ตำนาน"ศาลเจ้าพ่อตาเดียว"
หากเพียงได้ยินแต่ชื่อทุกคนคงต้องรู้สึกแปลก ๆ ด้วยชื่อว่า "เจ้าพ่อตาเดียว" ที่แห่งนี้เป็นศาลสำหรับสิงสถิตบูชาอยู่บริเวณไหล่เขาซึ่งใกล้กับอาคารเรียนของแผนกช่างยนต์โดยลักษณะรูปประติมากรรมดังกล่าวหันหน้าไปทางทิศตะวันตกลักษณะงานประติมากรรมเป็นลักษณะงานแบบลอยตัวหรือประติมากรรมที่เราสามารถชมได้รอบด้านโดยเป็นเศียรครูฤาษีตั้งอยู่บนศาล แต่จุดเด่นที่น่าสนใจคือศาลฤาษีดังกล่าวมีตาเพียงข้างเดียว ส่วนด้านหลังเป็นลักษณะของศาลสิงสถิตสำหรับบูชา
ในตำนานกล่าวไว้ว่า ทวดตาเดียว ฤาษีตาเดียว หรือพระศุกร์ ถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความงาม ความรัก และสันติภาพ พระศุกร์หรือเจ้าพ่อตาเดียวถือเป็นพระอาจารย์ของเหล่าเทวดาและอสูรส่วนสาเหตุที่ต้องเสียดวงตาไปข้างนึงนั้นเชื่อกันว่าเพราะเคยลองฤทธิ์กับพระนารายณ์แต่พ่ายแพ้ถูกพระนารายณ์ใช้ยอดหญ้าทิ่มแทงถูกดวงตาจนบอด
อนึ่งความเชื่อที่ว่าสมัยก่อนในบริเวณวิทยาลัยเทคนิคแห่งนี้เป็นป่ารกทึบ มีเจ้าหน้าที่เป็นคนอิสลาม (ชายชรา) มีดวงตาเพียงข้างเดียว ชาวบ้านในบริเวณนี้มักจะเรียกกันว่า บังตาเดียว ท่านได้มอบผืนดินแห่งนี้ให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน นั่นก็คือใช้ที่ตั้งวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ ในสมัยก่อนซึ่งราวปี 2536 เคยได้มีการจัดพิธีกรรมบวงสรวงทวดตาเดียวเป็นพิธีที่จัดบวงสรวงในยามค่ำคืนราว ๆ 2 ทุ่ม นักศึกษาในชั้นปีที่ 1 ทุกคนต้องมานั่งรวมตัวกันบริเวณชิงเขาหลังจากนั้นจึงเริ่มทำพิธีฝากตัวเป็นผู้อาศัยกับทวดตาเดียว โดยทำการเก็บใบไม้คนละ 1 ชิ้น ระลึกถึงสิ่งไม่ดีทั้งหมดไว้ในใบไม้ใบนั้นเก็บมารวมกันให้พราหมณ์ (จำแลง) นำขึ้นไปฝังไว้ตรงเชิงเขาที่อยู่ของท่าน เพราะเชื่อกันว่าจะทำให้นักศึกษาที่เข้ามาเรียนอยู่เย็นเป็นสุข
ในขณะดียวกัน ครูท่านนึงได้เคยเล่าไว้ว่าเคยมีเด็กเล่นพิเรนไปเยี่ยวข้างศาลเจ้าพ่อตาเดียวผลก็คือไปไหนมาไหนไม่ได้ต้องเดินวนเวียนอยู่บริเวณรอบศาลจนผ่านไปเป็นอาทิตย์พ่อแม่ถึงได้รู้เลยมาแก้ของให้หลังจากนั้นจึงหายเป็นปกติ ศาลเจ้าพ่อตาเดียวแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งศักดิ์ที่นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ให้ความเคารพกันอย่างมากรวมถึงบุคลากรในวิทยาลัยเอง เรียกได้ว่าหากใครมาเยือนต้องมีกราบไหว้กันหากถามไถ่ดูจากคนแถว ๆ นี้จะรู้ว่าท่านศักดิ์สิทธิ์จริงในช่วงของวันใกล้สอบเองก็จะมีการเซ่นไหว้เยอะมากเหมือนกัน หากประสงค์จะขอสิ่งใดก็ได้ดั่งใจปรารถนาอย่างแน่นอน
แหล่งที่มา: Cr.คุณาพร ไชยโรจน์