ซึ่งคนร้ายได้กวาดเอาทองคำของห้างทองโรบินสันไปเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะแน่ใจว่าคนร้ายคือ ประสิทธิชัย เขาแก้ว อายุ 39 ปี มีตำแหน่งเป็นถึงผู้อำนวยการที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี โดยเจ้าตัวให้การรับสารภาพทั้งหมดว่าทำคนเดียวและมูลเหตุจูงใจเป็นเพราะปัญหาหนี้ส่วนตัว ทั้งยังแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ทางเพจเฟซบุ๊ก Hot News ประเทศไทย ได้โพสต์ภาพเผยโฉมหน้าฮีโร่ในวันเกิดเหตุ พร้อมระบุข้อความว่า “เขา ทั้ง 4 นี้ ก็ไม่ได้เอาเรื่องที่ตัวเองทำมาโพสต์ลงเฟซ หรือป่าวประกาศให้ใครรู้แต่อย่างใด แต่พอดีกับในวันนั้น ทาง ผบ.ทบ.เองก็ได้ดูคลิปเหตุการณ์ด้วยเช่นกัน และได้เห็นสิ่งที่ทั้ง 4 คนทำ จึงได้สืบหาข้อมูลจนรู้ว่าเป็นกำลังพล ทบ. ซึ่งพลเมืองดีทั้ง 4 คนดังกล่าว ก็คือ
- ส.อ.คมกฤษ เบญจปรีชาสิทธิ์ (ปลั๊ก) นายสิบพยาบาล ชุดปฏิบัติการรบพิเศษ กองพันรบพิเศษที่ 2 กรมรบพิเศษที่ 1
- ส.ท.ชยพล พุทธิ (เอ็ม)นายสิบการช่างและทำลาย ชุดปฏิบัติการรบพิเศษ กองพันรบพิเศษที่ 2 กรมรบพิเศษที่ 1
- ส.ท.ปกรณ์ ละออง (ปืน) เจ้าหน้าที่กรรมวิธีข้อมูล กองพันเสนารักษ์ที่ 1 และ
- น.ส.วราภรณ์ วรภัฎ (เบียร์) พยาบาลวิชาชีพ รพ.อานันทมหิดล
ล่าสุดทางเพจ Thailand Vision ได้เปิดใจฮีโร่ทั้ง 4 คนนี้ว่า “นี่คือเหล่าพลเมืองดี ที่เราอยากเรียกพวกเขาว่า ฮีโร่ พวกเขาทั้ง 4 ชีวิต ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีตัวตนปรากฎอยู่ในข่าวจากสื่อใด ไม่เคยมีใครรับรู้ ว่าพวกเขาได้เสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในทันทีที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คนร้ายชิงทรัพย์ร้านทองออโรร่า ในห้างโรบินสัน ลพบุรี
โดยฮีโร่คนที่ 1 : ส.ท.ชยพล พุทธิ นายสิบการช่างและทำลาย ชุดปฏิบัติการพิเศษ สังกัดกองพันรบพิเศษที่ 2 กรมรบพิเศษที่ 1เล่าว่า “ขณะเกิดเหตุตนรับประทานอาหารอยู่ สังเกตุเห็นว่าบริเวณหน้าร้านมีการวิ่งหนีอะไรสักอย่าง ไม่กี่อึดใจแม่น้องไทตัลวิ่งอุ้มน้องเข้ามาในร้าน เพื่อขอความช่วยเหลือ เมื่อได้ออกมาดูเหตุการณ์ที่บริเวณที่เกิดเหตุ พบสองสามี-ภรรยาที่ถูกยิง ตนจึงได้ทำการประเมิน เพื่อเข้าช่วยเหลือ”
ส.ท.ชยพล พุทธิ กล่าวภายหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า ความรู้สึกที่ตนได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นสัญชาติญาณของทหารที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ในการให้ทำการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในสถานการณ์ฉุกเฉิน และทำการปฐมพยาบาลขั้นต้น ก่อนนำส่งโรงพยาบาลจะทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตสูง เหตุผลในการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ เพราะว่าตนเองเป็นทหารมีหน้าที่ในการให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนตามที่ได้รับการปลูกฝังอุดมการณ์ทางทหารมา
ฮีโร่คนที่ 2 : นางสาว วราภรณ์ วรภัฎ ตำแหน่ง : พยาบาลวิชาชีพอัตราจ้าง ปฏิบัติงานอยู่ที่ โรงพยาบาลอานันทมหิดล แผนกอายุรกรรมหญิง ชั้น 3 (A3) ได้เล่าว่า “ขณะที่ตน และสามีเดินลงบันไดเลื่อนสำรวจรอบๆ หลังจากเหตุการณ์สงบ ได้พบรอยเลือดจำนวนมาก จึงรีบแสดงตนกับทางรปภ. ของห้าง เพื่อเข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาล พบผู้ป่วยมีแผลถูกยิงบริเวณใต้กระดูกไหปลาร้าด้านขวา แต่ยังมีสติดี จึงรีบกด stop bleed ทันที แล้วจึงร้องขอผ้าจากพนักงาน เพื่อใช้กดแทนมือ เมื่อรถพยาบาลมา จึงช่วยพาผู้ป่วยขึ้นเปลเคลื่อนย้าย และช่วยหาสายออกซิเจน (mask with bag) หลังจากประเมินแล้วว่าการช่วยเหลือครบถ้วน จึงหลีกทางให้เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยัง รถพยาบาลได้อย่างสะดวก”
ฮีโร่คนที่ 3 : – ส.ท.ปกรณ์ ละออง สังกัด กองพันเสนารักษ์ที่ 1 เล่าว่า “เมื่อเสียงปืนเงียบ ตนจึงวิ่งไปช่วยน้องไทตัลซึ่งถูกยิงอยู่ในอ้อมกอดแม่ เมื่อทำการตรวจสอบสัญญาณชีพ และดูลมหายใจ พบว่าไม่มีลมหายใจแล้วและชีพจรอ่อนมาก ประเมินแล้วว่าน่าจะหนักมาก จึงวิ่งไปหาคนที่พอจะช่วยได้ หลังจากนั้น ตนได้เข้าไปช่วยเหลือชายเสื้อขาว พ่อ แม่ ลูก ซึ่งกำลังยืนซื้อทอง และถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ตนได้ให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ โดยการจัดท่าผู้ป่วยให้อยู่ในท่าที่ปลอดภัย”
ส.ท.ปกรณ์ ละออง กล่าวภายหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า ความรู้สึกที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นสัญชาติญาณของทหารที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดีในการให้ทำการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในสถานการณ์ฉุกเฉิน และทำการปฐมพยาบาลขั้นต้น ก่อนนำส่งโรงพยาบาลจะทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตสูง เหตุผลในการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ เพราะว่าตนเองเป็นทหารมีหน้าที่ในการให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนตามที่ได้รับการปลูกฝังอุดมการณ์ทางทหารมา
ฮีโร่คนที่ 4 : – ส.อ.คมกฤษ เบญจปรีชาสิทธิ์ นายสิบพยาบาล ชุดปฏิบัติการพิเศษ สังกัด กองพันรบพิเศษที่ 2 กรมรบพิเศษที่ 1 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษเล่าว่า “ตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดจากทางชั้นล่าง มองลงไปเห็นคนร้ายกำลังกวาดทองในตู้โชว์ จึงบอกให้ประชาชนหลบเพราะอันตราย หลังเสียงปืนเงียบ ตนลงมาจากชั้น 2 และเห็นน้องไทตัลถูกยิงอยู่ในอ้อมกอดแม่ หลังจากนั้นตนได้เข้าไปในเคาน์เตอร์ภายในร้านทอง พบผู้ได้รับบาดเจ็บสองคน คนหนึ่งอาการหนัก จึงได้ให้การช่วยเหลือด้วยการทำ CPR จนมีพยาบาลเข้ามาช่วยเหลือคนป่วย ตนจึงออกมาช่วยเหลือทำการปฐมพยาบาลโดยการห้ามเลือด ให้กับชายเสื้อขาวพ่อ แม่ ลูก นอกเคาน์เตอร์ และนำส่งรถพยาบาลเพื่อส่งโรงพยาบาลต่อไป”
ส.อ.คมกฤษ เบญจปรีชาสิทธิ์ กล่าวภายหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า ความรู้สึกที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นสัญชาติญาณของทหารที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ในการให้ทำการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในสถานการณ์ฉุกเฉิน และทำการปฐมพยาบาลขั้นตั้นก่อนนำส่งโรงพยาบาลจะทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตมากที่สุด เหตุผลในการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ เพราะว่าตนเองเป็นทหารมีหน้าที่ในการให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนตามที่ได้รับการปลูกฝังอุดมการณ์ทางทหาร
โดยเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 ที่ห้องประชุม 1 กองบัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช อ.เมือง จังหวัดลพบุรี พล.ท.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จ.ลพบุรี เป็นผู้แทน ผู้บัญชาการกองทัพบก มอบประกาศเกียรติบัตร และเงินบำรุงขวัญ ให้กับกำลังพลที่ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากเหตุการณ์คนร้ายก่อเหตุกราดยิงและชิงทรัพย์ ภายในร้านทองออโรร่า ณ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จังหวัดลพบุรี เมื่อวันที่ 9 มกราคม 63 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ แสดงให้เห็นว่ากำลังพลของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ เป็น ผู้ที่มีจิตใจกล้าหาญ มีน้ำใจในการช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่เกรงกลัวต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้น จึงสมควรได้รับการ ประกาศยกย่องชมเชย ในคุณงามความดี ที่เสียสละเข้าช่วยเหลือโดยใช้วิชาชีพและความรู้จากการฝึกในหลักสูตรทหารมาใช้ในสถานการณ์จริงโดยไม่ได้นิ่งเฉย หรือหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และกองทัพบกอีกด้วย
ขอบคุณเฟซบุ๊ก Thailand Vision