พ่อร่ำไห้ ไหว้ขมาญาตินักศึกษา ขอโทษที่ทำให้13คน ต้องตาย
จากกรณีเกิดเหตุรถกระบะพลิกคว่ำ บริเวณหน้าปากซอยกิ่งแก้ว 21 มุ่งหน้าลาดกระบัง ม.12 ถ.กิ่งแก้ว ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เป็นเหตุให้นักศึกษาของวิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษที่ถูกส่งมาฝึกงานที่ อู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง เสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บสาหัส 4 ราย
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว
ล่าสุด (29 ก.ย.62) ทีมข่า เดินทางลงพื้นสำรวจจุดเกิดเหตุเป็นถนน 4 เลน ยังคงมีเศษซากรถกระบะ รองเท้า และเครื่องแต่งกาย ของผู้เสียชีวิต อยู่รอบบริเวณที่เกิดเหตุ รวมไปถึงเสาไฟ ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ก็ได้รับความเสียหายพังยับเยิน
ขณะที่นายชาติชาย อุทัยพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เดินทางไปเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมกับมอบเงินเยียวยาให้ผู้บาดเจ็บ และญาติผู้เสียชีวิต รายละ 3 พันบาท ส่วนศพหลังทำการชันสูตรจะมอบให้ญาติไปบำเพ็ญกุศลตามภูมิลำเนา
ทีมข่าวได้สอบถาม นายเดชา เพ็ชรไทย เจ้าหน้าที่ป้องกันสาธารณะภัย ราชาเทวะ บอกว่า ตนรู้สึกเสียใจ เนื่องจากอุบัติเหตุในครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นน้องนักศึกษาที่กำลังจะจบการศึกษา อยากจะฝากถึงคนที่ขับขี่บนท้องถนนเส้นนี้ให้ใช้ความเร็วที่เหมาะสม เนื่องจากบริเวณถนนกิ่งแก้ว มักเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง
ด้านน.ส.วิว (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ภรรยาคนขับรถกระบะ เล่าว่า ขณะนี้สามียังมีอาการเลือดออกในสมอง ใต้ตาด้านซ้ายแตก ยอมรับว่าก่อนเกิดอุบัติเหตุ สามีตนดื่มสุราจนเมาจริง หลังเกิดเหตุการณ์ขึ้น รู้สึกตกใจ เพราะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก รู้สึกสงสารน้องๆ ที่ต้องมาเสียชีวิต และอยากจะขอโทษกับทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตทุกคน ถ้าเป็นไปได้อยากบอกกับสามีว่า ไม่น่าจะขับรถใจร้อน ระยะทางจะใกล้หรือไกล ถ้าดื่มสุราก็ไม่ควรขับรถ
นายทรงยศ โศกุล หรือ คิว อายุ 37 ปี พี่เขยนายพุฒธพงษ์ รื่นรมย์ หรือ เปา อายุ 21 ปี ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า หลังจากทราบเรื่องตกใจมาก ได้แต่ภาวนาอย่าให้เกิดเรื่องขึ้นกับน้อง วินาทีแรกที่เข้าไปเห็นร่างของน้องชายนั้น ตนเข่าอ่อน แต่ก็ฝืนเดินไปกระซิบที่ข้างหูน้องชาย แล้วบอกว่าพี่มาแล้ว น้องชายจึงหันมามอง และกระพริบตาให้ 1 ครั้ง
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว
ส่วนสภาพจิตใจของครอบครัวนั้น ยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้ เพราะน้องชายเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว โดยก่อนหน้านี้น้องชายไลน์มาหาพี่สาว ซึ่งเป็นแฟนตน ว่า คิดถึงพ่อ” ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกใจ เพราะปกติน้องชายไม่พิมพ์อะไรแบบนี้ ส่วนกรณีที่มีการขับรถยนต์แข่งกันนั้น ตนไม่ทราบ เพราะน้องตนยังพูดอะไรไม่ได้ พอเห็นคลิปจากกล้องวงจรปิด ก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำไมถึงขับรถเร็วขนาดนั้น รู้ทั้งรู้ว่ามีเด็กนั่งอยู่ท้ายกระบะ
ขณะที่นายเลิศ สุขจันทร์ อายุ 55 ปี พ่อของนายนิตยา คนขับรถกระบะ เล่าว่า หลังจากที่กลุ่มคนเจ็บและผู้เสียชีวิตเดินทางไปดูหมอลำ นายนิตยาเห็นว่า การเต้นของรุ่นน้องและกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ อาจจะส่งผลให้เกิดปัญหา จึงชักชวนทุกคนขึ้นรถ เพื่อกลับที่พัก กระทั่งมาเกิดอุบัติเหตุ หลังเกิดเหตุการณ์รู้สึกตกใจ รวมทั้งทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นตรงไหน จึงอยากขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียทั้งหมด และขอโทษแทนลูกชายทั้งหมด เชื่อว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว ตนก็พร้อมที่ยอมรับผิดทั้งหมด