บ้างาน Workaholic เสพติดการทำงาน เช็กด่วน! สัญญาณของคนบ้างานและวิธีการรับมือ

 

Workaholic มักใช้เรียกคนที่มีนิสัยบ้างานหรือเสพติดการทำงาน ซึ่งมีพฤติกรรมการทำงานต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก และมักคิดถึงเรื่องงานตลอดเวลาแม้ไม่ใช่เวลางาน อาจเกิดจากความต้องการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และส่วนหนึ่งอาจเกิดจากความต้องการหลีกหนีจากปัญหาส่วนตัว

 

สาเหตุ

• เหตุการณ์ในวัยเด็ก อย่างเช่น การเลี้ยงดูจากครอบครัวที่ไม่เหมาะสม การที่ผู้ปกครองตั้งความหวังกับเด็กไว้สูง จึงทำให้เด็กกลายเป็นคนที่รักความสมบูรณ์แบบ (Perfectionist) หรืออาจเกิดจากการสูญเสียคนในครอบครัวตั้งแต่เด็ก จึงต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงปากท้อง และเคยชินกับรูปแบบการใช้ชีวิตที่ต้องทำงานหนักตลอดเวลา

 

• ทำงานหนักเพื่อหนีจากความรู้สึกไม่ดี ความรู้สึกผิด วิตกกังวล สิ้นหวัง และซึมเศร้า หรือเพื่อเลี่ยงปัญหาชีวิต อย่างเช่น ปัญหาการเงิน การหย่าร้าง และการสูญเสียคนที่รัก

 

 

อาการ

• คิดถึงงานตลอดเวลา หากไม่ได้ทำงานจะรู้สึกเครียดและหากมีเวลาว่างก็มักจะอยากทำงานเพิ่ม แม้ประสิทธิภาพหรือผลลัพธ์ของงานจะเท่าเดิมหรืออาจแย่ลง

 

• ใช้เวลาอยู่ที่ทำงานนานกว่าคนอื่นแม้จะไม่มีงานที่ต้องรีบทำ และอดหลับอดนอน นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอเพราะต้องใช้เวลาไปกับการทำงานให้เสร็จเรียบร้อย

 

• ใช้เรื่องงานเป็นเหตุผลในการไม่เข้าสังคมกับผู้อื่น

 

 

• ไม่พอใจเมื่อคนอื่นพูดถึงการทำงานของตัวเอง และไม่รับฟังคำแนะนำของคนอื่นที่ให้ลดการทำงานลง

 

• กลัวความผิดพลาดในการทำงาน และใช้งานเป็นเครื่องวัดคุณค่าในตัวเอง หากทำงานพลาดจะรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งหรือไม่มีคุณค่า

 

• เกิดปัญหาสุขภาพและปัญหาด้านความสัมพันธ์กับเพื่อน คนรัก และครอบครัวจากการทำงานหนัก มีเวลาให้กับครอบครัว คนรัก เพื่อน น้อยลง

 

 

ผลกระทบต่อสุขภาพที่ Workaholic อาจพบเจอ

• ทำให้เกิดความเครียดและความวิตกกังวลมากเกินไป จนนำไปสู่ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout) ซึ่งทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า หมดพลังในการทำงาน หงุดหงิดง่าย ไม่มีสมาธิ และไม่พอใจงานที่ทำอาจทำให้เกิดพฤติกรรมบางอย่าง อย่างเช่น เบื่ออาหาร นอนหลับยาก ง่วงนอนตอนกลางวัน มีการนอนหลับและพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ

 

• ใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดเพื่อระบายความเครียด หรือทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยทางกาย ปวดหัวและปวดท้องบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ ในระยะยาวอาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง อย่างเช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือเบาหวาน

 

• อาจมีปัญหาด้านความสัมพันธ์กับคนรอบตัว โดยเฉพาะคนในครอบครัว เนื่องจากใช้เวลาเกือบทั้งหมดไปกับการทำงาน ทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่อบอุ่นและแน่นแฟ้น หากเด็กเติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่ทำงานหนักจนไม่มีเวลาใส่ใจดูแล อาจทำให้เด็กขาดความรักและการสนับสนุนจากพ่อแม่ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาด้านจิตใจและการใช้ชีวิตในอนาคต

 

 

วิธีรับมือเมื่อเป็น Workaholic 

• กำหนดเวลาทำงานให้ชัดเจน การกำหนดเวลาช่วยให้ทำงานเสร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่เบียดเบียนเวลารับประทานอาหาร พักผ่อน และทำกิจกรรมกับคนในครอบครัว ควรจัดลำดับความสำคัญของงาน โดยเริ่มทำงานที่สำคัญและมีกำหนดส่งเร็วก่อน และเมื่อถึงเวลาเลิกงานควรวางมือจากงานที่ทำ ไม่นำงานกลับไปทำต่อที่บ้าน และไม่เช็กอีเมล ไม่รับโทรศัพท์เรื่องงาน หรือปิดการแจ้งเตือนเพื่อใช้เวลาพักผ่อนหลังเลิกงานอย่างเต็มที่

 

• ปรับนิสัยรักความสมบูรณ์แบบ ไม่มีใครทำทุกอย่างสำเร็จโดยไม่เคยผิดพลาด สิ่งที่ควรทำเมื่อเจอความผิดพลาดคือแก้ไขปัญหาและใช้เป็นบทเรียนเพื่อปรับปรุงการทำงานในครั้งต่อไป

 

• ให้เวลาตัวเองได้พักผ่อน หาช่วงพักสั้น ๆ เพื่อเปลี่ยนอิริยาบถประมาณ 5–10 นาทีทุก 1 ชั่วโมง โดยหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง ลุกออกจากโต๊ะทำงาน และเดินไปชงชากาแฟ ช่วยให้ได้พักสายตาและยืดเส้นยืดสายจากการทำงานนาน ๆ และช่วยให้ทำงานต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

• ให้เวลากับคนรอบข้าง ใช้เวลาหลังเลิกงานและวันหยุดสุดสัปดาห์ทำกิจกรรมกับคนในครอบครัว อย่างเช่น ดูโทรทัศน์ ทำอาหาร ทำสวน และออกกำลังกาย หรือนัดเจอเพื่อนและออกไปรับประทานอาหาร ดูภาพยนตร์ด้วยกันในวันหยุด ช่วยให้ผ่อนคลายและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันได้

 

• อย่าลืมดูแลตัวเอง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ และผ่อนคลายความเครียดด้วยการทำสมาธิ เล่นโยคะ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ

 

• เลือกทำงานกับบริษัทที่มีวัฒนธรรมองค์กรแบบ Work life balance เพื่อที่จะได้เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานให้ดูผ่อนคลายมากขึ้น