ความร่ำรวยที่ฟังดูเหมือนเวอร์ของปาโบล เอสโกบาร์ ราชายาเสพติดที่มีเงินมากสุดในโลก!
จากลูกชาวนาฐานะยากจนในประเทศโคลอมเบีย ชายวัย 35 ปีคนหนึ่งได้ไต่เต้าจนกลายเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ด้วยการค้าขายสารเสพติดจนกระทั่งได้รับฉายาว่า “ราชาแห่งโคเคน”
Pablo Escobar (ปาโบล เอสโกบาร์) พ่อค้ายาเสพติดและนักลักลอบขนโคเคนชื่อดัง หนึ่งในอาชญากรที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ หัวหน้ากลุ่มสหพันธ์ธุรกิจ “Medellín” ผู้ครอบครองตลาดโคเคน 80% จากทั่วโลก
ปาโบลหรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า “El Patron” ทำรายได้ให้ตนเองอย่างเป็นกอบเป็นกำจากธุรกิจมืดถึงสัปดาห์ละ 15,225 ล้านบาท จนก้าวเข้าสู่สถานะพ่อค้ายาที่ร่ำรวยที่สุดตลอดกาล
ท่ามกลางความไม่แน่นอนของวงการธุรกิจประเภทนี้ ปาโบลมีทรัพย์สินสิริรวมมูลค่าสูงสุดกว่า 1.08 ล้านล้านบาท
ช่วงกลางทศวรรษ 1980 สหพันธ์ธุรกิจของเอสโกบาร์สร้างรายได้ราวสัปดาห์ละ 420 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 797,000 ล้านบาทต่อปี
ปาโบลติดอันดับ 7 ของมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกจากการจัดอันดับโดย Forbes เป็นเวลา 7 ปีเต็มๆ ตั้งแต่ปีค.ศ.1987 ถึงค.ศ.1993
ทรัพย์สิน 80% ของเขามาจากธุรกิจการค้าและลักลอบขน “โคเคน”
เอสโกบาร์ลักลอบขนโคเคนเข้ามาในสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวน 15 ตันทุกวัน
จากข้อมูลของ Ioan Grillo ผู้เขียนหนังสือ “El Narco: Inside Mexico’s Criminal Insurgency” สหพันธ์ธุรกิจ Medellín ลักลอบขนโคเคนเข้ามาในสหรัฐฯ ผ่านทางชายฝั่งฟลอริดา ซึ่งเดินทางมาจากโคลอมเบียเป็นระยะทาง 900 ไมล์ โดยมีทั้งการขนขึ้นเครื่องบินแล้วหย่อนลงบนเรือสปีดโบ๊ท หรือขนมาสู่ชายฝังฟลอริดาทางอากาศโดยตรง
ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับโคเคนในสหรัฐฯจำนวน 4 ใน 5 คนล้วนแต่เป็นเครือข่ายของปาโบล
“ราชาแห่งโคเคน” สูญเสียรายได้ 76,000 ล้านบาทต่อเดือนเป็นประจำ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่
ทรัพย์สินของเขาจะเกิดปัญหาก็ต่อเมื่อมันถูกกักเก็บไว้เป็นเวลานานโดยไม่ได้ใช้จ่าย ปาโบลจึงมักนำเงินหลายล้านไปซื้อที่ดิน ฟาร์ม โกดังสินค้า และบ้านพักให้กับสมาชิกของ Medellín
ในหนังสือ “The Accountant’s Story: Inside the Violent World of the Medellín Cartel” ของ Roberto Escobar หนึ่งในหัวหน้าสหพันธ์ธุรกิจ Medellín ระบุไว้ว่า
“ปาโบลหาเงินได้มากเกินไป ทุกปีเขาจะต้องหาทางกระจายเงินออกจากคลังอย่างน้อย 10% ไม่อย่างนั้นมันอาจจะโดนหนูกัดแทะ น้ำท่วม หรือหายไปอย่างสูญเปล่า”
เขาใช้เงิน 90,600 บาทเป็นประจำทุกเดือนสำหรับค่า “ยางรัดปึกเงิน”
เนื่องจาก “การใช้เงิน” เป็นปัญหาใหญ่ข้อหนึ่ง เพราะจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการจัดการเงินตามมา สหพันธ์ Medellín จึงจ่ายค่ายางรัดเดือนละเกือบ 100,000 บาทเป็นประจำเพื่อให้เกิดความเคลื่อนไหวในคลัง
ปาโบลเผาธนบัตรรวมมูลค่า 72 ล้านบาทเพราะลูกสาวเป็นไข้
จากบทสัมภาษณ์ในนิตยสาร Don Juan ปี 2009 ลูกชายของเอสโกบาร์ Juan Pablo วัย 38 ปี ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น Sebastián Marroquín ได้เล่าถึงชีวิตความเป็นอยู่ร่วมกับราชาแห่งโคเคนผู้มั่งคั่ง
ตอนนั้นครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในแถบเทือกเขาที่ค่อนข้างห่างไกล แล้ว Manuela ลูกสาวของเอสโกบาร์ น้องสาวของ Juan เกิดป่วยด้วยภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ เอสโกบาร์ได้ตัดสินใจเผาธนบัตร 2 ล้านดอลลาร์เพื่อทำให้เธออบอุ่น
ผู้คนเรียกเขาว่า “โรบิน ฮู้ด” หลังจากเอสโกบาร์มอบเงินจำนวนมากให้กับผู้ยากไร้เพื่อใช้สร้างที่อยู่อาศัย สร้างสนามฟุตบอล 70 แห่ง และแม้กระทั่งสวนสัตว์
ปาโบลตกลงกับโคลอมเบียที่จะจำขังตัวเองในคุก “La Catedral” ที่เขาได้รับอภิสิทธิ์ ในการสร้างมันขึ้นเอง
ในปี 1991 เอสโกบาร์ได้ทำข้อตกลงกับรัฐบาลโคลอมเบียว่าจะยอมถูกจำคุก แต่ขอเลือกสถานที่ด้วยตนเอง ซึ่งก็คือบ้านพักที่เขาสร้างขึ้นเอง เอสโกบาร์ได้รับอนุญาตให้เลือกเจ้าหน้าที่ที่จะมาทำงานในคุกด้วยตนเอง เขาสามารถเชิญแขกมาเยี่ยมเยียนได้ และสามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ขณะที่ถูกขัง
La Catedral สะดวกครบครันด้วยสนามฟุตบอล ลานปิ้งบาร์บีคิว ชานพักผ่อนนั่งเล่น และตั้งอยู่ใกล้กับบ้านพักของครอบครัวปาโบล แต่อย่างไรก็ตามเอสโกบาร์ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินออกจากคุกไกลเกินระยะทาง 3 ไมล์