หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

อย่าทำงานเก็บเงินไปใช้ในห้อง ICU ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

โพสท์โดย Sushi hunter

ข้อคิดดีๆอ่านไว้เตือนคนที่คุณรัก! อย่าทำงานเก็บเงินไปใช้ในห้อง ICU ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

ปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้ที่เรายังต้องตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันงก ๆ ก็เพราะการแข่งขันในสังคมที่สูง สภาพเศรษฐกิจที่ผลักดันให้เราต้องดิ้นรนเพื่อหาเงินเข้าบัญชีเยอะ ๆ ไว้ก่อน เพราะในอนาคตก็คงไม่มีใครตอบได้ว่าชีวิตจะเป็นยังไง

ทว่าหากมุ่งทำแต่งานจนลืมหาเวลามาดูแลสุขภาพของตัวเอง ลองถามใจดูอีกทีนะว่านี่เราทำงานหนักเพื่อเก็บเงินไปใช้ในห้อง ICU อยู่หรือเปล่า ไม่ก็ลองนึกถึงวัยเกษียณ วันที่สุขภาพเริ่มทรุดโทรม ตอนนั้นเงินที่เก็บไว้ก็คงไม่พ้นต้องเอามารักษาโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่แน่ ๆ

ทำงานหนักเกินไป ก่อโรคภัยอะไรได้บ้างนะ ?

คนที่ทำงานหนักมากไป ลองหันกลับมาถามร่างกายดูบ้างก็ได้นะคะว่าเหนื่อยไหม ไหวหรือเปล่า เพราะอาการแรก ๆ ที่คนทำงานหนักได้พบเจอกันบ่อย ๆ นั่นก็คือความอ่อนเพลีย เมื่อยล้า ซึ่งแปลได้ว่าร่างกายกำลังอ่อนแอลง และพร้อมจะรับเชื้อโรคที่ลอยล่องอยู่ตามสภาพแวดล้อมในที่ทำงานได้ง่ายขึ้น จนเสี่ยงต่อโรคและอาการเจ็บป่วยต่อไปนี้

1. โรคตึกเป็นพิษ

โรคนี้มีอยู่จริง ๆ ค่ะ และเป็นโรคที่เกิดขึ้นภายในที่ทำงาน โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมที่ทำงานที่ไม่ถูกสุขอนามัย มีฝุ่นหนา ไม่ได้รับการทำความสะอาดที่ดี หรือเป็นสถานที่ทำงานที่ต้องเจอกับสารเคมี กลิ่นไม่พึงประสงค์บ่อย ๆ อาจทำให้เกิดอาการของโรคตึกเป็นพิษ ซึ่งได้แก่ อาการอ่อนล้า ปวดหัว เวียนศีรษะ คลื่นไส้ คัดจมูก ไอ จาม เกิดผดผื่นคัน ระคายเคืองดวงตา หรือมีความผิดปกติที่ประสาทรับกลิ่น เป็นต้น

ทั้งนี้หากไม่ใส่ใจ และปล่อยปละละเลยเอาไว้นาน อาการของโรคตึกเป็นพิษอาจทวีความรุนแรงเอาได้นะคะ

2. โรคเครียด

ยอมรับไหมล่ะว่าการทำงานหนักทำให้รู้สึกเครียดได้จริง ๆ ยิ่งหากเจองานที่มีความกดดันสูง หรือบางทีเราก็กดดันตัวเองให้ต้องทำงานเยอะ ๆ ปัจจัยเหล่านี้แหละจะทำให้คุณมีระดับความเครียดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งความเครียดเหล่านี้ก็จะทำให้เกิดผลกระทบต่อร่างกาย เช่น ปวดหัว อ่อนล้า คลื่นไส้ และอารมณ์เกรี้ยวกราด นอกจากนี้ความเครียดยังทำให้ประสิทธิภาพของงานลดลงอีกด้วย ไม่เชื่อมาดูนี่สิ

3. อ้วนขึ้น

จากการศึกษาในออสเตรเลียพบว่า การนั่งเป็นเวลานานติดต่อกันวันละหลายชั่วโมง มีผลกระทบต่อระบบการเผาผลาญอาหาร เพราะการเผาผลาญจะน้อยลงเมื่อเรานั่ง และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อ้วนและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด แถมยังมีการวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่นั่งทำงานมากกว่าวันละ 6 ชั่วโมงต่อวัน อาจมีอัตราเสี่ยงในการเสียชีวิตสูงกว่าผู้ที่นั่งทำงานเพียง 3 ชั่วโมงต่อวันถึง 40% เลยทีเดียว

4. ออฟฟิศซินโดรมคืบคลานมาหา

นั่งนาน ๆ หรือยืนนาน ๆ อาการปวดก็มักจะถามหา โดยเฉพาะเหล่ามนุษย์เงินเดือนที่ต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ไม่แน่ว่าบางทีลักษณะการนั่งทำงานของคุณอาจผิดท่า หรือไม่ถูกหลักสุขภาพที่ดีจนอาจเสี่ยงต่อโรคออฟฟิศซินโดรมก็ได้ หรือเบาะ ๆ อาจมีอาการปวดตามส่วนต่าง ๆ หนักมาก หรือปวดเรื้อรัง เป็นต้น

งั้นเอาเป็นว่ามาลองเช็กเลยดีกว่าว่าเรามีอาการปวดคอ ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดข้อมือ ตาแห้ง เห็นภาพเบลอ เมื่อจ้องคอมพิวเตอร์นาน ๆ หรือเปล่า ถ้ามีอาการตามนี้ก็ต้องปรับพฤติกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงอาการเจ็บป่วยดังกล่าว แล้วล่ะ

5. สายตาพัง

การทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นานเกินไปอาจทำให้เกิดโรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม ซึ่งจะทำให้ดวงตามีปัญหาเรื่องการมองเห็น โดยอาการจะเริ่มจากการตาแห้ง ปวดหัว คอ และไหล่ และอาจจะทำให้มองเห็นเป็นภาพเบลอ วิธีป้องกันโรคนี้ก็คือการละสายตาจากคอมพิวเตอร์แล้วหันไปมองต้นไม้ใบหญ้าสี เขียว ๆ เพื่อเป็นการผ่อนคลายสายตาทุก ๆ 20 นาที

6. ความสัมพันธ์แย่

มีการศึกษาค้นพบว่าผู้หญิงกว่า 61% ที่ทำงานภายใต้ความเครียดและความกดดันนั้นจะส่งผลลบต่อความสัมพันธ์นอก ออฟฟิศ ในขณะที่ฝ่ายชายนั้นมีอัตราที่ความเครียดจะทำลายความสัมพันธ์นอกออฟฟิศสูง ถึง 79% เลยเชียว !

7. โรคคาโรชิ

ชื่อบอกยี่ห้อมาก ๆ ว่าได้รับการตั้งชื่อโรคมาจากแดนปลาดิบ แต่ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษจะหมายถึง Death from Overwork หรือ การเสียชีวิตจากการทำงานหนัก พูดง่าย ๆ ก็คือ ทำงานหนักจนตาย หรือบ้างานจนตายนั่นเอง และในญี่ปุ่นแล้ว อัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ค่อนข้างสูงมาก ดูได้จากข่าวพนักงานชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ ที่เคยเกิดขึ้นบ่อย ๆ โดยบางคนนั่งรถไฟกลับบ้านอยู่ดี ๆ ก็เสียชีวิตเอาดื้อ ๆ ทางการแพทย์จึงฟันธงว่า สาเหตุการเสียชีวิตน่าจะมาจากโรคคาโรชินี่แหละ ที่เกิดจากการทำงานหนักมาก ๆ จนร่างกายทนต่อไปไม่ได้

นอกจากนี้ คนบ้างานหลาย ๆ คนก็อาจยังไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคคาโรชิแล้วด้วยนะคะ ที่สำคัญเมื่อทำงานหนัก เครียดจากงานก็ไปดื่มแอลกอฮอล์ หรือกินไม่ยั้งเพื่อคลายเครียด ทำให้อาจพักผ่อนไม่เพียงพอ เสี่ยงโรคไขมันอุดตัน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง แม้กระทั่งอัมพาต จนอาจโบกมือลาโลกใบนี้ไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวในที่สุด

ฉะนั้นคนที่ทำงานหนักแบบหามรุ่งหามค่ำ เราอยากให้ทำความรู้จักกับโรคคาโรชิ ไว้สักหน่อย ก่อนพลาดป่วยด้วยโรคนี้ไป

เห็นไหมว่าการโหมทำงานอย่างหนักไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นอย่างที่คาดฝันไว้ เสมอไป แต่อาจนำพาสุขภาพพัง ๆ มาถึงเราได้ และหากรู้ตัวว่าบ้างานหนักมาก ก็มาลองเช็กอาการด้วยว่าเรามีความเสี่ยงจะป่วยด้วยโรคต่าง ๆ มากน้อยแค่ไหน โดยเช็กได้จากนี่เลย

สัญญาณนี้แหละใช่ ทำงานหนักเกินไปแล้วชัวร์ ๆ

ปวดเมื่อยตามตัว โดยเฉพาะบริเวณหลัง ไหล่ ท้ายทอย สายตา ปวดศีรษะ และข้อมือ มีอาการตาพร่ามัว มองเห็นภาพเบลอ โดยเฉพาะหลังจากนั่งทำงานไปแล้วสักพักใหญ่ ๆ แค่ขยับก็รู้สึกเจ็บ เพราะเกิดอาการเอ็น ข้อ ยึด จากการนั่งติดเก้าอี้เป็นเวลานาน ๆ หมดพลัง เหมือนไร้เรี่ยวแรงจะลุกไปไหน ให้ความสนใจแต่เรื่องงาน คิดอะไรก็เป็นเรื่องงานไปซะหมด บ้างานซะจนไม่มีเวลาให้ครอบครัว คนใกล้ตัว หรือแม้แต่ตัวเอง มักจะหอบงานกลับมาทำที่บ้านด้วยเสมอ ๆ ทำงานจนดึก และมักจะอดนอนเป็นประจำ อยู่ว่าง ๆ ก็เช็กอีเมลเรื่องงานเป็นประจำ ไม่เว้นแม้แต่ตอนพักผ่อนอยู่ที่บ้านพกมือถือของบริษัทติดตัวตลอด หรือมักจะคอยฟังเสียงโทรศัพท์เพราะคิดว่าอาจมีคนติดต่อเรื่องงานเข้ามา คอยสอดส่องข่าวสารเกี่ยวกับหน้าที่การงาน และมักจะเป็นคนแรก ๆ

ที่ได้ข่าวสารเรื่องงานก่อนใคร ๆ ยอมใช้สมาร์ทโฟนเพื่อจะได้ติดต่อเรื่องงานอย่างสะดวกมากขึ้น นอกจากนั้นก็แทบไม่ได้ใช้ประโยชน์จากแอพพลิเคชั่นอื่น ๆ เลย สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง ซึ่งอาจเป็นอาการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเบื้องต้น เช่น อาการปวดศีรษะ ปวดตา หรือเป็นหวัดไม่หายสักที มีแนวโน้มดื่มกาแฟมากขึ้นทุกวัน ๆ บางคนก็เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวใส่เพื่อนร่วมงาน โดยเฉพาะกับคนที่เราคิดว่าเขาทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพอย่างที่เราคาดหวัง ไว้ หงุดหงิดง่ายขึ้น มองอะไรก็ไม่สบอารมณ์ ทุกอย่างดูขวางหูขวางตาไปหมด เพราะเครียดกับงานมากเกินไป หากเช็กสัญญาณแล้วพบว่าตัวเองมีอาการบ้างานมากเกินไปอยู่หลายข้อ แนะนำว่าให้รีบปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของตัวเองเสียใหม่ จะได้ไม่เป็นการโหมทำงานหนักเกินไปเพื่อเก็บเงินเอาไว้ใช้ในห้อง ICU

ขอบคุณที่มา: https://www.share-si.com/2018/07/icu.html
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Sushi hunter's profile


โพสท์โดย: Sushi hunter
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวนถล่มอุโมงค์ลับ เนิน 350 ทัพฟ้าส่ง F-16 เสิร์ฟไข่ 6 รอบติดคลังเขมรเกลี้ยง ฮุนเซน ขอเงินเดือนเอกชน 5% อ้างช่วยชาติวอลเลย์บอลชายไทย เฉือนชนะ อินโด คว้าทองซีเกมส์ในรอบ 8 ปีสถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่นไฟในอย่าน่าออก ไฟนอกอย่าน่าเข้าชาวบ้านรู้! เพจดังแฉบ่อนพนันสารคาม เปิดเล่นโจ๋งครึ่ม 3 วันแล้ว ไม่กลัวกฎหมายสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า หากไม่ลงทะเบียน ใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ได้ เริ่ม 20 ธ.ค.- 5 ม.ค. 69วัดหลวงพ่อโอภาสี เมื่อการจุดไฟทำให้ปัญหาและอุปสรรคหายไปในพริบตาสุดสลดกลางกรุง สาววัย 36 ปีเสียชีวิตจากการตกจากคอนโดชั้น 35 ในเขตบางนา กทม.
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีให้คะแนนไทยในการจัดซีเกมส์ 100 เต็ม 10 พร้อมส่งกำลังใจถึงทีมชาติช้างศึกหลังพลาดเหรียญทองเลขเด็ด "คำชะโนด (ปกเขียว)" งวดวันที่ 2 มกราคม 69 มาแล้ว!..ส่องเลย เลขไหนมาแรง!!ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวนคลังเขมรเกลี้ยง ฮุนเซน ขอเงินเดือนเอกชน 5% อ้างช่วยชาติวอลเลย์บอลชายไทย เฉือนชนะ อินโด คว้าทองซีเกมส์ในรอบ 8 ปีไฟในอย่าน่าออก ไฟนอกอย่าน่าเข้า
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
เด็กสาวคอโค้ง 90 องศา จากปากีสถาน สู่รอยยิ้มครั้งใหม่หลังการผ่าตัดในอินเดียภาพวาดดินสอดำของเด็กอนุบาล เสียงตะโกนเงียบ ๆ ที่ผู้ใหญ่ต้องฟังให้ได้เพื่อนชิ่งบิล 1,262 หยวน ทิ้งให้ “นายจาง” จ่ายคนเดียว เรื่องจริงที่สอนว่า กินข้าวต้องมีสติ ไม่ใช่แค่สั่งเมนูมารู้จักหน่วย BHQ หน่วยองครักษ์ พิทักษ์ฮุนเซน
ตั้งกระทู้ใหม่