จากสาวสวยดาวมหา'ลัย กลายเป็นสาวอัปลักษณ์ต้องพบเจอกับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
มีผู้หญิงคนหนึ่งต้องพบเจอกับความทุกข์แบบที่เรียกได้ว่าน้อยคนจะได้เจอ เธอเป็นสาวสวยตอนอายุ ๒๑ ปี เป็นดาวมหาวิทยาลัย ต่อมาเธอได้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งทางอินเทอร์เน็ต ติดต่อกันสักระยะหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นก็หลง รักเธอทั้งๆ ที่ยังไม่เคยเจอตัวกัน พอได้เจอตัวกันก็ยิ่งหลงรักมากขึ้น แต่เธอบอกกับชายคนนั้นว่าเธอไม่ได้รักเขา
ผู้ชายคนนั้นโกรธมาก ถึงกับเอาน้ำกรดสาดหน้าเธอจนเสียโฉมไปทั้งใบหน้า และยังทําให้ตาบอดไปอีกข้างหนึ่งด้วย คนที่เคยภูมิใจกับความสวยงามของตน พอถูกน้ำกรดทําลายให้เสียโฉมอย่างนี้ก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ทั้งนั้น เธอก็เช่นกัน คิดถึงการฆ่าตัวตาย แต่พอนึกถึงแม่แล้วก็เปลี่ยนใจ ไม่อยากทําร้ายตัวเอง เพราะจะทําให้แม่เสียใจ
เธอตัดสินใจย้ายบ้าน เพราะอับอายคนที่เคยรู้จักเธอและเห็นใบหน้าที่สะสวยของเธอมาก่อน แต่แม้จะย้ายบ้านเธอก็มีความทุกข์มาก อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป ๓-๔ ปี เธอกลับกลายเป็นคนใหม่ ไม่รู้สึกอับอายกับ ใบหน้าที่เสียโฉมอีกแล้ว ปล่อยวางได้ ทุกวันเธอนั่งรถไฟฟ้าไปทํางานมีคนมาทักเธอ เธอก็ไม่รู้สึกอับอาย พูดคุยกับเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอมีอาชีพเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ของธนาคารแห่งหนึ่งมีความสุขกับการทํางาน เพราะเจ้านายก็ดี เพื่อนร่วมงานก็ดี
เคยมีคนมาถามเธอว่าโกรธคนที่เอาน้ำกรดมาสาดหน้าหรือไม่ เธอบอกว่าไม่โกรธเลย ต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำ ที่ทําให้เธอเป็นแบบนี้ เธอบอกว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลดีแก่เธอหลายอย่าง คือ ทําให้เธอมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ถ้าเธอหน้าตาไม่เสียโฉมก็คงจะไม่อยู่ติดบ้าน เพลิดเพลิน กับแสงสี แต่พอเป็นอย่างนี้แล้วเธอจึงอยู่กับ ครอบครัวมากขึ้น ที่สําคัญก็คือ เหตุการณ์นั้นทําให้ เธอมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ทําให้เธอได้คิดว่าทุก อย่างมันไม่เที่ยง มีวันหมดอายุ เธอบอกว่า “ถ้าเราไม่สูญเสียตรงนี้ อนาคตเราแก่ไป มันก็ต้องไปตามกาลเวลา มันก็ทําให้เราปล่อยวาง พอเราปล่อยวางเรื่องตัวของตัวได้ เวลาเจอเรื่องอะไรที่มันแย่ๆ หรือมีคนพูดไม่ดี เราก็ไม่สนใจ เพราะเรา ไม่ได้ยึดติดตรงนั้นแล้ว” นี้เป็นตัวอย่างของคนที่เจอทุกข์แล้วจึงได้พบธรรมะ
ที่จริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างทุกข์กับธรรมะไม่ได้มีเพียงเท่านั้น หากใคร่ครวญให้ดีจะเห็นว่าการเจอทุกข์ช่วยให้ได้เห็นธรรมะแจ่มแจ้งโดยตรง ยกตัวอย่างเรื่องของนางกีสาโคตมีที่เสียลูกไป หากนางไม่เสียลูกไปก็คงจะ ไม่เห็นว่าสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง ที่จริงแล้วนางเป็นคนฉลาด แต่ว่ายากที่จะพบธรรมได้หากไม่เสียลูก ลูกของนางยังเล็กกําลังน่ารัก พอนางต้องเสียลูกไปก็ เห็นเลยว่าคนเราหนีความพลัดพรากสูญเสียไม่พ้นนางยอมรับได้ว่าทุกคนต้องตาย ทุกคนต้องสูญเสียคนรัก หรือสิ่งอันเป็นที่รัก
พอนางเผาลูกของตนเองแล้วก็มาเฝ้าพระพุทธเจ้า พระองค์แสดงธรรมเพียงแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้นชี้ให้เห็นถึงความไม่เที่ยงของชีวิต นางก็บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันทันที ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะนางได้เจอได้เจอความ ทุกข์มาด้วยตนเองจึงเข้าใจธรรมะของพระพุทธองค์อย่างแจ่มแจ้ง ถ้านางไม่พบเจอความสูญเสียด้วยตนเอง ฟังไปก็แค่เข้าใจ คงไม่เกิดปัญญาถึงขั้นที่จะ บรรลุธรรมเป็นพระอริยเจ้าได้
จากหนังสือ พลิกจิต ชีวิตเปลี่ยน
พระไพศาล วิสาโล