ด้วยรัก...และอาฆาต 3
หลังจากการให้พรของหลวงพ่อเสร็จท่านก็จากไปโดยที่ทั้งสามคนไม่ได้ถามอะไรท่านต่อจากนั้น คนเป็นแม่พูดขึ้นมาเหมือนพยายามจะปลอบลูกทั้งสองว่า ท่านก็คงจะพูดไปอย่างนั้นเองเผื่อเอาไว้ล่ะมั้ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเมื่อกี้ทำให้สิ่งที่แม่พูดออกมานั้นดูไม่มีน้ำหนักเอาเสียเลย
ทั้งสามคนกลับเข้ามาในบ้านด้วยความวิตกกังวล แม่เห็นสีหน้าของลูกทั้งสองไม่สู้ดีนักจึงเอ่ยปากชวนว่าพอจะลางานสักครึ่งวันหรือว่าเข้าสายสักหน่อยได้ไหม ไปทำบุญที่วัดกันเผื่อใครเขาตามมาขอส่วนบุญก็จะได้ให้เขาไปให้หมด ลูกทั้งสองเห็นด้วยกับความคิดนี้จึงรีบส่งอีเมลล์ไปลางานล่วงหน้าไว้ก่อน
ในตอนสายทุกคนทำธุระส่วนตัวพร้อมหมดแล้วจึงรีบออกจากบ้านไปกันทั้งสามคนโดยแวะซื้อข้าวของที่อยากนำไปทำบุญจากร้านสะดวกซื้อและร้านสังฆทานใกล้ๆบ้าน
ทั้งสามคนมาจนถึงวัดที่แม่ชอบมาทำบุญอยู่เป็นประจำทั้งสามตรงเข้าไปที่กุฏิของเจ้าอาวาสเพื่อเล่าเรื่องราวและแจ้งความจำนงที่จะมาทำบุญในครั้งนี้อย่างชัดเจนเผื่อว่าท่านจะมีทางออกความช่วยเหลือใดๆมากกว่าการทำบุญ ข้าวของทั้งหมดถูกส่งถวายแก่ท่านเจ้าอาวาสและเผื่อแผ่ไปยังเด็กวัดและผู้ยากไร้ใกล้เคียง
เพื่อความสบายใจของทั้งสามคนหลวงพ่อจึงทำน้ำมนต์พรมให้ทั้งหมด และยังแบ่งให้เอากลับไปอาบที่บ้านอีกด้วย ด้วยความสนิทของญาติโยมบ้านนี้ที่มาทำบุญอยู่เป็นประจำ ท่านจึงถามเอาชื่อและวันเดือนปีเกิดของคู่รักทั้งสองนั้นไปเพื่อตรวจดวงชะตา
หลวงพ่อหยิบเอากระดาษใกล้ๆมือมาขีดๆเขียนๆพลางยกมือขึ้นมานับนิ้วโดยที่ทั้งสามคนก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร ท่านทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนจะลำบากใจที่จะพูด ท่านวางปากกาและกระดาษในมือแล้วหันมามองหน้าทั้งสามคนพลางถอนหายใจ
‘ดวงตกนะเรา ทั้งคู่เลย แล้วไปพลาดอะไรมาล่ะเนี่ย โดยเขาทำเสน่ห์ใส่มา’
ทันทีที่พูดจบพี่บีก็คิดได้ทันทีว่าต้องเป็น ผู้หญิงคนนั้น แน่ๆ ท่าทางพี่บีดูเริ่มมีอารมณ์โกรธพร้อมกันหันไปหาแฟนตัวเองด้วยความไม่พอใจคิดว่าต้องปิดบังอะไรไว้แน่ๆ
‘โยมผู้ชายมีอาการอะไรแปลกๆไหม เผื่ออาตมาจะช่วยอะไรได้บ้าง’ หลวงพ่อถมเอาความด้วยความเป็นห่วง
‘จริงๆมันก็มีบ้างครับ ผมรู้สึกติดใจแปลกๆ ไม่ได้อยากคุยนะครับ แต่มันเหมือนๆจะนึกถึงเขาบ่อย’ พี่ทอปเล่าให้ฟัง
‘โยมใจเย็นก่อน ให้เขาเล่าให้จบก่อน’ หลวงพ่อหันไปปรามไม่ให้พี่บีอาละวาดในตอนนี้
‘ครับ ก็ประมาณว่า ไม่ถึงกับคิดถึง แต่นึกถึงหน้าเขา แล้วก็มีเขาส่งข้อความมาแต่ผมไม่ได้ตอบนะ ไม่อยากทะเลาะกับแฟน’
‘อืม นั่นแหละ เขาส่งพรายมาเป่าหูเราให้คิดถึงเขา นี่ถ้าได้ไปเจอกันอีกรอบคงจะใส่มาหนักกว่านี้’
พี่บีแสดงท่าทีไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้อาละวาดอะไรเพราะพี่ทอปก็ไม่ได้ไปพบเจอหรือทำอะไรที่มันไม่น่าให้อภัย คนเป็นแม่ขอร้องให้หลวงพ่อช่วยหาทางออกให้กับลูกชายของตน หลวงพ่อรับปากจะช่วยเพราะมันไม่ได้หนักหนาอะไรมากนัก ยังพอที่ท่านจะยื่นมือเข้าไปยุ่งได้
หลวงพ่อเรียกให้เด็กวัดที่วิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆนั้นไปหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้พี่ทอป โดยเป็นชุดขาวทั้งชุดโดยชุดนี้เป็นชุดใหม่แกะจากถุงที่นานๆทีจะได้ใช้ประโยชน์ เพราะปกติคนเขาจะเตรียมมากันเอง หลวงพ่อใช้ให้เด็กวัดไปเตรียมข้าวของเพื่อทำการอาบน้ำมนต์
พี่ทอปถูกจัดให้นั่งอยู่กลางแดดเปรี้ยงแต่แดดในตอนสายนั้นไม่ร้อนทรมานเท่าไหร่นักจึงยังพอทนได้ หลวงพ่อเดินออกมาจากกุฏิพร้อมกับถังพลาสติกใหญ่ประมาณถังสังฆทาน ในนั้นมีน้ำใส่จนเต็มปริ่มลอยไว้ด้วยดอกเทียนและใบไม้หลายชนิดคาดว่าคงจะเป็นว่านมงคล
หลวงพ่อบอกให้พี่ทอปทำใจนิ่งๆ แล้วนึกถึงแต่สิ่งดีๆขอให้บารมีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ปัดเป่าสิ่งไมดีให้หายไปกับสายน้ำ หลวงพ่อเริ่มสวดมนต์และตักน้ำมนต์ในถังราดลงไปตามตัวของพี่ทอป พี่ทอปบอกว่ามันเย็นมาก เย็นเหมือนน้ำใส่น้ำแข็ง ทำเอาสั่นไปทั้งตัว
พี่ทอปนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นพยายามอดทนกับความเย็นของน้ำที่เริ่มทำให้หนาวจนตัวสั่น หลวงพ่อใช้มือแตะลงบนหัว ไล่ลงมาที่ไหล่ทั้งสองข้าง มาจนถึงกลางหลัง ‘ถ้ามันจะอ้วกยังไงก็อ้วกไปเลยนะ’
พี่ทอปได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้ารับและปล่อยให้หลวงพ่ออาบน้ำมนต์ให้ตนต่อ หลวงพ่อราดน้ำมนต์จนหมดถังก็หยิบเอาใบว่านที่ติดตามตัวพี่ทอปมารวมเป็นทรงกราย แปะไว้ตรงหน้าผากพร้อมกับสวดมนต์ พี่ทอปบอกว่ารู้สึกเวียนหัวนิดๆแต่ไม่ถึงกับอยากอ้วก
เมื่อเสร็จพิธีแล้วหลวงพ่อก็ไล่ให้พี่ทอปไปเปลี่ยนเสื้อกลับโดยกำชับให้นำเอาชุดขาวนี้ออกมาด้วย หลวงพ่อนั่งรออยู่ตรงม้าหินแถวๆนั้นเอง
หลังจากพี่ทอปเปลี่ยนเสื้อผ้าเส็จแล้วก็รีบเดินกลับมาหาหลวงพ่อ จึงเห็นว่าหลวงพ่อกำลังนั่งเขี่ยกองไฟที่ใช้เผาใบไม้อยู่ตรงม้าหินใกล้ๆ
‘เอาชุดนั้นใส่ลงไปเลย’ หลวงพอชี้ไปยังกองไฟตรงหน้าพร้อมบอกพี่ทอป
พี่ทอปทำตามที่หลวงพ่อสั่งโดยที่ในใจก็คิดสงสัยว่าเสื้อเปียกน้ำชุ่มขนาดนี้มันจะไม่ทำให้ไฟดับเสียเองหรือ แต่มันก็ไม่ได้เป้นอย่างนั้น ไฟในกองใบไม้นั้นยังคงคุกรุ่นส่งเสียงแตกลั่นเปรี๊ยะ พร้อมกับเผลวไฟที่ลุกขึ้นมาห่มคลุมเสื้อสีขาวจนเริ่มมีรอยไหม้เป็นสีดำๆ
‘เอ้า จบนะแค่นี้แหละ’ หลวงพ่อพูดพร้อมลุกขึ้นเดินนำเข้าไปที่กุฏิ
ทั้งสามคนเดินตามหลวงพ่อเข้ามาในกุฏิ หลวงพ่อบอกให้พี่ทอปนอนลงจะทำการสะเดาะเคราะห์ให้ด้วยบังศกุลเป็นบังศกุลตายโดยจัดให้พี่ทอปนอนลงบนพื้นเอาผ้าขาวนั้นมาคลุมตัวเหมือนคลุมศพแล้วก็เริ่มพิธี
พี่ทอปเล่าว่าระหว่างพิธีจะมีการใช้ของเหมือนผ้าหรืออะไรไม่รู้มาแตะที่หัวพร้อมสวดมนต์ซึ่งตัวเองก็ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย แต่ในขั้นตอนสุดท้ายนั้นหลวงจากที่หลวงพ่อสวดมนต์เสร็จพี่ทอปก็รู้สึกคลื่นไส้เป้นอย่างมากจึงรีบวิ่งออกไปหน้ากุฏิแล้วก็อ้วกออกมากองโต
พี่ทอปกลับเข้ามาด้วยท่าทางหมดแรง หลวงพ่อยิ้มให้คนทั้งสองแล้วบอกว่า หมดแล้วล่ะเขาเพิ่งจะส่งมาได้นิดเดียวหายหมดแล้ว ทั้งสามกราบขอบคุณท่านด้วยความสุขใจก่อนที่จะจำเป็นต้องขอตัวลาไปทำงานต่อเสียก่อน ท่านให้พรเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะพูดไล่ตามหลังทั้งสามคนมา
‘กรรมใดใครก่อ คนนั้นก็ต้องใช้นะ’
ทั้งสามคนคิดว่าคงเป็นเพียงการปลอบใจจากเรื่องราวร้ายๆเท่านั้นจึงไม่ได้ถามเอาความอะไรจากท่านอีกเพราะเท่านี้ก็รบกวนท่านมากเหลือเกิน
‘เราน่าจะขอของขลังท่านมาหน่อยเนอะ ลืมเลย’ แม่พูดขึ้นมาระหว่างทางไปส่งแม่ที่บ้าน
‘นั่นน่ะสิคะ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนคนเขาทำเสน่ห์ใส่’ พี่บีหันไปสมทบกับแม่
‘คนมันหล่อก็อย่างนี้แหละ 55’ พี่ทอปพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีหยอกล้อกับคนรักทั้งสอง
เหตุการณ์ผ่านมาได้สองสามวันโดยที่ไม่มีเหตุผิดปกติใดๆจนทั้งสามคนคิดว่าเรื่องร้ายๆมันคงผ่านพ้นไปหมดแล้ว จนในคืนหนึ่งมันก็มีเรื่องเกิดขึ้นอีกจนได้ เมื่อในขณะที่พี่บีกับพี่ทอปนั้นนอนหลับอยู่ในห้องนอนห้องเดิมของทั้งสองคน พี่บีที่ตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนกลางดึกระหว่างที่เดินกลับมาที่เตียง แสงไฟสลัวจากถนนนอกบ้านทำให้พอเห็นเตียงอย่างลางๆ
ที่บนเตียงนั้นมีร่างของพี่ทอปนอนอยู่ตามปกติแต่มันกลับมีเงาเหมือนกับเงาของผู้หญิงนอนอยู่ข้างๆคนรักของเธอ เธอตกใจมากแต่เมื่อได้สติที่ตรงหน้าก็เหลือเพียงร่างของพี่ทอปเท่านั้น เธอคิดว่าเธอคงจะตาฝาดไปเอง
ในตอนเช้าเธอก็ไม่ได้เล่าเรื่องราวอะไรให้พี่ทอปกับแม่ฟังเพราะมันดูจะไม่มีสาระอะไรนอกจากความงัวเงียของเธอเอง แต่หลังจากนั้นเรื่องมันก็เริ่มแปลกมากขึ้นเรื่อยๆ แทบจะทุกคืนที่เธอมักจะตาฝาดหรือไม่ก็เห็นตรงหางตาว่ามีเงาของหญิงสาวเดินผ่านไปมาไม่ก็คอยอยู่ใกล้ๆกับตัวของพี่ทอป
ด้วยความกังวลที่สะสมขึ้นมาวันละนิดพี่บีจึงตัดสินใจเล่าให้แม่ฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แม้ว่าเธอนั้นจะยังไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ แม่ได้ฟังอย่างนั้นจึงเก็บไว้ไม่ได้บอกพพี่ทอปเองเพราะกลัวว่าพี่เขาจะกังวลเพิ่งจะผ่านเรื่องเก่ามาไม่เท่าไหร่ เรื่องใหม่มาอีกแล้ว
แหล่งที่มา:pantip.com,LoyChinE