แอร์ซาตซ์ (Ersatz) อาหารยุคสงครามโลกครั้งที่1
แอร์ซาตซ์ (Ersatz) อาหารยุคสงครามโลกครั้งที่1
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เป็นการสงครามระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตร ที่นำโดยสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกาและจักรวรรดิรัสเซีย กับฝ่ายมหาอำนาจกลาง นำโดยจักรวรรดิปรัสเซีย(เยอรมัน) จักรวรรดิออสเตรีย–ฮังการี และจักรวรรดิออตโตมัน(ตุรกี) สงครามดังกล่าว เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1914 จนถึง ค.ศ. 1918 และได้ล้างผลาญชีวิตมนุษย์ไปถึงสิบแปดล้านคน
ระหว่างสงคราม อังกฤษใช้กลยุทธปิดล้อมเยอรมันทางทะเล เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าว เยอรมันมีความสามารถในการผลิตอาหารได้เพียงร้อยละแปดสิบของปริมาณความต้องการทั้งประเทศและต้องพึ่งพาการนำเข้าอาหารถึงร้อยละยี่สิบ ดังนั้น เมื่อถูกปิดล้อม จึงเกิดภาวะขาดแคลนอาหารขึ้นในเยอรมัน จนชาวเยอรมันในยุคนั้น ต้องหันไปพึ่งอาหารเทียม
การทำไส้กรอกจากเนื้อเทียม
อาหารเทียม หรือที่เรียกว่า แอร์ซาตซ์ (Ersatz) เป็นอาหารที่ถูกผลิตขึ้นให้มีความใกล้เคียงกับอาหารจริงๆ แม้วัสดุบางอย่าง อาจดูเหมือนไม่น่าจะกินได้(หรือไม่ควรกิน) แต่อย่างน้อย ก็ช่วยต่อชีวิตผู้คนที่กำลังหิวโหยให้อยู่รอดไปได้ จนกระทั่งสงครามสิ้นสุดลง และต่อไปนี้ คือ บางส่วนของอาหารแอร์ซาตซ์ ที่ชาวเยอรมันในยุคนั้นกิน
ภาพใบปิด ของสหราชอาณาจักร มีข้อความว่า"ประหยัดแป้งสาลี เพื่อช่วยกองทัพเรือ"เป็นการรณรงค์ให้กินขนมปังอ
ขนมปัง – ถูกเปลี่ยนจากใช้แป้งสาลีทำมาเป็นแป้งที่ทำจากถั่วและถั่วลันเตา นอกจากนี้ยังผสมผงขี้เลื่อยลงไปในแป้งสำหรับอบขนมปังเพื่อเป็นการเพิ่มปริมาณด้วย
ต้นโคลเวอร์(Clover)ที่นำมา
ขนมเค้ก – ทำจากแป้งเกาลัดและแป้งที่ได้จากต้นโคลเวอร์ ซึ่งเมื่อนำไปอบแล้ว เนื้อจะแฉะกว่าเค้กธรรมดา
เนื้อ – ความขาดแคลนเนื้อสัตว์ทำให้มีการนำเอาผักขม มันฝรั่ง ถั่วลิสงและไข่เทียม มาบดผสมและอัดรวมกันเป็นชิ้น หรือยัดเป็นไส้กรอก แต่บางครั้งก็จะมีเนื้อสัตว์ผสมลงไปด้วย เพียงแต่เนื้อที่ใส่ บ่อยครั้ง ไม่ใช่เนื้อวัว หมู แกะหรือไก่ แต่มักจะเป็นเนื้อม้าที่ตายจากระเบิดในสนามรบ
เนย – ถูกเพิ่มปริมาณ ด้วยการผสมแป้ง นอกจากนี้ยังมีการทำเนยจากนมที่จับตัวเป็นก้อนผสมกับน้ำตาลและใส่สีเหลืองลงไป
ไข่เทียม – ทำมาจากข้าวโพดผสมมันฝรั่ง
พริกไทย – ถูกเพิ่มปริมาณด้วยการผสมขี้เถ้าลงไป
ไขมัน – มีความพยายามสกัดไขมันจากสิ่งต่าง ๆ ทั้งจาก หนูนา หนูบ้าน อีกา แมลงสาบ(แหวะ) หอยทากรองเท้าบู๊ตและรองเท้าอื่น ๆ แต่ไม่มีวิธีไหนเวิร์คเท่าที่ควร(แต่ละอย่าง)
กาแฟ – กาแฟเทียม ทำจากลูกนัตอบและปรุงรสด้วยน้ำมันดิน (อันนี้ ทำให้นึกถึงเมืองไทยสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ก็มีกาแฟปลอม ที่ทำจากเม็ดมะขามคั่วเอามาบดแทนเม็ดกาแฟเหมือนกัน)
หัวเทอร์นิป(Turnip) อาหารที่หาได้ง่ายที่สุดในร
คงไม่ต้องห่วงว่าผู้ที่กินอาหารเหล่านี้เข้าไป จะมีสุขภาพเป็นอย่างไร เพราะในช่วงเวลานั้น ขอเพียงมีอาหารยาไส้ก็นับว่าดีพอแล้ว อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดเมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายในปี ค.ศ.1918 แม้แต่อาหารแอร์ซาตซ์ก็ไม่มีเหลือและสิ่งที่ชาวเยอรมันต้องกินเพื่อประทังชีวิต ก็มีเพียงหัวผักกาดเทอร์นิป(turnip) กับเศษอาหารเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
…..นี่แหละรสชาติอันแสนโหดร้ายของสงคราม
ทหารเยอรมันในแนวรบด้านตะวั