เพจ Drama-addict โพสต์เรื่องราวของ ชายคนนี้ เคยติดเชื้อ HIV แต่ตอนนี้หายแล้ว
เขาชื่อ ทีโมธี เรย์ บราวน์ ชายชาวอเมริกา ที่เป็นคนที่สองในโลกที่หายจากเชื้อ HIV เจ้าตัวเปิดเผยชื่อและเปิดเผยตัวตนให้สังคมรับรู้ เพราะเขาอยากเป็นแรงบันดาลใจและอยากให้วิธีการที่ใช้รักษาเขาเข้าถึงได้โดยคนไข้คนอื่นๆในอนาคต
ทิโมธีได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ HIV ตอนปี 95 แล้วกินยาต้านไวรัสนับตั้งแต่ตอนนั้น ต่อมาปี 2006 ทิโมธีป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดนึง ทีมแพทย์ที่รักษาเลยใช้วิธีปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ ที่มีการกลายพันธ์ของยีนส์ตัวนึง ที่ทำให้ไม่มีการสร้างโปรตีน CCR5 บนผิวเม็ดเลือดขาว ซึ่งไอ้โปรตีนตัวนี้ คือตัวที่ไวรัส HIV จะจับกับเซลล์ก่อนบุกเข้ามาในเม็ดเลือดขาวของเรา
ทิโมธีเข้ารับการรักษาและปลูกถ่ายสเต็มเซลล์หลายหน ใช้เวลาตลอดกระบวนการรักษานี้ สามปี และหลังการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ ระดับไวรัสในเลือดของเขาลดฮวบบบบบ แอนตี้บอดี้ก็ลดลง จนในเวลาต่อมา แพทย์ให้ทิโมธีหยุดยาต้านไวรัส แล้วติดตามผลเลือดเป็นระยะ ว่าจะมีเชื้อโผล่ออกมาอีกมั้ย จนถึงบัดนี้ สิบปีพอดี ก็ยังไม่พบเชื้อ HIV ในตัวทิโมธีแต่ประการใด
ปัจจุบันถือว่าเขาเป็นหนึ่งในสองผู้ติดเชื้อ HIV ที่หายขาดแล้ว ปัญหาคือ ตอนเขารับการรักษาด้วยวิธีนี้ เกิดภาวะแทรกซ้อนค่อนข้างรุนแรงกับเขา คือภาวะต่อต้านเซลล์ที่ปลูกถ่าย กับ สมองอักเสบ ทำให้วิธีการนี้นักวิจัยคาดว่าน่าจะไม่ค่อยปลอดภัยในการเอาไปใช้รักษากับคนอื่นๆ เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงรุนแรงได้ อย่างไรก็ดี จากเรื่องของทิโมธี นักวิจัยเขาก็เอาไปต่อยอดได้ เพราะภาวะแทรกซ็อน ไอ้ที่ร่างกายต่อต้านเซลล์ที่ปลูกถ่ายนั่นน่ะ นักวิจัยคาดว่า นี่อาจจะเป็นกลไกนึงที่กำจัด HIV ออกจากตัวทิโมธีก็ได้ แล้วเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมาไม่นาน ก็มีรายงานเพิ่มเติมว่า มีคนไข้ 6 คนที่เดิมติดเชื้ิอ HIV แล้วปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เพื่อรักษามะเร็ง และเป็นสเต็มเซลล์ที่ไม่ได้มียีนส์กลายพันธ์ แต่หกคนนี้เกิดภาวะต่อต้านเนื้อเยื่อที่ปลูกถ่าย แต่ปรากฏว่า หลังหายจากภาวะแทรกซ้อนนี้ HIV ก็หายไปจากตัวคนไข้กลุ่มนี้เหมือนกัน ตอนนี้ก็มีคนวิจัยกันอยู่ว่าไอ้ภาวะแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์นี่ มันอาจจะเป็นคีย์ในการรักษา HIV รึเปล่าหว่า
คนที่ติดเชื้ออยู่ก็ไม่ต้องซีเรียส กินยาต้านไป แล้วรอข่าวดีอย่างมีความหวัง อีกไม่นานครับอีกไม่นาน