โรแมนติกสุดๆ! กับ 10 อันดับ อุโมงค์ต้นไม้อันแสนน่าทึ่ง ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตไม่ควรพลาด
ความโรแมนติกและสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจ คือ สองคำที่อธิบายความรู้สึกเมื่อคุณได้พบกับอุโมงค์ต้นไม้แห่งนี้ อุโมงค์ต้นไม้แห่งนี้ถูกรังสรรค์ขึ้นจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีมาอย่างยาวนานที่สุดบนโลกใบนี้ จึงไม่มีอะไรที่จะมีเสน่ห์ไปกว่าการได้เดินผ่านเข้าไปในอุโมงค์ต้นไม้ที่เรียงตัวทอดยาว จนทำให้คุณรู้สึกหลงใหลกับสิ่งเหล่านี้ และนี่คืออุโมงค์ต้นไม้ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด 10 อันดับ
1.Wisteria Tunnel, Japan
ทางเดินดอกไม้ที่สวยงามนี้ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ อุโมงค์วิสทีเรีย ซึ่งตั้งอยู่ในสวนคาวาชิ ฟูจิ แห่งเมืองคิตะคิวชู ความสงบเหล่านี้ที่ถูกสร้างขึ้นโดยต้นวิสทีเรีย กว่า 150 ต้น และแบ่งเป็นสายพันธุ์ต่างๆ ถึง 20 สายพันธุ์ จึงทำให้มีสีที่แตกต่างกันออกไป หากคุณต้องการเดินทางไปยังสถานที่แห่งนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เราขอแนะนำให้คุณเดินทางในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี เพราะเป็นช่วงที่ดอกวิสทีเรียบานสะพรั่งสวยงาม ในเทศกาลที่มีชื่อว่า “วิสทีเรีย เฟสติวัล”
2. Tunnel of Love, Ukraine
อุโมงค์แห่งความรัก คือชื่อของสถานที่แห่งนี้ และเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจของป่าในประเทศยูเครนที่เติบโตกันอย่างมีอิสระ จนกลายเป็นอุโมงค์รถไฟที่ทอดยาวถึง 25 กิโลเมตร อุโมงค์แห่งนี้เป็นอุโมงค์ต้นไม้ที่โรแมนติกที่สุดในโลก เหมาะอย่างยิ่งกับคู่รักที่ต้องการสัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติอันอบอวนไปด้วยความรักอย่างลงตัว
3. Jacarandas Walk, Johannesburg
แอฟริกาใต้ มีต้นไม้มากกว่า 10 ล้านต้นทั่วประเทศ เมืองที่มีต้นไม้มากที่สุดในโลก โจฮานเนสเบิร์ก เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็นป่าที่สร้างจากฝีมือมนุษย์ที่มากที่สุดด้วยเช่นกัน โดยไฮไลท์ที่เราจะพาคุณไปรู้จัก คือ ต้น Jacaranda หรือต้นศรีตรังของบ้านเรา ที่โจฮานเนสเบิร์กมีสายพันธุ์มากกว่า 49 สายพันธุ์ เป็นต้นไม้ในเขตร้อนที่ถูกนำเข้ามาปลูกในแอฟริกาใต้มานานกว่า 100 ปี ในช่วงเดือนตุลาคม Jacaranda นับพันต้นจะออกดอกและบานปกคลุมเมืองโจฮานเนสเบิร์กเป็นบริเวณกว้างรอบเมือง ตามท้องถนนจะดูเป็นอุโมงค์ต้นไม้ที่มีสีม่วงและฟ้าสลับกันไป และนี่จึงเป็นสิ่งที่จะพลาดไม่ได้สำหรับนักท่องเที่ยว ที่ต้องการซึมซับบรรยากาศในเมืองที่มีแต่ต้นไม้สีสันสวยงาม
4. Yew Tunnel, UK
อุโมงค์ต้นไม้แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ประเทศเวลส์ในสหราชอาณาจักร เป็นต้น Yew ที่ถูกปลูกโดยตระกูลดายเออร์ ในช่วงศตวรรษที่ 18 และเมื่อเวลาผ่านไป ต้นไม้ได้โตขึ้นและถูกตัดแต่งให้โค้งมาเกี่ยวพันกัน โดยไม่สามารถนับจำนวนของมันที่มีปริมาณมากมายขนาดนี้ได้เลย คุณไม่ควรจะพลาดที่จะไปสัมผัสความงดงามของต้น Yew อันมากมายมหาศาลเหล่านี้
5. Autumn Tree Tunnel, USA
อุโมงค์ต้นไม้อันน่าอัศจรรย์นี้ ตั้งอยู่ในรัฐเวอร์มอนต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา หากคุณพูดถึงเสน่ห์ของฤดูใบไม้ร่วงแล้วล่ะก็ ยามท้องฟ้าที่ทอแสงลงมาให้เกิดความอบอุ่นผสมกับบรรยากาศของอุโมงค์ต้นไม้แห่งนี้ จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ให้แสงสีกันอย่างลงตัวกับในบรรยากาศของฤดูใบไม้ร่วงอย่างแท้จริง
6. Ginkgo Tree Tunnel, Japan
อุโมงค์แห่งนี้ เกิดมาจากต้นแปะก๊วยหลายร้อยหลายพันต้น ที่คนญี่ปุ่นนับถือกันอย่างมาก หากคุณได้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น คุณจะเจอกับต้นแปะก๊วยนี้มากกว่า 65,000 ต้น ตามข้างถนนและสวนสาธารณะต่างๆ ความเป็นมาของต้นแปะก๊วยนี้ เกิดขึ้นสมัยที่ถูกปลูกอยู่ใกล้ๆกับศาลเจ้าเมจิ ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เมืองฮิโรชิม่าโดนทิ้งระเบิด จนทำลายอาคารบ้านเรือนและสิ่งมีชีวิตต่างๆไปมากมาย แต่มีเพียงต้นแปะก๊วยที่เหลืออยู่บริเวณนี้ 6 ต้นเท่านั้น ที่ยังสามารถยืนหยัดมาจนทุกวันนี้ได้ ชาวญี่ปุ่นจึงนับถือต้นแปะก๊วยให้เป็นต้นไม้แห่งความหวังและชีวิตใหม่เลยทีเดียว แล้วคุณจะพลาดได้ยังไงล่ะ เมื่อคุณจะได้พบกับความหวังที่มาพร้อมกับความงดงามที่หาไม่ได้ง่ายๆในโลกใบนี้
7. The Dark Hedges, Northern Ireland
ว่ากันว่าสถานที่แห่งนี้เปรียบดั่งอัญมณีที่เราค้นหากันมานานแสนนานเลยทีเดียว The Dark Hedges คือหนึ่งในภาพถ่ายที่คนถ่ายกันมากที่สุดในไอร์แลนด์เหนือและนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมอย่างมากในยุโรป ที่แห่งนี้มักจะถูกถ่ายทอดลงภาพวาดของศิลปินหลายร้อยคน และยังเป็นสถานที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพงานแต่งงานด้วยเช่นกัน แล้วคุณสนใจบ้างไหมล่ะ
8. Bamboo Path, Japan
หากคุณได้ลองเดินเข้าไปในทางเดินที่ยาวกว่า 500 เมตร ผ่านเข้าไปในป่าไผ่หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่าซางาโนะ ในเมืองอาราชิยาม่า ประเทศญี่ปุ่น แล้วล่ะก็ คุณจะได้พบกับสถานที่ที่เต็มไปด้วยป่าไผ่ที่สูงจนล้อมรอบสถานที่แห่งนั้น ยามที่ลมพัดผ่านเข้ามา จะทำให้เกิดเสียงที่ไพเราะ จนสถานที่แห่งนี้ถูกรัฐบาลญี่ปุ่นกำหนดให้เป็น 1 ใน 100 สถานที่ท่องเที่ยวที่ควรอนุรักษ์ไว้เลยเชียวล่ะ
9. Rua Goncalo de Carvalho, Brazil
สำหรับคนที่ชอบความเขียวชอุ่มที่บ่งบอกถึงความสดใสและความสดชื่นของใบไม้ คุณจะต้องไม่พลาดเลยกับอุโมงค์ต้นไม้ที่เมืองปอร์โต อัลเลเกร ประเทศบราซิล ที่มีต้นชิงชันเรียงตัวกันทอดยาวในเมืองจำนวนพันกว่าต้น โดยที่สถานที่แห่งนี้ถูกยกให้เป็นมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศ รวมถึงระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย แถมต้นชิงชัยังนสามารถลดความต้องการในการใช้เครื่องปรับอากาศของประเทศลงได้ถึง 30% และยังช่วยรักษาสุขภาพของคนในเมืองให้ยาวนานขึ้นอีกด้วย บรรยากาศในเมืองแบบนี้ คงหาไม่ได้ในทั่วไปแน่ๆ
10. Cherry Blossom Tunnel, Germany
อุโมงค์ต้นไม้แห่งนี้คือดอกซากุระที่อยู่ในเมืองบอนน์ ประเทศเยอรมันนี ถ้าคุณเดินทางไปในช่วงฤดูใบไม้ผลิ คุณจะได้พบกับดอกซากุระที่บานสะพรั่งเต็มท้องถนนในเมือง และมันจะบานเพียงปีละครั้งและครั้งละ 7-10 วันเท่านั้น หากคุณเป็นคนที่ชอบความโรแมนติกที่หาไม่ได้ในเมืองล่ะก็ ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับมัน