เรื่องเลวร้ายที่สวยงาม !!ของแมว!! พันธุ์สฟิงซ์ (Sphynx ) กับความต้องการของคนที่อยากได้แมวแปลกๆ แบบแมวสฟิงซ์ขาสั้นๆ
สภาพ แมว สฟิงซ์ ในค่าเฟ่แมวที่เป็นข่าว
จากที่เป็นข่าว ค่าเฟ่แมวดัง มีการผสมสายพันธุ์แมวแปลก เพื่อตอบสนองความต้องการของคนเลี้ยง จนมีคนไปพบแมวอยู่ในสภาพป่วย ยังมีซากแมวพันธุ์สฟิงซ์ถูกแช่แข็งอีกนับสิบตัว ซึ่งในข่าวระบุว่า มีการผสมพันธ์ุ แมวสฟิงซ์ เข้ากับแมวพันธุ์ขาสั้น ให้ได้ แมวสฟิงซ์และขาสั้นด้วยซึ่งแปลกไปอีก ชอบจริงนะคนเรา โดยไม่สนใจว่า แมวที่ออกมาจากการผสมโดยใช้ยีนส์ด้อย จะทำให้แมวมีภูมิคุ้มกันน้อยลง สุขภาพไม่แข็งแรง ไม่ต่างจากการ ทรมารสัตว์ (จริงๆ แล้ว ก็เกิดขึ้น ในสัตว์หลายๆ ประเภท ที่เขาต้องการแค่ความสวยงาม ความแปลก เช่น ปลาทอง ปลากัด ปลาหางนกยูง หมา วัว อื่นๆ ต้นไม้ก็มีนะ ที่ทำแค่เพื่อธุรกิจ
มีระบุไว้ใน wikipedia กับแมว สฟิงซ์ (Sphynx Cat ) ที่ต่อมาได้มีการผสมข้ามพันธุ์ โดยเอายีนส์ด้วยของมัน จนกลายเป็นแมวพันธุ์หนึ่ง โดยที่ใช้แมวขนสั้นของอเมริกามาผสม สมาคมผู้เลี้ยงแมวส่วนใหญ่ไม่ยอมรับแมวพันธุ์นี้ และเป็นพันธุ์ที่มีปัญหาถกเถียงกันอยู่
แมวแบมบิโน่ ( Bambino Cat)
ด้านเพจ Drama-addict โพสต์ไว้ว่าเข้าใจว่าเป็นพันธ์ แบมบิโน่ ( Bambino Cat) แมวไร้ขนขาสั้น ที่อ้างว่านำเข้าจากรัสเซีย(Imported from Russia) ราคาเหยียบแสน
เป็นพันธ์ที่เกิดจากการผสม สฟิงค์ (แมวไร้ขน)
กับ munchkin มึนชกิน แมวไส้กรอกขาสั้นๆเตี้ยๆ นั่นน่ะ
เป็นสายพันธ์ใหม่ที่เพิ่งจดทะเบียนโดยนักเพาะพันธ์แมวไม่นานนี้
แต่ยังมีข้อกังวลด้านสุขภาพของสายพันธ์นี้ เพราะเป็นการรวมของยีนส์ด้อยหลายอย่าง และข้อมูลปัญหาสุขภาพของแมวสายพันธ์นี้ยังน้อยเกินไป
----------------------------------------------
แมวสฟิงซ์ (Sphynx )
ต้นกำเนิด
ต้นกำเนิดของแมวสฟิงซ์ยังเป็นที่ถกเถียงกันถึงแหล่งที่มาว่ามีแหล่งกำเนิดมาจากอียิปต์หรือฮาวายแต่แมวสฟิงซ์ตัวแรกที่ถูกนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงเกิดขึ้นครั้งแรกในแคนาดาเมื่อปี 1966 ต่อมาจึงได้กลายเป็นแมวพันธุ์ๆหนึ่ง โดยใช้แมวขนสั้นของอเมริกามาผสม สมาคมผู้เลี้ยงแมวส่วนใหญ่ไม่ยอมรับแมวพันธุ์นี้ และเป็นพันธุ์ที่มีปัญหาถกเถียงกันอยู่
การค้นพบ
ตามบันทึกได้มีระบุว่ามีการค้นพบแมวสฟิงซ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1830 หรือบางบันทึกระบุว่ามีการพบครั้งแรกที่ประเทศเม็กซิโกเมื่อปี ค.ศ. 1900 ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัด หลังจากนั้นข่าวคราวของมันก็เงียบหายไป จนกระทั่งมามีการพบอีกครั้งที่สหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1950 แมวสฟิงซ์ใน ปัจจุบัน หรือ "โมเดิรน์สฟิงซ์" เป็นลูกหลานของแมวไม่มีขน ที่เกิดในแคนาดา เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1960 – 1970 โดยกลุ่มคนรักแมวในประเทศแคนาดานำไปพัฒนาสายพันธุ์ กระทั่งปี ค.ศ. 1998 สฟิงซ์ ได้รับการรับรองสายพันธุ์จาก CFA (The Cat Fanciers Association) แห่งสหรัฐอเมริกา บางบันทึกกล่าวว่า แมวสฟิงซ์ เกิดจากการผ่าเหล่าของแมวไทย พันธุ์วิเชียรมาศ หรือที่ฝรั่งเรียก ไซมิสแคท ด้วยเหตุนี้มันจึงมีลักษณะคล้ายแมวไทยมาก
ตำนาน
เป็นที่เชื่อกันว่า แมวสฟิงซ์เป็นแมวของชาวอียิปต์ยุคโบราณ โดยจะพบแมวสฟิงซ์ได้จาก ภาพเขียน ภาพสลัก รูปปั้น ในศิลปะอียิปต์ยุคโบราณ โดยจากศิลปะอียิปต์ยุคโบราณ เราจะพบแมวสฟิงซ์ยืนอยู่ข้างๆ ฟาโรห์ หรือ ราชินี ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมของชนชั้นสูงเพื่อเสริมบารมีในสมัยนั้น
รูปร่างลักษณะ
หัวมีทรงคล้ายลิ่ม หูเป็นรูปสามเหลี่ยมปลายมนกลม ตาสีอำพัน ลำตัวยาว ขายาวปานกลาง ผิวหนัง สีน้ำตาลขาว หรือดำขาว ขนเส้นเล็กสั้นจนแทบมองไม่เห็นและเหี่ยวย่น พื้นท้องแถบขาวยาวตั้งแต่ปากตลอดทั้งลำตัว หาง ยาวปลายเรียว ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะไม่เหมือนแมวพันธุ์อื่น
อุปลักษณะนิสัย
แมวสฟิงซ์ เป็นแมวที่อยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอื่นๆได้เป็นอย่างดี ชอบแสงแดด ไม่ชอบอากาศเย็นจัด เชื่อฟังเจ้าของ มีความรักใคร่ ท่าทางที่เป็นมิตร ไม่เดินหนีเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้าใกล้ และสร้างความอบอุ่นให้แก่เจ้าของได้เป็นอย่างดี ช่างอ้อน ช่างประจบ ถ้ามันต้องการความสนใจมันจะร้องด้วยเสียงเบาๆ ของมัน เป็นจังหวะขาดๆหายๆคล้ายคนเสียงแหบ
https://www.facebook.com/Talinseree/