จากปลาวาฬไร้เสียง สู่ speech อันทรงพลังบนเวทีสหประชาชาติ
จากปลาวาฬไร้เสียง สู่ speech อันทรงพลังบนเวทีสหประชาชาติ
Maybe I made a mistake yesterday. But yesterday's me is still me. Today, I am who I am with all my faults and mistakes.
ประโยคเรียบง่ายแต่ทรงพลังนี้ ได้พุ่งตรงเข้าไปสู่หัวใจของคนฟังทั่วโลก บ่งบอกถึงสิ่งที่ผู้พูดพยายามนำเสนอมาตลอด นั่นก็คือการยอมรับตัวเอง เข้าใจตัวเอง ให้อภัยตัวเอง และรักตัวเอง
เมื่อสองวันก่อน บนเวทีการประชุมใหญ่แห่งสหประชาชาติ เด็กหนุ่มเจ็ดคนจากประเทศเกาหลีได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสที่วงได้ทำโครงการช่วยเหลือเด็กๆด้านการศึกษาร่วมกับยูนิเซฟ
ในฐานะศิลปินเกาหลีกลุ่มหนึ่ง ที่ฉันเฝ้าติดตามมาตลอดกว่า 5 ปี และไม่เคยวาดฝันว่าเขาจะมายืนในจุดที่ผู้คนทั้งโลกให้ความสนใจ
อะไรทำให้พวกเขาก้าวไปยืนต่อหน้า United Nations เครือข่ายระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ?
ภายใต้ความดีใจ ฉันก็ตั้งคำถามไปพร้อมๆกัน
BTS ศิลปินเกาหลีกลุ่มแรกที่ได้รับเกียรติขึ้นไปยืนอยู่จุดนั้น ไม่ได้เป็นเพราะกระแส ชาร์ตเพลง หรือความดังเพียงเท่านั้น แต่คือการที่ผู้เลือกได้มองลึกเข้าไปในตัวตน ทัศนคติ นั่นหมายหมายความว่าทั้งผลงานและตัวตนของพวกเขาเองมีอิทธิพล (influence) ต่อคนรุ่นใหม่อย่างมาก ทำให้ได้รับความไว้วางใจระดับสากล
สามารถไว้เนื้อเชื่อใจได้เมื่อออกสื่อ
คิมนัมจุน หัวหน้าวง BTS กล่าวแนะนำตัวง่ายๆก่อนที่จะกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมท่ามกลางบุคคลสำคัญจากทั่วโลก
เริ่มตั้งแต่ พูดถึงบ้านเกิด ความอุดมสมบูรณ์ในอิลซาน
และโลกที่อ่อนโยนของช่วงเยาว์วัย
" ผมอยากจะเริ่มด้วยการพูดถึงตัวของผมเองสักหน่อยนะครับ ผมเกิดที่เมืองหนึ่งในเกาหลีใต้ เป็นเมืองเล็กๆที่สวยงามด้วยภูเขาและทะเลสาบ มีเทศกาลดอกไม้
ผมมีวัยเด็กที่มีความสุขดีเช่นเด็กทั่วไปคนหนึ่ง คงเป็นเหมือนกับเด็กทุกคนที่มีความฝัน มีสิ่งที่อยากเป็น จำได้ว่าในวันที่ดวงดาวเต็มท้องฟ้า ผมมองขึ้นไปบนนั้น และคิดว่าอยากจะเป็นเหมือนยอดมนุษย์ในการ์ตูนที่ได้ดู คนพิเศษที่สามารถช่วยโลกให้รอดพ้นจากอันตรายต่างๆได้ "
แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปความสดใสในวัยเยาว์ก็หยุดลง
เมื่อเราต่างเติบโต อยู่ในระบบสังคม มองความสำเร็จของคนรอบข้าง
แทนการแหงนมองท้องฟ้าแบบเมื่อก่อน
ถูกแรงกดดันจากระบบการศึกษาและใช้ชีวิตบนความคาดหวังของคนอื่น
" มีเพลงหนึ่งของวงเราที่มีเนื้อร้องว่า “หัวใจของฉันหยุดเต้นในวันที่ฉันอายุเก้าหรือสิบขวบ” ผมคิดว่ามันช่างมีความหมายกับชีวิตเมื่อมองย้อนกลับไป ช่วงเวลาที่เริ่มเติบโตและรับรู้อะไรมากขึ้น ผมรู้สึกเริ่มที่จะกังวลถึงความคิดของคนอื่นๆที่อยู่รอบข้าง เริ่มมองตัวเองโดยผ่านการตัดสินของพวกเขา ผมก็หยุดที่จะมีความฝันของตัวเอง ลืมวันที่ดวงดาวอยู่เต็มฟ้าที่ผมยังมีความฝันนั้นไป กลับสนใจแต่เสียงของคนที่อยู่รอบข้าง สายตาที่เขามองมาที่ตัวของผม "
ก่อนที่เราจะกลายเป็นคนที่ได้แต่ฟังคำพูด คอยรับความกดดันของคนอื่น
มีเพียงไม่กี่คนที่ได้ยินเสียงนั้น เสียงข้างในตัวเรา ที่ฉุดให้เราตื่นมาพบความจริง
" ทันใดนั้นอย่างไม่รู้ตัว ผมก็หยุดที่จะพูดในสิ่งที่ผมคิด ฟังแค่เสียงของผู้คนที่อยู่รอบข้างแทน แต่เพราะว่าตัวผมเองนั้นมีสิ่งหนึ่งที่ใช้ยึดเหนียวในใจ นั่นก็คือ เสียงดนตรี คงมีเสียงหนึ่งที่ดังอยู่ข้างในที่บอกผมว่า “ตื่นขึ้นมาและจงฟังเสียงหัวใจตัวเอง” แม้มันจะใช้เวลานานอยู่เหมือนกันที่จะได้ยิน "
ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตามบนโลกนี้ ไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาด ทุกคนล้วนเกิดมาเจอความผิดพลาด ความล้มเหลวในชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า และมีแต่ตัวเราเองที่จะต้องค่อยๆพยุงทุกอย่างขึ้นมา
" ผมแน่ใจ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม พวกเราทุกคนนั่นแหละ ล้วนแล้วแต่เคยมีอุปสรรคขวากหนามให้ฟันฝ่า บางทีที่ล้มลงไปในระหว่างทางที่ก้าวเดิน แม้ในวันนี้ผมจะมาอยู่วงดนตรีที่ประสบความสำเร็จ ได้แสดงในสเตเดี้ยมใหญ่ๆ สามารถขายอัลบั้มได้เป็นล้านๆ แต่ก็รู้ดีว่าตัวเองก็เป็นแค่เด็กหนุ่มอายุแค่ 24 ปีธรรมดาคนหนึ่ง ถ้าจะกล่าวว่าในวันนี้ที่ผมประสบความสำเร็จ ภาพความสำเร็จนั้นก็ แน่นอนว่าเกิดขึ้นได้เพราะสมาชิกในวงที่อยู่ข้างผม และเพราะการสนับสนุนจากแฟนๆทั่วโลกที่มอบความรักแก่พวกเรา "
คิมนัมจุน ตัวอย่างของเด็กเรียนเก่งจนสามารถติดมหาลัยอันดับต้นๆของประเทศได้ แต่เลือกที่เดินตามความฝันของตัวเอง คนที่เคยเจ็บปวดกับคำพูดร้ายๆมามากจนแต่งเพลงออกมาว่าอยากจะหายไป แต่ก็ยังทำเพลงออกมาปลอบใจคนอีกเป็นร้อยเป็นพัน ตั้งใจทำผลงานเพื่อพิสูจน์ตัวเองภายใต้แรงกดดัน
เมื่อวานผมอาจจะทำผิดพลาด แต่ผมคนเมื่อวานก็ยังเป็นผม ผมในวันนี้ก็ยังเป็นตัวผม ที่ยังมีข้อบกพร่องและความผิดพลาด ส่วนในวันพรุ่งนี้ผมอาจจะฉลาดขึ้นมาสักนิดหนึ่ง แต่นั่นก็ยังเป็นตัวผมอยู่ดี ข้อบกพร่องและความผิดพลาดเหล่านี้คือตัวผม หลอมรวมให้เป็นดวงดาวที่สว่างไสวที่สุดในชีวิตของผมครับ
" เมื่อเข้าใจว่าความผิดพลาดนั้นทำให้ผมมาเป็นตัวเองในทุกวันนี้ นั่นทำให้ผมรักตัวเอง ในสิ่งที่ผมเป็นและผ่านมาได้และจะเป็นต่อไป "
ในช่วงชีวิตเราทุกคน อายุกับหน้าที่การงานที่มากขึ้น บางทีเราก็ละเลยการพูดคุยกับตัวเราเองไปบ้าง การตั้งคำถามของเขาก็ทำให้ผู้ฟังคิดย้อนมองตัวเองมากขึ้น
" จงอย่ามองข้ามความรู้สึกในใจเพราะเสียงอื่นรอบข้าง จงรับฟังเสียงหัวใจตัวเองและยอมรับมัน กล้าที่จะแสดงในสิ่งที่เราคิดและเป็นอยู่ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มาจากไหน สีผิวใด หรือเพศสภาพแบบไหน บอกเล่าตัวตนออกมาครับ หาชื่อของคุณให้พบ หาเสียงของตัวเอง โดยบอกเล่าตัวตนของคุณ "
บอกตัวเองอย่างที่ผมกำลังจะบอกว่า ผมชื่อคิมนัมจุน และแน่นอน RM แห่งวง BTS ผมมีข้อบกพร่อง เคยทำผิดพลาดเหมือนๆคนอื่นๆ ยังมีความกลัวกับหลายๆเรื่องในชีวิต แต่ผมก็พร้อมที่จะโอบกอดตัวเอง และรักตัวเองอย่างที่เราเป็น
‘รักที่แท้จริงต้องเริ่มจากการที่เราสามารถรักตัวเองได้’
รักตัวเองคือ สามารถที่จะมองเห็นคุณค่าที่ตัวเองมีอยู่ รู้ว่าตัวเองมีอะไรดีๆอยู่ สามารถภูมิใจในตัวเอง ขณะเดียวกันก็ยอมรับในข้อเสีย ข้อผิดพลาด ที่คนทั่วไปก็ต้องมีเป็นธรรมดาและธรรมชาติ และที่สำคัญ อย่าปล่อยให้ความผิดพลาดทำให้เรารักตัวเองน้อยลง
การรักศิลปินไม่ใช่เพียงแค่การเสพเพลง หรือสื่อเพียงเท่านั้น แต่คือการได้รับทัศนคติที่ดีจากพวกเขา นำมาเป็นแรงผลักดันให้ชีวิตได้เติบโตและเบ่งบานไปพร้อมกับตัวศิลปิน
ในวันนี้ speech ของนัมจุนได้ถูกนำไปใช้เป็นสื่อการสอน
เกิดกระแสใน sns หลายช่องทาง ผู้คนได้ออกมาตั้งแฮชแท็ก #SpeakYouself เพื่อสร้างพื้นที่สำหรับเล่าเรื่องราว แชร์ประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น นับเป็นปรากฏการณ์สังคมที่เกิดจากแรงกระเพื่อมของ Hallyu ที่ขยายวงกว้างที่สุดในประวัติศาสตร์
ทั้งที่พวกเขาไม่ใช่ผู้นำประเทศ ไม่ใช่หน่วยงานรัฐ
ไม่ใช่นักรณรงค์NGO หรือแม้แต่ซุปเปอร์ฮีโร่
เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาๆ 7 คนจากเมืองเล็กๆในเกาหลีใต้เท่านั้น เด็กหนุ่มที่เดบิวต์ช่วงจุดมืดบอดของวงการไอดอลเกาหลีในปี 2013 และมาจากค่ายเพลงที่ติดหนี้สิน เรียกว่ามาจากจุดติดลบเลยก็ว่าได้
เด็กหนุ่มที่แต่งเพลงเกี่ยวกับปลาวาฬที่ไม่เคยมีใครได้ยินเสียงมัน เปรียบกับตัวพวกเขาที่พยายามส่งเสียงของตัวเองทั้งที่ไม่มีใครได้ยิน พยายามบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองไปเรื่อยๆ
จนวันนี้ พวกเขามีเสียงดังพอ ให้คนทั่วโลกได้ยิน
เสียงที่ดังพอ และพร้อมจะยึดโยงโลกเข้าไว้ด้วยกัน
ณ ใจกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่
ฉันได้ยินเสียงคุณ คนทั้งโลกได้ยินเสียงคุณ
ฉันไม่ได้ต้องการให้คุณรู้จัก BTS
ฉันไม่ได้ต้องการให้คุณมาเข้าใจแฟนคลับศิลปินเกาหลี
ฉันเพียงแค่อยากให้คุณทุกคน
"บอกเล่าตัวตนคุณออกมา"