ขวัญกระเจิงกันทั้งไซด์งาน
เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นในไซต์งานก่อสร้าง แห่งหนึ่งที่ต่างจังหวัด
สถานที่ก่อสร้าง จะอยู่เกือบๆติดชายแดนเพื่อนบ้านที่มีบ่อนใหญ่อยู่แถวนั้น
การเดินทางเข้ามาที่ไซต์งานนั้น ก็เลยดูค่อนข้างจะกันดารพอสมควร
ผมได้มาประจำอยู่ที่ไซต์งานแห่งนี้ ก็ตอนโครงสร้างหลักขึ้นมาได้ 3-4 ชั้นแล้ว
ผมอาศัยอยู่ที่แค้มป์พัก ในไซต์งานนั้น
แรกๆยอมรับว่าคิดถึงบ้านมาก เพราะมันห่างไกลชุมชน และรอบๆแถวนั้น ก็เป็นป่าเสียส่วนใหญ่
มีบ้านเรือนคนแถวนั้นบ้าง แต่ก็ไม่หนาตานัก เนื่องจากอยู่ในซอยลึกพอสมควร
ที่แค้มป์พักคนงาน จะแบ่งเป็นส่วนที่พักของช่างและคนงานทั่วไป
จะทำเป็นห้องกั้นสังกะสีเรียงติดๆกันไป เป็นแนวยาว
และ ส่วนของที่พักวิศวกรก็จะแยกออกมาดูเป็นสัดส่วนต่างหาก
บรรยากาศก็จะไม่จ๊อกแจ๊กจอแจมากนัก
หัวหน้าผมเขาจะรับผิดชอบเรื่องงานโครงสร้างเป็นหลัก และมีลูกน้องเป็นช่างอยู่หลายทีม
ส่วนผมจะดูแลรับผิดชอบเรื่องงานระบบคู่อยู่กับวิศวกรอีกคน
ก็จะมีทีมโฟร์แมนและทีมช่างงานระบบอีกทีมต่างหาก
หลังจากที่ทำงานมาได้ซักเดือนสองเดือน
ก็พอจะเริ่มคุ้นเคยกับพวกช่างในทีมผมบ้าง พอสมควรแล้ว
ส่วนช่าง ทีมอื่นๆของหัวหน้า ก็รู้จักหน้าคาดตากันเพียงผิวเผินเท่านั้น
แต่ทุกอย่างก็ดำเนินการไปอย่างราบรื่นดีไม่มีปัญหาอะไรมากนัก
จนพอโครงสร้างขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้าเสร็จ เริ่มมีงานก่อผนังกั้นห้อง เป็นส่วนใหญ่
งานผมก็เริ่มจะยุ่งมากขึ้น เพราะต้องคุมลูกน้องให้แบ่งงานกันออกไปหลายทีม
วันหนึ่ง ช่วงสายๆ อยู่ๆ เถ้าแก่
แกก็มา ดูหน้างาน โดยไม่คาดคิด
เล่นเอาทุกคนประหลาดใจ อย่างไม่ทันตั้งตัว
เพราะถ้าไม่ได้มีนัดประชุมอะไร เถ้าแก่จะไม่ค่อยมา
วันนั้นเลยดูโกลาหนกันเป็นพิเศษ
เถ้าแก่ เดินตรวจดูทุกชั้นด้วยตัวเอง อย่างละเอียด
สั่งการลูกน้องเสียงดังไปมา ตามสไตล์นายช่างใหญ่
ช่วงบ่ายๆ ก็เรียกหัวหน้าช่างกับวิศวกรมาประชุม
หลังจากประชุมเสร็จ ช่วงเย็นๆ เถ้าแก่ก็เดินทางกลับ
ปกติ เวลาเถ้าแก่มา ผมจะเห็นพี่คนขับรถ
มานั่งรอเถ้าแก่ในที่พักด้านหน้า
อยู่ข้างๆคอนเทนเนอร์ที่เราประชุมกัน
แต่วันนี้ ไม่เห็นคนขับรถเถ้าแก่เลย
พอเดินไปส่งเถ้าแก่ที่รถกัน ก็เห็นรถตู้สีดำของเถ้าแก่ จอดติดเครื่องอยู่แล้ว
ก็เลยแปลกใจว่า คนขับรถไปสตาร์ทรถรอตั้งแต่เมื่อไหร่
หรือว่า สตาร์ทรถรอไว้ตั้งแต่แรกที่มาถึง
จนพอคนขับรถลงมาเปิดประตูให้เถ้าแก่ขึ้นรถ มันก็ทำให้ผมสิ้นสงสัย
เพราะผมดัน บังเอิญมองเข้าไปในรถพอดี ทำให้เห็นช่วงต้นขาของผู้หญิงคนหนึ่ง
กำลังขยับตัวเองถอยไปที่เบาะหลัง
ลักษณะเหมือนคนใส่กระโปรงนักศึกษาสั้นๆเลยเข่าขึ้นไป
ขาขาว เรียวสวย จนดูเด่นกว่าขาคนธรรมดา
อ๋อ เพราะมีคนรออยู่ในรถนี่เอง
พอเห็นแว๊บหนึ่ง เถ้าแก่รีบขึ้นรถ คนขับก็ปิดประตูทันที
แล้วไม่นาน รถเถ้าแก่ ก็เคลื่อนที่ออกไป
ผมก็หันมาถามพี่หัวหน้าผมว่า "พี่เมื่อกี๊พี่เห็นไหม ขาขาวมากเลย"
หัวหน้าผมหันมา ตอบผมว่า "ไม่รู้ ไม่ทันได้มอง"
แล้วหัวหน้าผมแกก็พูดต่ออีกว่า
"เถ้าแก่แกมีกิ๊กตั้งหลายคน เดี๋ยวอีกหน่อย เอ็งก็ชินเอง"
ผมก็เลยไม่ได้คิดอะไร ก็แยกย้ายกันไปทำงานต่อ
วันนั้นเราต้องเร่งงาน เลยทำโอทีกันจนดึก ซักช่วงประมาณ เกือบๆเที่ยงคืน
ช่วงที่กำลังเก็บข้าวของกันลงมาจากตึก ตอนนั้นผมอยู่บนตึกมองลงไปข้างล่าง
อยู่ๆก็เห็นเหมือนมีรถตู้สีดำ วิ่งเข้ามาในไซต์งาน
พอมองดูดีๆ ก็คล้ายๆรถเถ้าแก่
" อ้าว รถเถ้าแก่ แกมาทำอะไรอีก ดึกขนาดนี้แล้ว "
ผมได้แต่พรึมพรำ ไปตามประสา
หลังจากคุมช่างลงมาข้างล่างแล้ว เอาเครื่องไม้เครื่องมือไปเก็บในสโตร์
ผมก็เลยถามน้องผู้หญิงที่เป็นเจ้าหน้าที่สโตร์ว่า
" เถ้าแก่ แกกลับไปแล้วหรือ "
" แกมาทำอะไร "
น้องเจ้าหน้าที่สโตร์คนนั้นก็เลยตอบว่า
" กลับไปแล้ว "
" แกเอาของอะไรมาฝากเก็บไว้สักอย่างนี่แหละ "
"เห็นให้คนงาน ไปช่วยยก"
"เอาไปเก็บไว้ ห้องข้างๆ"
"เสร็จแล้ว แล้วก็กลับไปเลย"
ผมก็ได้แต่ พยักหน้ารับรู้ ไม่ได้คิดอะไร
คือ ห้องข้างๆสโตร์เก็บของ
มันเป็นห้องที่ใช้สำหรับเก็บเครื่องปรับอากาศ ที่จะใช้ติดตั้งบนตึก อะครับ
ห้องนั้นมันก็เลยถูกล็อคกุญแจไว้เป็นพิเศษ
จะมีสิทธิ์เข้าได้ เฉพาะคนที่เกี่ยวข้องไม่กี่คนเท่านั้น
ก่อนจะกลับ ผมเลยคุยเล่นๆกับน้องคนนั้นว่า
"อ้อ ทำไมเถ้าแก่ วนกลับมาอีก แกไม่ได้กลับกรุงเทพหรือ มาซะดึกเชียว"
น้องคนนั้นก็เล่าว่า
"เห็นพี่คนขับรถ บอกอะนะ จะพาเถ้าแก่ข้ามไปเข้าบ่อน"
"อีกวัน สองวัน ถึงจะกลับ"
ผมก็เลยได้แต่นึกในใจ
"อ๋อ สงสัยไม่อยากบรรทุกของหนักไปละมั้ง"
"เลยเอาอะไรมาฝากไว้ก่อน"
หลังจากกลับเข้าห้องพัก จัดแจงทำธุระส่วนตัวเสร็จสับ ผมก็เข้านอน
ช่วงกำลังจะหลับ อยู่ๆก็ได้ยินเสียงหมาหอนระงมขึ้น ดังแว่วมาจากรอบทิศทาง
จนผมรู้สึก แปลกใจ ปนขนลุกขึ้นมาหน่อยๆ
อยู่มาหลายเดือนแล้ว ไม่ค่อยได้ยินเสียงหมาหอนเสียงเย็นยะเยือกแบบนี้เลย
วันนี้มันวันอะไรของมัน ถึงได้พร้อมใจกันหอนซะขนาดนี้
พอนิ่งฟังได้สักพัก เสียงหมาหอนก็เงียบไป ผมก็เลยพยายาม นอนต่อ
พอกำลังจะเคลิ้มหลับ
อยู่ๆก็ได้ยินเสียง เอะอะ ดังขึ้นมาจากข้างนอก อีก
พอตั้งใจฟังดีๆ ก็ได้ยินเหมือนเสียงคนทะเลาะกันอยู่ไกลๆ แถวๆค่ายพักคนงานอีกฟาก
พยายามฟังอยู่พักหนึ่งว่าเสียงนั้นจะเงียบไปเองไหม
แต่ก็ เหมือนยิ่งเสียงดังขึ้น
ผมก็เลยรีบลุกขึ้นมาเปิดไฟแล้วก็เดินออกไปดูนอกห้อง
พอเดินไปดูตรงทางเดินชานพักด้านหน้า
ก็เห็น เพื่อนข้างๆห้อง พากันเดินออกมายืนดูกันอยู่แล้ว
พอมองไปที่แค้มป์พักคนงานอีกฝั่ง ก็เห็นคนมุงดูอะไรอยู่กลุ่มหนึ่ง
พวกผมก็เลยพากันวิ่งไปดู
ปรากฏว่า
กลุ่มคนตรงนั้นเขากำลังห้าม สองผัวเมีย ที่กำลังทะเลาะกันอยู่
เมียเอาขวดเบียร์ตีหัวผู้ชาย จนเลือดอาบหน้า แล้วก็มีคนมายืนห้าม
ให้เลิกตบตีกัน
หัวหน้าผมก็เข้าไปห้ามด้วย บอกให้แยกๆ
พอสอบถามว่าเป็นอะไรกันอยู่ๆทำไมมาทะเลาะกัน ดึกดื่นแบบนี้
"ผู้ชายเมาหรือเปล่า"
ผู้ชายก็ตอบว่า
"ไม่ได้เมา ก็นั่งดูบอลอยู่ แล้วก็ลุกไปเยี่ยวข้างนอก
เดินกลับเข้ามา มันก็เอาขวดตีหัวเลย ผมไม่ได้ทำอะไรเลย"
พอถามไปอีกฝ่าย
"เอาขวดไปตีหัวเขาทำไม"
ผู้หญิงก็ตอบว่า
"บอกให้มันนอน มันก็ไม่ยอมนอน มันบอกจะรอดูบอล
ที่ไหนได้ มันแอบนัดผู้หญิงไว้
กะจะรอให้ฉันหลับแล้วจะไปหาผู้หญิงใช่ไหม"
แล้วต่างฝ่ายก็ต่างโต้เถียงกันอีก จนฟังไม่รู้เรื่อง
ฝ่ายชายเอง ก็โต้ว่า "ไม่มีใคร" "ผู้หญิงที่ไหนกัน"
ฝ่ายเมีย ก็โต้กลับว่า
"ก็ผู้หญิงผมยาวๆใส่ชุดขาวๆอะใคร เห็นกะตา อย่ามาแก้ตัว"
ผู้ชายก็บอกว่า "เอ็งตาฝาดแล้ว อย่ามามั่ว"
ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมา จนผมฟังแล้วก็ปวดหัว
แล้วดึกขนาดนี้ ผู้หญิงที่ไหนจะมาหาลุง อีกวะ
ฟังแล้วมันก็แปลกๆ
พอยกนาฬิกามาดู ก็ตีหนึ่งกว่าจะตีสองแล้ว
สรุป
หัวหน้าผมก็เลยให้ลูกน้อง พาคนเจ็บขึ้นรถไปหาหมอ
พอทุกอย่างเคลียร์ คนก็แยกย้ายกันกลับ ไปพักผ่อน
นับเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นการทะเลาะกันแบบนี้ เกิดขึ้นในไซต์งาน
ปกติ เวลาวันหยุด ก็จะมีพวกช่างนั่งกินเหล้ากินเบียร์ ส่งเสียงดังกันบ้าง
แต่ก็ไม่เคย มีเรื่องทะเลาะอะไรกันให้เห็น แบบนี้
พอแยกย้ายกันเข้านอน นอนได้สักพัก ผมก็หลับไป
มารู้สึกตัวอีกทีตอนเกือบๆจะสว่าง มีคนมาเคาะประตูห้องผม
ผมงัวเงีย ตื่นขึ้นมา แบบคนนอนยังไม่เต็มอิ่ม
รู้สึกเหมือนพี่งหลับไปไม่นานเอง
พอผมเดินไปถามว่ามีอะไร ก็มีเสียงผู้ชายดังมาจากนอกประตู ว่า
ลูกพี่ ลูกพี่ มีคนถูกไฟดูด อยู่หน้าโครงการ
เอาหละสิ
พอได้ยินแบบนั้น เหมือนผมหายง่วงเป็นปลิดทิ้งเลยครับ
รีบคว้าเสื้อมาใส่ แล้วก็รีบเปิดประตูออกไปทันที
ผมรีบวิ่งไปหน้าโครงการ พร้อมกับคนที่มาตามผม
พอวิ่งไปถึง หน้าโครงการ ก็เห็นคนสองสามคน ยืนดูร่างคนคนหนึ่ง นอนอยู่ที่พื้น
ผมเลยรีบวิ่งเข้าไปดู เห็นคนที่นอนอยู่ สลบไปไม่ได้สติ
ก็เลยถามคนที่อยู่ตรงนั้นว่า ทำไมโดนไฟดูดได้
เพื่อนคนงานคนนั้น ก็เลย เล่าว่า ปกติก็จะตื่นมาวิ่งกันแต่เช้ามืดอยู่แล้ว
ก็พากันวิ่งเล่นอยู่แถวหน้าโครงการไปมา ไม่ได้ใส่ใจว่าเพื่อนมันทำอะไร
แต่เห็นเหมือนมันยืนคุยอยู่กับใคร ตรงมุมมืดๆหน้าโครงการ
ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร วิ่งเล่นไปมาได้สักพัก ก็ได้ยินเสียง ตึง
พอหันไปดู ก็เห็นเพื่อนมันยืน เอามือล้วงเข้าไปในตู้ไฟหน้าโครงการแล้ว
พอมันล้มลง ก็สลบอยู่ตรงนี้เลย
ผมเลยรีบให้คนขับรถพาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล
แล้วผมก็ไปดูตรง ตู้ไฟที่ คนงานมันเอามือล้วงเข้าไป
มันเป็นตู้ไฟที่จ่ายไฟ แยกไปให้กับค่ายพักคนงาน
ปกติจะมีกุญแจล็อคตู้ไว้ แต่ทำไม วันนี้ กุญแจมันไม่ได้ล็อค
พอดูแล้วไม่มีความเสียหายอะไรกับตู้ไฟ ก็เลยให้ช่างมาล็อคกุญแจไว้
โปรดติดตามตอนต่อไป