สุขสันต์วันเกิด "โดราเอมอน" 3 กันยายน นั่งไทม์แมชชีนไขความลับแมวสีฟ้า
สุขสันต์วันเกิด "โดราเอมอน" 3 กันยายน นั่งไทม์แมชชีนไขความลับแมวสีฟ้า
ความทรงจำครั้งวัยเยาว์ของใครหลายคนนั้น ล้วนแล้วแต่มีเรื่องชวนฝันให้อิ่มเอมใจและแน่นอนว่าคงจะไม่มีใครไม่รู้จักหุ่นยนต์แมวอ้วนตัวกลมสีฟ้า ที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับตัวแรคคูน ทั้งยังมีกระเป๋ามหัศจรรย์ใบเล็กตรงหน้าท้องบรรจุของวิเศษมากมาย อันเป็นการ์ตูนที่หล่อหลอมมาจากจินตนาการของนักเขียนชาวญี่ปุ่นสองคน ผ่านนามปากกาว่า ฟูจิโกะ ฟุจิโอะ ตกผลึกเป็นการ์ตูนสอดแทรกคติธรรม ที่สามารถรับชมได้ทุกเพศทุกวัยอย่างไม่รู้เบื่อ เกือบ 50 ปี ที่เจ้าแมวตัวนี้โลดแล่นอยู่บนจอโทรทัศน์และหนังสือการ์ตูน ได้มอบรอยยิ้ม ความหวังและความฝันให้ผู้ชมมาโดยตลอด
และในวันนี้ 3 ก.ย. เป็นวันคล้ายวันเกิดของ "โดเรมอน" สำนักข่าวทีนิวส์จะพาทุกท่านนั่งไทม์แมชชีนไปทำความรู้จักกับเพื่อนของเราให้ดียิ่งขึ้น จะเป็นอย่างไรนั้นเชิญรับชมกันได้เลยค่ะ
โดเรมอน เป็นตัวละครจากการ์ตูนเรื่องโดราเอมอน เป็นหุ่นยนต์แมวพี่เลี้ยงเด็กจากโลกอนาคต ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 22 เกิดวันที่ 3 ก.ย. 2655 (ค.ศ.2122) ลักษณะตัวอ้วนกลม แต่เดิมนั้นโดเรมอนมีหูและตัวยังเป็นสีเหลือง แต่ระหว่างการผลิตเกิดข้อผิดพลาดมีชิปตัวหนึ่งหลุดลงไปในเตาหลอม จึงเป็นเหตุให้โดเรมอนกลายเป็นหุ่นยนต์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ขาดคุณสมบัติไม่เหมือนหุ่นยนต์แมวตัวอื่นๆ จึงต้องเข้ารับการอบรมในห้องเรียนคลาสพิเศษของโรงเรียนหุ่นยนต์ แทนที่จะได้วางขายเหมือนหุ่นยนต์ทั่วไป
ด้วยเหตุนี้เหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิต ในงานจัดแสดงความสามารถของหุ่นยนต์ที่ได้ผ่านการอบรม ด้วยความซุกซนของเด็กน้อยคนหนึ่งนามว่า เซวาชิ ได้กดปุ่มเลือกซื้อโดเรมอนมาไว้ที่บ้าน โดเรมอน จึงมาอาศัยอยู่กับเซวาชิในฐานะหุ่นยนต์แมวพี่เลี้ยง
ทุกอย่างดูจะเป็นปกติ แต่แล้วเหตุการณ์ที่แทบจะนำความหล่อเหลาออกไปจากตัวหุ่นยนต์แมวผู้นี้จนหมดสิ้น ก็ได้เกิดขึ้น วันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 2122 ระหว่างที่เจ้าหุ่นยนต์แมวอ้วนกำลังหลับสบายอยู่นั่นเอง กลับมีหนูเจ้ากรรมมาแทะใบหูจนแหว่งไปทั้ง 2 ข้าง และไม่สามารถซ่อมแซมให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
ช่างทำใจได้ยากนักกับการที่เป็นหุ่นยนต์แมวที่ไม่มีใบหู แต่แล้วระหว่างนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลหุ่นยนต์แมวแฟนสาวของโดเรมอน "โนราเมียโก" ก็มาเยี่ยม เมื่อเธอเห็นภาพตรงหน้าคือโดเรมอนที่หัวกลมจนแทบไม่เหลือซึ่งความเป็นแมว เธอกลับหัวเราะเยาะเป็นการใหญ่ โดราเอมอนเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ก็พยายามทำใจด้วยการดื่มยาเสริมกำลังใจ แต่หารู้ไม่ว่าตนนั้นหยิบยาผิดขวดกลายเป็นยาโศกเศร้าเสียอย่างนั้น
โดเรมอนร้องไห้ไม่หยุดอยู่ริมหาดติดต่อกัน 3 วัน 3 คืน จนสีเหลืองที่ติดมาจากโรงงานค่อยๆ ลอกออกจนกลายเป็นสีฟ้าอย่างที่เราคุ้นตาในกันที่สุด หลังจากนั้นโดเรมอนจึงเป็นหุ่นยนต์แมวที่ทั้งเกลียดและกลัวหนูเป็นอย่างมาก และไม่มีความมั่นใจในตัวเองในเรื่องความรักอีกเลย
ต่อมาเซวาชิมีความคิดว่า อยากให้ปู่ทวดของเขาที่ชื่อ โนบิ โนบิตะ เด็กแว่น ขี้แย ไม่เอาไหน มีความสุขจึงตัดสินใจส่งโดเรมอนนั่งไทม์แมชชีนย้อนไปในอดีตเพื่อดูแลให้เติบใหญ่เป็นคนดีด้วยของวิเศษที่หยิบจากกระเป๋าสี่มิติ จึงกำเนิดขึ้นเป็นเรื่องราวการผจญภัยที่แสนจะอบอุ่นให้เราได้เห็นกันอยู่ทุกวันนี้นั่นเอง
อีกหนึ่งความน่าสนใจที่ผู้แต่งสอดแทรกความลับ ของตัวเลข 3-9-12 ไว้ได้อย่างแยบคาย ในตัวโดเรมอน คือ มีน้ำหนัก 129.3 กิโลกรัม ความสูง 129.3 เซนติเมตร (แต่เวลานั่ง จะเหลือ 100 เซนติเมตร) กระโดดได้สูง 129.3 เซนติเมตร (เวลาเจอหนู) มีพละกำลัง 129.3 แรงม้า วัดรอบหัว รอบอก รอบเอวได้ 129.3 เซนติเมตร วิ่งปกติในระยะ 50 เมตรใช้เวลา 15 วินาที แต่ถ้าเจอหนูจะวิ่งได้เร็วถึง 129.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วันที่ผลิตคือ ปีที่ 12 เดือน 9 วันที่ 3 (เรียงแบบปฏิทินญี่ปุ่น) นอกจากนี้ คำว่า "โดเรมอน" เป็นคำผสม จากคำว่า "โดราเนโกะ" ที่แปลว่า แมวหลงทาง กับคำว่า "เอมอน" เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อเด็กชายในประเทศญี่ปุ่นสมัยก่อน
สิ่งที่ชอบที่สุดของโดเรมอน แน่นอนว่าต้องเป็นขนมแป้งทอด หรือโดรายากิ ที่สามารถกินได้ไม่เบื่อ ขนาดใหญ่เท่าห้องของโนบิตะก็ยังเขมือบฟาดเรียบมาแล้ว ทั้งยังมีดีกรีเคยชนะเลิศการแข่งขันกินโดรายากิมาแล้ว สาเหตุที่ชอบโดรายากินั้น ก็เพราะว่าสมัยอยู่ในศตวรรษที่ 22 โดเรมอนเคยได้รับ โดรายากิ จากแฟนสาว โนราเมียโก จากความประทับใจครั้งนั้น โดรายากิ จึงกลายเป็นของโปรดของโดเรมอนในเวลาต่อมา
นอกจากนี้โดเรมอนยังมีตำแหน่ง "ทูตแอนิเมชัน" ตัวแรกของประเทศญี่ปุ่น เพื่อช่วยในการประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมของประเทศจากการแต่งตั้งของ มาซาฮิโกะ คามูระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2551 และยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูต โอลิมปิกฤดูร้อน 2020 อย่างเป็นทางการอีกด้วย
ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่มีนามปากกา ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ หรือ ฮิโรชิ ฟุจิโมโตะ บิดาผู้ให้กำเนิดโดเรมอนอีกต่อไป เพราะอาจารย์ได้ถึงแก่กรรมลงในวัย 62 ปี เมื่อพ.ศ. 2539 แต่ก็ยังคงมีผู้สืบทอดเจตนารมณ์สร้างสรรค์ผลงานออกมาให้เราได้รับชมอยู่เรื่อยๆ และแน่นอนว่า โดเรมอนยังคงเป็นเสมือนเพื่อนที่มอบรอยยิ้มให้แก่เราทุกคน และกาลเวลาไม่สามารถทำลายมิตรภาพระหว่างเราได้อย่างแน่นอน