หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เรื่องเล่าจากแดนอาทิตย์อุทัย

เนื้อหาโดย Ashikaga Aiko

ถ้าพูดถึงเรื่องในแง่บวกของประเทศญี่ปุ่น ก็คงเป็นพวกความรู้สึกถึงความปลอดภัย กับการให้บริการ ที่แทบจะไม่เคยเจอที่บริการที่ไม่ดีเลย แม้แต่ครูอนุบาลหรือข้าราชการตามอำเภอ ก็ยังบริการแบบพยายามช่วยสุดๆเลยนะ ทุกครั้งที่เราไปญี่ปุ่น เราจะได้รับความช่วยเหลือจากคนเหล่านี้เยอะมาก หมอ พยาบาลก็ดีมาก เช่นกัน ยิ่งพยาบาลนี่ดีมากๆเลย ขนาดทำงานมาตลอดทั้งวัน ก็ยังพยายามยิ้มแย้มให้ และพูดด้วยเสียงอ่อนโยนด้วยแหละ

เราทึ่งในใจรักบริการของคนญี่ปุ่นมาก โดยเฉพาะผู้หญิง ซึ่งยอมรับจริงๆว่า ผู้หญิงญี่ปุ่นนี่สุดยอด อึด ถึกและอดทนสุดๆ แต่นั่นก็คือความน่ากลัวเหมือนกันนะ คือเวลาทำงานก็มืออาชีพ เวลาส่วนตัวก็ห้ำหั่นกันจริงจังมาก เราโชคดีกว่าคนที่อยู่แถบคันโต (เราเคยอยู่โอซาก้ากับยามานาชิ) คนที่นี่ค่อนข้างจริงใจ ไม่ค่อยหน้าไหว้หลังหลอก เวลาช่วยก็เพราะอยากช่วยจริงๆ

ถ้าพูดถึงเรื่องในแง่ลบ ก็คงเรื่องความเป๊ะ ความคาดหวัง ว่าเราต้องเป๊ะเหมือนเขา เรื่องอื่นเราไม่ค่อยเจอเท่าไหร่ จากที่ถามเพื่อนชาญี่ปุ่น ก็คงเป็นพวกเรื่องเงินเก็บหลังเกษียณ คือต้องมีเงินเก็บที่มากพอสมควรเลย ไม่งั้นคงใช้ชีวิตอยู่ในญี่ปุ่นลำบาก เพราะของที่นี้แพงมาก แล้วก็เรื่องแผ่นดินไหวกับภัยธรรมชาติ ส่วนเรื่องอื่น จากที่ฟังเพื่อนสนิทที่แต่งงานกับสาวญี่ปุ่นเล่า ก็พวกเรื่องการกลั่นแกล้งกัน และการดูถูกทางเชื้อชาติ อะไรประมาณนี้ แต่เราเองสมัยไปอยู่ที่นั้นไม่เคยเจออ่ะ เลยไม่มีอะไรจะเล่า แต่คิดว่าคงมีจริงๆ โดยเฉพาะสมัยก่อน เพราะคนญี่ปุ่นถือเรื่องคนใน คนนอกมาก

สรุป คือ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อยู่ได้นะ ถ้าคุณมีงานดีๆทำ แต่ก่อนอื่นเลย ต้องมีเพื่อนสนิทที่เป็นคนญี่ปุ่นก่อน หรือมีครอบครัวชาวญี่ปุ่นที่รู้จักที่นี่ แต่ถ้ามาแบบหัวเดียวกระเทียมลีบ ประเทศนี้เราว่าอยู่ยากกว่าไทยหรือสวีเดน(เราเป็นลูกครึ่งไทย-สวีเดน เคยอยู่สต๊อกโฮมสมัยเด็กๆและมาโตที่เมืองไทย) เพราะมันจะคล้ายเรื่อง Lost in translation แม้คุณจะพูดญี่ปุ่นได้ ก็อาจจะยังรู้สึก Lost เพราะภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่มีความหมายระหว่างบรรทัดเยอะมาก และคนเองก็ปากไม่ตรงกะใจเยอะด้วย

และเพราะผลสืบเนื่องจากการสร้างบุคลากรที่มีความเข้มแข็ง และมีรากฐานที่เกิดจากการศึกษาที่มีมาตรฐาน ที่ต้องบอกว่าสูงมาก ที่สำคัญคือญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการศึกษามาก เลยทำให้มีนักเรียนต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลกมาเรียนที่ญี่ปุ่นกันเยอะ และแน่นอน ต้องเป็นเรื่องความรู้ที่จะได้รับ ด้วยมาตรฐานการศึกษาในระดับสูง ถึงขนาดมีมหาวิทยาลัยติดอันดับโลกหลายแห่ง เมื่อจบการศึกษาแล้วสามารถหางานรองรับได้ง่าย(ระบบงานญี่ปุ่นเป็นแบบโควต้า คือแต่ละมหาวิทยาลัยจะได้รับโควต้าจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศ และทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน) ประเทศญี่ปุ่นทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างมีทุนการศึกษาให้หมดค่ะ

ใครก็ตามที่ได้ไปเรียนที่ญี่ปุ่น ก็จะได้ซึมซับเรื่องความขยันและมีระเบียบวินัยติดตัวมาด้วย เพราะญี่ปุ่นมีการปลูกฝังให้เยาวชนเคร่งครัดกับระเบียบวินัยและการทำงานร่วมกันมากๆ เพราะสิ่งเหล่านี้ถือเป็นพื้นฐานของความสำเร็จที่ทุกคนต้องปฏิบัติ และมีการปลูกฝังในเรื่องของ วัฒนธรรมและจริยธรรมควบคู่กันไปด้วยนะ

และด้วยมาตรฐานการศึกษาที่สูงมาก ทำให้ในการสอบวัดความรู้ต่างๆ เช่น casino pa natet ในระดับโลก จึงมักจะมีเยาวชนของญี่ปุ่นติดอันดับต้นๆอยู่เสมอ

พูดถึงเรื่องสุขภาพ ญี่ปุ่นนับว่าเป็นประเทศที่มีคนอายุยืนมากที่สุดในโลก โดยมีคนอายุมากกว่า100ปีหลายคนเลยนะ ยายภรรยาเพื่อนเราก็อายุตั้ง101ปี คือคนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับอาหารการกิน การดูแลรักษาตัวเองมาก ตามโรงเรียนต่างๆจะมีอุปกรณ์กีฬา โรงยิม และสนามกีฬากลางแจ้ง เพื่ออำนวยต่อการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีของนักเรียนด้วย

ใครที่จะไปศึกษาต่อยังประเทศนี้ ต้องเริ่มจากการวางแผนที่ดีก่อนเลยค่ะ ทั้งเรื่องครอบครัวและภาระหนี้สินต่างๆ เพราะไม่งั้นแล้ว เราจะไม่สามารถศึกษาได้อย่างเต็มที่ ต้องคอยเป็นห่วงกับพะวงในเรื่องต่างๆ และที่ญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพที่สูงมาก ตอนเราไปญี่ปุ่นครั้งแรก ก็แปลกใจกับราคาสินค้าพอสมควร เช่นราคาราเมงชามหนึ่งในกรุงโตเกียว ที่ต้องบอกว่าแพงมาก เช่นราเมงแบบธรรมดาๆ ร้านก็ไม่ได้หรูอะไรมากมาย ชามหนึ่งประมาณ 800-900 เยน ( 240-270บาท ) ดังนั้น ต้องวางแผนทางการเงินให้ดีจะได้ไม่ลำบากเมื่อไปถึงแน่นอนค่ะ

ญี่ปุ่น ถือเป็นผู้นำแห่งเทคโนโลยีประเทศหนึ่ง และยังเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ ทั้งที่ไม่มีทรัพย์กรทางธรรมชาติในประเทศตัวเองเลยสักอย่าง คงอเพราะผลสืบเนื่องมาจากการสร้างบุคลากรที่มีความเข้มแข็ง และรากฐานเกิดจากการศึกษาที่มีมาตรฐานค่อนข้างสูงนั้นเอง

เรื่องอื่นๆก็เรื่องสเปคของสาวญี่ปุ่น ที่ส่วนใหญ่จะชอบหนุ่มไทยมาก ** แต่จะชอบพวกฝรั่งจะมากกว่า ** สาเหตุก็เพราะนิสัยและหน้าตาแบบธรรมชาติๆ ถือว่าดูดีและหล่อกว่าหนุ่มญี่ปุ่นเยอะ โดยเฉพาะนิสัยในเรื่องการเทคแคร์และการให้เกียรติผู้หญิง ที่หนุ่มไทยมีแต่หนุ่มญี่ปุ่นไม่มี ส่วนเรื่องหน้าตาที่นี้เขาไม่ค่อยเน้นเท่าไร จะชอบผู้ชายหุ่นนักกีฬา สูงพอสมควรมีกล้ามนิดหน่อย คุยสนุก ถ้าสามารถการปรับตัวให้เข้ากับกฎระเบียน วัฒนธรรมและประเพณีของญี่ปุ่นได้ ยังไงก็จีบติดค่ะ ปล.ส่วนสูงโดยเฉลี่ยของสาวญี่ปุ่นจะประมาณ150-160ซม.

ข้อเสียของประเทศญี่ปุ่น อันนี้จากประสบการณ์ของเราเองนะ

1.คนญี่ปุ่นเป็นคนที่รักษามารยาทแต่บางครั้งก็เกินไปสุดๆค่ะ ขนาดตอนกินอาหารที่มีรสจัดแล้วรู้สึกเผ็ด(ส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยกินเผ็ดกันเท่าไหร่)พนักงานเข้ามาถามว่า''เผ็ดไหมครับ'' เขาก็ตอบว่า ''ไม่เป็นคะ อร่อยมาก'' ขนาดที่ตัวเองนี่ก็ดื่มน้ำเป็นแก้ว2แก้ว
2.คนญี่ปุ่นสูบบุหรี่เยอะแล้วจัดมาก
3.ค่าครองชีพแพงมากค่ะ แต่ถ้าเราเอาเงินไทยแลกกับญี่ปุ่นก็ได้เยอะอยู่นะ แต่ค่าแรงก็สูงเช่นกัน เฉพาะในกรุงโตเกียวค่าแรงขั้นต่ำประมาณ4000เยนต่อวัน(1280บาท) แต่ข้อดีของญี่ปุ่นในเรื่องนี้ คือถ้าทำงานในตำแหน่งอะไรก็ตาม ถ้าเข้าเมืองถูกกฎหมาย ค่าแรงเขาให้ชาวต่างชาติเท่ากับคนญี่ปุ่นเลยค่ะ
4.นี่ก็เป็นการรักษามารยาทอีกอย่างนึงที่เคยได้ยินมา คือไม่ว่าหน้าตาคนนั้นจะแย่ขนาดไหนก็ตอบกลับมาว่า''คาวาอิ'' แปลว่าน่ารักจัง(นี่ก็เป็นการรักษามารยาทที่มากจนเกินไปอีกอย่างหนึ่ง)
5.ในร้านอาหารจะเสียงดังกันมากค่ะ ยอมรับเลย โดยเฉพาะเวลาคนญี่ปุ่นมาคุยเรื่องงานกัน เราฟังภาษาญี่ปุ่นออก เลยรู้หมดว่าคุยอะไรกัน
6.คนญี่ปุ่นฟังภาษาอังกฤษไม่ค่อยออก (ก็เหมือนคนไทยนั่นแหละ)
7.เป็นประเทศนึงที่เกิดภัยพิบัตบ่อยมาก
8.ยอมรับเรื่องราคาสินค้า ที่ต้องบอกว่าแพงมากๆ
9.ที่ญี่ปุ่นจะมีพวกนีทหรือฮิโคโมริอยู่เยอะ(นีทคือพวกเก็บกดชอบอยู่บ้านไม่พบหน้าใคร ส่วนฮิโคโมริคือพวกชอบแปลกแตกแยกสังคมชอบเดินคนเดียว)
10.ประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่ค่อยนั่งแท็กซี่กัน(หากไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆ) 11.ปัจจุบันยังมีคนญี่ปุ่นที่รังเกียจคนชาติอื่นอยู่นะ แต่ถือว่ามีน้อยมากเมื่อเทียบกับสมัยก่อน และการทำงานกับคนญี่ปุ่นเป็นอะไรที่เครียดมาก ทุกอย่างต้องเป๊ะ ทุกอย่างต้องเต็มที่

ที่ญี่ปุ่นเราจะหาขยะตามถนนหนทางได้ยากพอสมควร ถังขยะที่นู่นก็น้อยด้วยค่ะ ถึงมี ก็จะเป็นถังแบบแยกให้ใส่ขวดน้ำบ้าง ใส่ของใช้แล้วทิ้งบ้าง

มาที่ข้อดี ถ้าจะให้แยกเป็นข้อๆก็คงมีประมาณนี้ค่ะ
1.เป็นระเบียบเรียบร้อยกันมากๆ เข้าแถวเป๊ะ พูดจาไพเราะเพราะพริ้งมากค่ะ (เราอ่าน เขียนและพูดภาษาญี่ปุ่นได้)
2.ก็อย่างที่บอกไปนั้นแหละค่ะ เรื่องขยะ ทิ้งกันลงถังทุกคน
3.การดูแลเอาใจใส่ลูกค้าที่ญี่ปุ่นถือว่าดีมาก พูดอะไรปุ๊บ ขออะไรปุ๊บ ก็ทำตามนั้นปั๊บ
4.เรื่องความสวยงามของประเทศญี่ปุ่นก็ถือว่าสวยมาก อากาศก็ดีมาก (ไทยเราก็ดีเหมือนกันนะ)
5.ประเทศนี้มีวินัยในเรื่องกฎจราจรที่ดีมาก แต่เวลาข้ามทางม้าลายต้องดูสัญญาณไฟให้ดีๆก่อนนะ คนญี่ปุ่นไม่ขับรถกันเสียงดัง ไม่ซิ่ง แล้วนั่งบนรถแท็กซี่ของญี่ปุ่นคนขับเรียบร้อยมาก บริการผู้โดยสารได้ดีและที่นั่นไม่มีสุนัขจรจัดหรือสัตว์อื่นๆเพ่นพ่านบนถนนเลย
6.ชอบมากรถไฟฟ้าญี่ปุ่น เข้าไปที่นี่เงียบกริบเลยค่ะ ก็คงเหมือนประเทศไทยนั่นแหละ แต่ญี่ปุ่นเขาเรียบร้อยกว่ามากๆ ตอนยืนก็เฉยๆไม่เดินไปเดินมา เด็กที่นั่นก็เงียบไม่ส่งเสียงงอแงเลย
7.เด็กวัยรุ่นญี่ปุ่นดูเรียบร้อยดี ไม่ทะเลาะกัน(มั้ง) แต่งตัวเป็นระเบียบขนาดเดินยังเดินเป็นแถว
8.รถที่นั่นน้อยมากค่ะ ส่วนใหญ่เขาจะใช้รถไฟฟ้าไม่ก็การเดินมากกว่า
9.ทุกคนที่ญี่ปุ่นยิ้มแย้มแจ่มใส และพูดจากันดีมาก
10.ที่ญี่ปุ่นอาหารไม่กินทิ้งกินขว้าง เราไปเจอมาชามบักเอ้ก กินไม่หมดเลย แต่คนญี่ปุ่นนี่ กินราเม็งชามนึงหมดต่อด้วยข้าวผัดอีกชามนะ!
11.การสั่งอาหารหรือจะเอาของอะไรที่นั่นสะดวกมากค่ะ จะมีตู้หยอด มันจะสะดวกสำหรับหลายคน
12.การศึกษาที่ญี่ปุ่นถือดีมากกว่าของไทยเรามาก เด็กที่ญี่ปุ่นจะมีIQสูงมากกว่าประเทศไทยเยอะ (จากการสำรวจขององค์กรระดับโลก)
13.เรื่องเทคโนโลยีหรือการผลิตสิ่งของ ถือว่าโหดมาก ที่เราได้ยินมาเช่น โตโยต้า ฮิตาชิ โตชิบ้า ของญี่ปุ่นทั้งนั่นแหละคับ
14.หายากเรื่องอุบัติเหตุ เคยลองเปิดดูทีวีของญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ที่เห็นในข่าวมาไม่ค่อยมีข่าวเกี่ยวกับโจรกรรมหรืออุบัติเหตุอะไรเลย
15.เรื่องการทำงานของคนญี่ปุ่นนั่น ขยันขันแข็งมากๆค่ะ ไม่มีใครจะพักหรือเหนื่อยเลย(ถามจากเพื่อนสนิทที่แต่งงานกับสาวญี่ปุ่นมา ปัจจุบันเพื่อนเราโอนสัญชาติเป็นชาวญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว และทำงานอยู่กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่น)
16.ขออีกเรื่อง ก็คือบันไดเลื่อน ไปเจอมา คือ เราเดินๆอยู่จะขึ้นบันไดเลื่อน น้องสาวเราบอกว่าให้ขึ้นบันไดเลื่อนเหมือนเขาก็คือยืนชิดขวาส่วนทางซ้ายก็ให้คนที่รีบๆวิ่งขึ้นไปก่อนเพราะถือเป็นวิธีที่ทำให้สะดวกมากขึ้นสำหรับคนรีบร้อน

นี่แหละค่ะข้อดีข้อเสียของประเทศญี่ปุ่น

มีเรื่องจะเล่าให้ฟังด้วย เกี่ยวกับเรื่องแปลกๆของที่นี้ เพราะเจอมากับตนเอง คือเราไปพักที่โรงแรมที่มีบ่อน้าร้อน มีชื่อว่าโอโบโระเรียวคัง เราเข้าไปพักในห้องพัก เราเห็นทีวีก็เลยกดเปิดดู ปรากฎว่าเจอหนังอะไรไม่รู้เหมือนจะเป็นหนังโป๊ที่ทางโรงแรมอัดไว้มั้ง ตอนนั้นเราตกใจมาก เพราะไปกับน้องสาว เปลี่ยนแทบไม่ทัน คือเราไม่นึกว่ามันจะมีอ่ะ และอีกเรื่องคือคนญี่ปุ่นนี้ยอมรับเลยว่าหื่นมาก เราไปเดินแถวๆย่านชิบุย่า ย่านการค้าชื่อดังของญี่ปุ่น ที่ต้องบอกว่าคนเยอะมาก เราไปเจอนักเรียนผู้หญิงญี่ปุ่นคนหนึ่ง ที่เขาใส่กระโปรงสั้นๆอ่ะ เราไปเห็นว่ามีคนแอบหยิบเอาโทรศัพท์มาถ่ายใต้กระโปรงแล้วรีบเก็บทันที เรานี่อึ้งเลย ไม่นึกว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ด้วย และที่ญี่ปุ่นจะมีย่านที่ให้บริการ 18+ สำหรับคุณผู้ชายโดยเฉพาะเลยด้วย อะไรที่เราเห็นในหนังเอวี ย่านนี้มีหมดค่ะ แม้แต่ร้านขาย กกน.ผู้หญิงทั้งที่ใช้แล้วพร้อมรูปเจ้าของ กับที่ยังไม่ได้ใช้ ซึ่งเรางงมาก คือมันต้องขนาดนี้เลยเหรอ แต่แปลกนะ ผู้ชายที่เดินเข้าร้านพวกนี้ กลับไม่มีใครสนใจ เหมือนเป็นเรื่องปกติของเขาอ่ะ

ส่วนเมืองที่ชอบไปมากที่สุดก็ อากิฮาบาระ อนิเมะเพียบเลยค่ะ พวกโอตาคุนี่เดินกันเพียบเลย

ญี่ปุ่น คือชาติมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นมิตรและจริงใจกับไทยมากที่สุด คนญี่ปุ่นชอบเมืองไทยมากเลยนะ ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น จากที่ถามเพื่อน สังคมญี่ปุ่นดูจะไม่รังเกียจมากเท่าไร แต่ถ้าเป็นพวกลูกครึ่งฝรั่ง-ญี่ปุ่น จะถูกรังเกียจมากกว่า โดยเฉพาะสังคมในรั้วโรงเรียน

มุสลิม อยู่ในญี่ปุ่นยากมากค่ะ สังคมที่นี้ต่อต้านสุดๆ ( แต่ไม่เปิดเผยเท่าไร ) อาหารสำหรับมุสลิมหาทานหายากด้วย บางครอบครัว ถ้าแต่งงานกับมุสลิมนี้เขาไล่ออกจากครอบครัวเลยนะ คือญี่ปุ่นเขามองว่ามุสลิมคือตัวปัญหา

ศาสนาประจำชาติ อันนี้ไม่แน่ใจ เพราะส่วนใหญ่ถ้าแต่งงานตอนเช้าจะจัดพิธีแบบคริสต์ ตกเย็นก็แบบชินโต แต่ยอมรับในเรื่องการรักษาวัฒนธรรม ญี่ปุ่นรักษาได้ดีมาก เช่นถ้ามีใครใส่ชุดกิโมโนเดินไปไหนมาไหนตามที่ต่างๆ ก็จะไม่มีใครมองเลยว่าแปลก เพราะเขาถือว่าเป็นชุดประจำชาติ การใส่เดินไปไหนมาไหนไม่ใช่เรื่องแปลก

ตำรวจญี่ปุ่นไม่พกปืนค่ะ พกแต่กระบอง กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น จากที่สังเกตุนะ ชุดกับอะไรหลายๆอย่างเหมือนทหารอเมริกา และโรงเรียนนายร้อยญี่ปุ่น ไม่มีแยกแบบไทยค่ะ ทั้งสามเหล่าทัพเรียนรวมกัน และไม่มีโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ระบบอะไรต่างๆในสายงานนี้คล้ายๆสหรัฐฯ

เด็กญี่ปุ่นส่วนใหญ่ จบแค่ม.ต้น แล้วไปทำงานเลย สาเหตุก็เพราะว่าระหว่างเรียน ที่ญี่ปุ่นเขาฝึกเด็กให้ช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เข้าเรียนอนุบาล ขึ้นมัธยมศึกษาตอนต้นจะมีกิจกรรมที่เกี่ยวกับวิชาชีพสอนด้วยนะ และเด็กญี่ปุ่นจะไม่มีเวลาว่างที่มากพอไปทำอย่างอื่นเหมือนเด็กไทย เพราะมีกิจกรรมให้เด็กมีส่วนร่วมทำตลอดเลย คือเขามีพื้นที่ให้ทั้งเด็กกิจกรรม ชอบดนตรี ศิลปะและการเล่นกีฬา ซึ่งต่างกับเมืองไทยเรา ก็จะมีส่วนน้อยเท่านั้นที่เลือกเรียนต่อค่ะ ส่วนใหญ่เรียนจบม.ต้นก็จะไปประกอบอาชีพเลย และการศึกษาภาคบังคับของญี่ปุ่นคือ9ปี คือ อนุบาลถึงม.3 และรัฐบาลญี่ปุ่นให้เรียนฟรี

หลังปีค.ศ.1945 สมเด็จพระจักรพรรดิ์ทรงประกาศยอมแพ้สงคราม ทำให้บรรดาหลายฝ่ายไม่พอใจเป็นมาก ถึงขั้นตามหาหนังสือยอมแพ้เพื่อเอามาทำลายทิ้งเลยนะ เลยทำให้ญี่ปุ่นมาอยู่ใต้ปีกอเมริกามหามิตร หลังแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2

สาเหตุที่ยอมแพ้ให้พญาอินทรี ก็เพื่อป้องกันทัพโซเวียตซึ่งยึดหมู่เกาะคูริล หรือญี่ปุ่นเรียกว่าเกาะชิชิมะ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะฮอกไกโด และมุ่งที่จะยึดญี่ปุ่นทั้งประเทศ และตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โซเวียตกับญี่ปุ่นยังอยู่ในภาวะสงคราม (จากสงครามโลกครั้ง 2) เมื่อรัสเซียเป็นทายาทจากโซเวียต รัสเซีย กับญี่ปุ่น จึงยังอยู่ในภาวะสงครามจนถึงปัจจุบัน

(หากในอนาคต ร่างข้อเสนอยุติข้อพิพาทหมู่เกาะระหว่างรัสเซีย กับญี่ปุ่นสำเร็จได้
ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่น กับรัสเซีย จะดีขึ้นอย่างมาก)

สหรัฐจึงวางรากฐานให้ญี่ปุ่นเป็นประชาธิปไตย และช่วยฟื้นฟูญี่ปุ่นอย่างเต็มที่ แต่มีกฎเหล็กข้อหนึ่งว่า ห้ามให้สื่อมวลชน นำเสนอการทิ้งระเบิดปรมาณูในสื่อใดๆโดยเด็ดขาด

เพราะเนื่องมาจากสหรัฐทิ้งระเบิด 2 ลูกที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิ โดยในระหว่างสงครามโลกนั้น ญี่ปุ่นได้เกณฑ์แรงงานชาวเกาหลี ซึ่งเป็นประเทศราชในขณะนั้น ไปใช้งานเยี่ยงทาสทั้งสองเมือง คาดว่ามีชาวเกาหลีที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดปรมาณู ที่ฮิโระชิมะ ประมาณ 20,000 คน
นะงะซะกิ ประมาณ 2,000 คน คนเกาหลีเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้มากถึง 1 ใน 7 ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ชาวเกาหลีพยายามต่อสู้เพื่อรับการชดเชยจากเหตุการณ์นี้ และทุกคนได้รับการเยียวยาภายใต้กฎหมายปัจจุบัน

เคยได้ฟังจากคนญี่ปุ่นที่รู้จัก เขาพูดเลยนะว่า จะไม่ยอมให้มีการทิ้งระเบิดปรมาณู ลูกที่ 3 บนโลกนี้เด็ดขาด

พอมาถึงปี ค.ศ.1954 มีนาคม อเมริกาได้ทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ในมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นเหตุให้เรือประมงปลาทูน่าญี่ปุ่นชื่อ
ไดโกะ ฟุกุริว มารู(Lucky Dragon 5) พร้อมลูกเรือ 23 คน ได้สัมผัสปนเปื้อนฝุ่นกัมมันตรังสี
ทำให้ลูกเรือทั้งหมดป่วย และมีผู้เสียชีวิตไปหนึ่งราย ปลา น้ำ พื้นดิน เกิดการปนเปื้อนทางกัมมันตรังสีอย่างรุนแรง

การทดลองแคสเซิลบราโว เป็นหนึ่งในอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ที่เลวร้ายที่สุด สร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้ชาวญี่ปุ่นมากเลยค่ะ
และเป็นการย้ำเตือนถึงฝันร้ายที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิ และเป็นที่มาของภาพยนตร์ก็อตซิลล่า

ภ้าพูดถึงการปกครองในระดับท้องถิ่นของญี่ปุ่น ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ประมาณนี้ค่ะ

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 จากอเมริกา ค.ศ.1947 ให้เปลี่ยนทหารเป็นกองกำลังป้องกันตนเอง สมเด็จพระจักรพรรดิเป็นเพียงสัญลักษณ์
ระบบการปกครองเปลี่ยนจาก 3 ระดับ เป็น 2 ระดับ (ส่วนกลาง กับ ส่วนท้องถิ่น)

โครงสร้างบริหารราชการแผ่นดิน
ระบบการปกครองเปลี่ยนจาก 3 ระดับ เป็น 2 ระดับแบ่งเป็น 2ส่วน

ส่วนกลาง รูปแบบรัฐสภา มีนายกรัฐมนตรี
ส่วนท้องถิ่น จังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัด เทศบาล มีนายกเทศมนตรี
เลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง(ส่วนกลาง และ ส่วนท้องถิ่น)

เปรียบจิตสำนึกกลุ่มของญี่ปุ่นเหมือนฝูงปลา
ดั่งสำนวนญี่ปุ่นที่ว่า ตะปูที่โผล่ต้องตีกลับลงไป
เกิดจากการปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็ก
จิตสำนึกกลุ่มทำให้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า พูดเป็นนัยแทนการพูดตรงๆ

ทัศนะชาวญี่ปุ่น ไม่ไว้วางใจคำพูดซึ่งอาจผิดพลาดได้ เช่น
ความเงียบ คือ ดอกไม้ที่มีคุณค่า สื่อสารจากใจถึงใจ

ญี่ปุ่นใช้ หลักศาสนาพุทธชินโตในวางกรอบค่านิยม และใช้หลักคำสอนในลัทธิขงจื้อ ในการจัดระเบียบประเทศตั้งแต่สมัยโชกุนโทกุงาวะ
ในปัจจุบันชนชั้นซามุไรกลายเป็นนักธุรกิจ นักบริหาร นักปกครอง ที่ปฎิบัติยึดถือบูชิโดะ

ตลาดแรงงานญี่ปุ่นมีลักษณะรวมศูนย์คล้ายระบบราชการ

ตลาดแรงงานญี่ปุ่นวิวัฒนาการมาจากระบบซามุไร ที่มีต้นสังกัดเดียวจนตาย
พนักงานบริษัทและข้าราชการทำงานในองค์กรเดียวตั้งแต่จบมหาวิทยาลัยจนถึงเกษียณ ตลาดงานญี่ปุนจึงคล้ายระบบข้าราชการ
บริษัทและหน่วยราชการไม่คาดหวังให้มหาวิทยาลัยสร้างทักษะอาชีพ เพราะทุกบริษัทและหน่วยราชการมีการฝึกทักษะวิชาชีพ
คล้ายกับซามูไรในอดีตที่ได้รับการฝึกฝนโดยต้นสังกัด มหาวิทยาลัยญี่ปุ่นเป็นศูนย์รวมแรงงานมากกว่าเป็นที่ฝีกทักษะอาชีพ

พูดง่ายๆก็คือบริษัทและหน่วยราชการ จ้างงานโดยการผ่านเครือข่ายรุ่นพี่รุ่นน้องตามสถาบันการศึกษา เมื่อนักศึกษาเรียนจบ
ก็เข้าระบบบริษัทและสร้างอัตลักษณ์จากต้นสังกัดเหมือนซามูไรในอดีต นักศึกษาญี่ปุ่นจึงขยันเรียนจนเข้ามหาวิทยาลัยได้เท่านั้น
เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยได้ นอกจากเวลาเรียนแล้ว นักศึกษาก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ เพื่อสร้างเครือข่ายผ่านรุ่นพี่เพื่อเข้าทำงานในบริษัทที่ต้องการ
นักศึกษาสายวิทย์สร้างเครือข่ายผ่านทั้งระบบชมรมและรุ่นพี่ในแล็บ ส่วนนักศึกษาสายศิลป์สร้างเครือข่ายผ่านทั้งระบบชมรมและรุ่นพี่ในกลุ่มสัมมนา

ส่วนซามูไรไม่มีสังกัดที่เรียกว่าโรนิน วิวัฒนาการเป็นแรงงานไร้ฝีมือที่มีวุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลาย เช่น คนขับรถบรรทุก แรงงานก่อสร้าง ชาวประมง ฯลฯ เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นใช้นโยบาย ผู้อพยพแบบปิด และไม่นำเข้าแรงงานไร้ฝีมือ แรงงานไร้ฝีมือจึงมีรายได้ดี ก่อนที่เศรษฐกิจจะตกต่ำแรงงานไร้ฝีมือมีรายได้เทียบเท่าแรงงานมีฝืมือที่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร

ในแง่บวกนโยบายผู้อพยพแบบปิด ทำให้ญี่ปุ่นมีการกระจายรายได้ที่เท่าเทียมกันพอๆกับประเทศสแกนดิเนเวีย
ในแง่ลบนโยบายนี้ส่งเสริมแนวคิดชาตินิยมซึ่งเป็นจุดอ่อนของญี่ปุ่นในปัจจุบัน

เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำบริษัทปลดพนักงานออก พนักงานที่โดนปลดส่วนมากหางานบริษัทใหม่ได้ยาก และกลายเป็นลูกจ้างชั่วคราว
ทำให้เกิดปัญหาด้านอัตลักษณ์ รู้สึกอับอายที่กลายเป็นแรงงานไร้สังกัดจนฆ่าตัวตาย ปัญหานี้สาหัสกว่าประเทศตะวันตก
เพราะคนตะวันตกไม่ทำงานองค์กรเดียวตลอดชีวิต และไม่ผูกอัตลักษณ์ของตนไว้กับต้นสังกัดหรือสถาบันการศึกษาเท่าคนตะวันออก

แม้แต่อาจารย์มหาวิทยาลัยในประเทศตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐฯก็ย้ายต้นสังกัดกันเป็นปกติ มหาเศรษฐีชาวตะวันตกหลายคนตั้งบริษัทตั้งแต่ยังไม่จบปริญญาตรี นอกจากนี้การฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นมีปัจจัยด้านวัฒนธรรมเป็นพื้นฐานนั้นเองค่ะ
ซามูไรที่ฆ่าตัวตายในอดีตได้รับการยกย่องว่ามีเกียรติยศกว่ามีชีวิตอยู่เพื่อสู้กับความอับอาย
นักบินคามิกาเซ่ที่ดับเครื่องชนในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ ฮีโร่

แรงงานญี่ปุ่นแลกนวัตกรรม และเวลาสำหรับครอบครัวกับสวัสดิการ

ผลตอบแทนจากนวัตกรรมในญี่ปุ่นเป็นขององค์กร เพื่อแลกเปลี่ยนกันบริษัทตอบแทนพนักงานด้วยสวัสดิการ ทั้งก่อนเกษียณและหลังเกษียณ แม้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะมีสวัสดิการด้านสุขภาพและบำนาญ บริษัทมีสวัสดิการต่างหาก สวัสดิการเหล่านี้เป็นแรงจูงใจให้แรงงานญี่ปุ่นสละเวลา สำหรับครอบครัวเพื่ออุทิศตนให้บริษัท

บริษัทญี่ปุ่นให้เงินบำเหน็จตอนเกษียณ และให้สวัสดิการหลังเกษียณอายุคล้ายระบบราชการไทย เช่น พนักงานบริษัทรถไฟได้ใช้รถไฟฟรี หรือได้ลดราคาตลอดชีพ

สวัสดิการก่อนเกษียณมีต่างๆนานา เช่น สวัสดิการด้านที่อยู่อาศัยในรูปบ้านพักของบริษัท เงินสนับสนุนค่าเช่าบ้าน เงินช่วยผ่อนชำระสินเชื่อเพื่ออยู่อาศัย สวัสดิการด้านคมนาคมในรูปเงินสนับสนุนค่าเดินทาง สวัสดิการด้านการศึกษาในรูปทุนศึกษาต่อต่างประเทศ สวัสดิการด้านการศึกษาของบุตรธิดา สวัสดิการบ้านพักต่างอากาศในรีสอร์ททั่วประเทศ ฯลฯ

ในด้านบวก สวัสดิการบริษัทร่วม กับสวัสดิการรักษาพยาบาลของรัฐทำให้ญี่ปุ่นมีการกระจายรายได้ที่เท่าเทียมพอๆกับประเทศสแกนดิเนเวีย

ในด้านลบ ทำให้ไม่มีแรงจูงใจในการสร้างสรรค์นวัตกรรม เพราะผลตอบแทนจากนวัตกรรมโดนจัดสรรเป็นสวัสดิการทั้งองค์กร

เนื่องจากตลาดแรงงานญี่ปุ่นคล้ายระบบราชการ พนักงานบริษัทญี่ปุ่นจึงไม่มีทางเลือกนอกองค์กร

กว่าจะได้เป็นผู้บริหารก็ต้องทำงานล่วงเวลา เลิกงานก็ต้องไปสังสรรค์ตามร้านอาหารและผับ
ไม่ว่าจะเป็นการสังสรรค์กันเองหรือสังสรรค์กับลูกค้า ดังนั้นพนักงานบริษัทอายุต่ำกว่า 35 ปีจึงพักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะต้องกลับบ้านดึกและตื่นเช้าำปทำงาน วันหยุดอาจต้องทำงานหรือเดินทางเพื่อธุรกิจ
ปัญหานี้ทำให้ประชากรในวัยเจริญพันธุ์ ไม่สามารถสร้างครอบครัวได้สะดวก เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราการเติบโตของประชากรลดลง

ในทางกลับกัน แรงงานมีฝีมือในระบบทุนนิยมถือว่า นวัตกรรมเป็นทรัพย์สินทางปัญญา มีการแบ่งกำไรกันระหว่างผู้สร้างนวัตกรรมและองค์กร
ทั้งในมหาวิทยาลัยและในภาคเอกชน ไม่ว่าจะแบ่งด้วยการแบ่งลิขสิทธิ์ แบ่งหุ้น หรือต่อรองด้านเงื่อนไขและชั่วโมงทำงาน
เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตครอบครัว ซึ่งเป็นปัจจัยให้อัตราการเติบโตของประชากรไม่ตกต่ำ
แม้ว่าอัตราการหย่าร้างของคนอเมริกันจะสูงขึ้นในหลายทศวรรษที่ผ่านมา สหรัฐฯเป็นประเทศที่อัตราการเติบโตของประชากรสูงที่สุด
ในบรรดาประเทศอุตสาหกรรมตะวันตก

รัฐบาลญี่ปุ่นพัฒนาประเทศด้วยการแทรกแซงกลไกตลาดด้วยนโยบายอุตสาหกรรม หรือก็คือรัฐบาลใช้ระบบภาษีสนับสนุนการขยายตัวของบริษัทใหญ่ เพื่อแข่งขันกับประเทศอุตสาหกรรมตะวันตกในตลาดโลก

แม้ว่าหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นได้ผ่านการปฏิรูปที่ดินและระบบภาษี กลุ่มธุรกิจใหญ่ในญี่ปุ่นยังมีอำนาจตลาดผ่านเครือข่ายที่เรียกว่า“เคเรตซึ” เคเรตซึต่างๆกำหนดเงื่อนไขตลาดร่วมกับข้าราชการซึ่งมีบทบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมาก มีหน่วยราชการที่วางยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจ และมีธนาคารของรัฐที่ส่งเสริมการส่งออกและพัฒนาอุตสาหกรรม ญี่ปุ่นกลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยรัฐข้าราชการ

ในด้านการบริหารองค์กร องค์กรญี่ปุ่นทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนใช้ระบบอาวุโสโดยให้ผลตอบแทนตามอายุ ระบบนี้มีรากฐานจากการจ้างงานผ่านเครือข่ายรุ่นพี่รุ่นน้องในสถาบันการศึกษา และเป็นระบบที่ไม่สนับสนุนทักษะด้านการแข่งขัน การแข่งขันข้ามรุ่นเสมือนเป็นอาชญากรรมในองค์กร ระบบอาวุโสดังกล่าวส่งเสริมเพียงการแข่งขันระหว่างองค์กร และการแข่งขันระหว่างประเทศเท่านั้น ปัจจัยนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนญี่ปุ่นที่มีทักษะด้านการแข่งขัน เลือกที่จะใช้ชีวิตในประเทศตะวันตก และไม่กลับไปทำงานที่ญี่ปุ่น

ปัญหาด้านทุนนิยมของญี่ปุ่น

1. การเคลื่อนย้ายทุนของบริษัทญี่ปุ่นและภาวะฟองสบู่หลังการปรับค่าเงินเยนในปี 2528
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นพึ่งพาตลาดสหรัฐฯมาตลอด แม้ญี่ปุ่นโดนสหรัฐฯทำหมันในด้านอุตสาหกรรมอาวุธ ด้วยรัฐธรรมนูญที่จำกัดอำนาจทหาร สงครามเกาหลีทำให้ภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่นฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นเป็นมหาอำนาจในเอเชียที่มีเทคโนโลยีอุตสาหกรรมอยู่แล้ว หลังสงครามเกาหลี ญี่ปุ่นพัฒนาคุณภาพสินค้าเพื่อตีตลาดตะวันตกมากขึ้น

จุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญสำหรับญี่ปุ่นคือการปรับค่าเงินเยนในปี 2528 การปรับค่าเงินเยนครั้งนั้น เป็นข้อตกลงกับประเทศอุตสาหกรรมตะวันตก เพื่อแก้ปัญหาดุลการค้า ญี่ปุ่นยอมปรับค่าเงินเยนให้แข็งขึ้น เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปกป้องตลาดในประเทศ โดยเฉพาะตลาดสินค้าเกษตร การขายปลีกและบริการด้านการเงิน
(การตัดสินใจของญี่ปุ่นต่างกับจีนในปัจจุบัน จีนไม่ยอมปรับค่าเงินหยวนอย่างรวดเร็วแต่ยอมเปิดตลาดในประเทศมากขึ้น)

เมื่อเงินเยนแข็งขึ้นผู้ส่งออกก็ขยายฐานการผลิตไปประเทศที่ค่าแรงต่ำ เพื่อชดเชยการเสียเปรียบจากค่าเงินเยน และมีแนวโน้มดังกล่าวได้เริ่มต้นตั้งแต่ครึ่งหลังของสงครามเวียดนาม ซึ่งเป็นยุคที่เงินเยนปรับค่าให้แข็งขึ้นเป็นครั้งแรก และนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนการเคลื่อนย้ายทุนดังกล่าวผ่านธนาคารของรัฐ และด้วยการต่อรองกับรัฐบาลต่างชาติ เพื่อสิทธิพิเศษด้านการลงทุน เช่น การยกเว้นภาษี ฯลฯ การขยายฐานการผลิตในต่างประเทศขยายตัวเป็นวงกว้างหลังการปรับค่าเงินเยนในปี 2528

ส่วนผู้บริโภคญี่ปุ่นก็เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศทั่วโลกและนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย คนตะวันตกเริ่มกลัวว่าคนญี่ปุ่นจะเป็นมหาอำนาจ จนกรุงโตเกียวกลายเป็นเมืองที่ค่าครองชีพแพงติดอันดับโลก เพราะเงินเยนแข็งขึ้นและเพราะภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับที่ญี่ปุ่นเริ่มแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ที่สำคัญคือการแปรรูปกิจการรถไฟและการแปรรูปองค์การโทรศัพท์ การเอาหุ้นรัฐวิสาหกิจเข้าตลาดหุ้นในยุคนั้นเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งเสริมภาวะฟองสบู่ ภาวะฟองสบู่ได้ก่อปัญหาหนี้เสียจนเกิดวิกฤตการเงินในปี 2534 ในที่สุด

ตอนที่รัฐบาลญี่ปุ่นปรับเงินเยนให้แข็งขึ้นอีกในปี 2528 และสนับสนุนให้บริษัทญี่ปุ่นขยายฐานการผลิตในต่างประเทศนั้น
รัฐบาลญี่ปุ่นหวังว่าประเทศปลายทางจะกลายเป็นตลาดทดแทนตลาดสหรัฐฯ และไม่ได้พยายามพัฒนาฐานผู้บริโภคในประเทศอย่างจริงจัง
เพราะการพัฒนาฐานผู้บริโภคในประเทศจะทำให้สถานะ”ประเทศเจ้าหนี้”สั่นคลอน

ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศเจ้าหนี้เพราะคนญี่ปุ่นมีอัตราการออมที่สูงมาก เงินออมเป็นแหล่งทุนญี่ปุ่นผ่านระบบธนาคารพาณิชย์ และทำให้ญี่ปุ่นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯในมูลค่ามหาศาล ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯมากที่สุดในโลก
จนถึงเมื่อ 2 ปีนี้ที่แล้วที่จีนเพิ่งแซงญี่ปุ่นไป

รัฐบาลญี่ปุ่นบรรเทาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำด้วยมาตรการกระตุ้นทางการคลังและใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำ มาตรการกระตุ้นทางการคลังทำให้รัฐบาลมีหนี้สาธารณะ ต่อผลผลิตประชาชาติมากที่สุดในโลก แต่หนี้สาธารณะญี่ปุ่นเป็นหนี้ในประเทศ กล่าวคือ ผู้ถือพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นมีสัญชาติญี่ปุ่น

เมื่อรวมทรัพย์สินในภาคเอกชนแล้วญี่ปุ่นยังเป็นประเทศเจ้าหนี้ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าจีนหรือเยอรมัน
ด้วยเหตุนี้ไม่ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะมีหนี้สาธารณะแค่ไหนญี่ปุ่นก็ไม่จำเป็นต้องกู้ยืมจากไอเอ็มเอฟแบบไอร์แลนด์ ที่หนี้สาธารณะส่วนใหญ่เป็นหนี้ต่างประเทศ

แต่หนี้สาธารณะมีผลกระทบต่อพลเมืองตรงที่ รัฐบาลญี่ปุ่นต่อต้านความพยายามของธนาคารกลางที่จะขึ้นดอกเบี้ย
เพราะดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะเป็นภาระทางการคลังของรัฐบาล ทั้งๆที่การขึ้นดอกเบี้ยจะช่วยให้ผู้บริโภคมีรายได้จากเงินออมมากขึ้น
และจะช่วยกระตุ้นฐานการบริโภคในประเทศ นอกจากรัฐบาลญี่ปุ่นผู้ที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยต่ำ คือกลุ่มทุนและธนาคารญี่ปุ่น
เพราะดอกเบี้ยต่ำทำให้ธนาคารญี่ปุ่น และกลุ่มทุนญี่ปุ่นขยายกิจการในต่างประเทศได้สะดวก

2. รัฐบาลญี่ปุ่นไม่พยายามปฎิรูปกฎหมายแรงงานเพื่อคุ้มครองสิทธิแรงงานอย่างจริงจัง

จนถึงไม่กี่ปีก่อนวิกฤตการเงิน บริษัทและหน่วยราชการญี่ปุ่นยังใช้ระบบ “สัปดาห์ละ 6 วัน” พูดง่ายๆก็คือ วันเสาร์ยังเป็นวันทำงาน แม้ว่าสหภาพแรงงานของญี่ปุ่นมีการต่อรองค่าจ้างกับผู้บริหารทุกปี และมีการเรียกร้องให้ลดชั่วโมงการทำงาน และให้วันเสาร์เป็นวันหยุด ซึ่งได้รับการตอบสนองในที่สุด แต่สหภาพแรงงานไม่ต้องการปฎิรูปตลาดแรงงาน ให้มีความคล่องตัวในการย้ายงาน

สหภาพแรงงานพึงพอใจกับโครงสร้างตลาดงานแบบรวมศูนย์ คือ มหาวิทยาลัยเป็นแหล่งรวมศูนย์ของแรงงานใหม่ และสหภาพแรงงานเป็นแหล่งรวมศูนย์ของแรงงานเก่า

ในทางการเมือง แม้ว่าญี่ปุ่นใช้ระบบประชาธิปไตยรัฐสภาที่มีจักรพรรดิ์เป็นสัญลักษณ์ แต่ญี่ปุ่นต่างกับอังกฤษตรงที่ว่า
รัฐบาลญี่ปุ่นอยู่ภายใต้การนำของพรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมมาเกือบ 50 ปี

นักการเมืองระดับสูงในพรรคดังกล่าว สืบเชื้อสายมาจากซามูไร และขุนนางระดับสูงในอดีต
กฏหมายแรงงานในญี่ปุ่นจึงสะท้อนให้เห็นแนวคิดด้านอนุรักษ์นิยม
ที่จัดวางให้ข้าราชการเป็นผู้นำนโยบายพัฒนาประเทศ มากกว่าแรงจูงใจในตลาดแรงงาน

การแปรรูปรัฐวิสาหกิจญี่ปุ่นผ่านตลาดหุ้นในยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟู เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นหวังว่าจะพัฒนากรุงโตเกียวให้เป็น ศูนย์กลางการเงินของเอเชียตะวันออกแทนฮ่องกง และหวังว่าญี่ปุ่นจะกลายเป็นผู้นำในด้านวัฒนธรรมและด้านการศึกษาด้วย

จุดอ่อนของวิสัยทัศน์ด้านนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นคือ แนวคิดชาตินิยม คือญี่ปุ่นต้องการให้ภาษาญี่ปุ่นกลายเป็นภาษาสากล
รัฐบาลญี่ปุ่นให้ทุนการศึกษากับนักเรียนทั่วโลกทั้งจากประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา โดยมีเงื่อนไขนักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่นต้องเรียนภาษาญี่ปุ่น เพื่อศึกษาในระบบการศึกษาเดียวกับคนญี่ปุ่น

นโยบายดังกล่าวมีจุดมุ่งหลายเพื่อสร้างแรงงานให้บริษัทญี่ปุ่น และเพื่อสร้างทรัพยากรบุคคลที่เป็นมิตรกับญี่ปุ่นในเวทีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ในเชิงธุรกิจและด้านการเมืองระหว่างประเทศ

แม้ว่านโยบายทุนการศึกษาจะช่วยขยายฐานแรงงานที่พูดภาษาญี่ปุ่น ญี่ปุ่นไม่สามารถเอาชนะกระแสตลาดโลกที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักได้ ไม่ว่าจะเป็นตลาดสินค้า การบริการ ธุรกิจการซื้อขายทรัพย์สินและธุรกรรมระหว่างประเทศ
แต่แรงงานญี่ปุ่นส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ไม่คล่อง จึงกลายเป็นปัจจัยเชิงลบต่อการพัฒนากรุงโตเกียวให้เป็นศูนย์กลางการเงิน

แม้ว่าตลาดหุ้นที่กรุงโตเกียวจะมีมูลค่าที่สูงมาก แต่บทบาทของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการเงินของเอเชียตะวันออก
มีแต่จะสำคัญมากขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน จีนเข้าใจความสำคัญของฮ่องกงจึงใช้ระบบตลาดเสรีในฮ่องกง
หลังจากที่อังกฤษคืนฮ่องกงให้ จีนก็คงอำนาจธนาคารกลางที่ฮ่องกงเอาไว้ และแยกเงินฮ่องกงออกจากเงินหยวนของจีนแผ่นดินใหญ่
และเปิดกว้างให้นักธุรกิจต่างชาติเข้าออกฮ่องกงอย่างเสรี

ญี่ปุ่นในปัจจุบัน
แม้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทำให้ปัญหาความยากจนในญี่ปุ่นชัดเจนขึ้น แต่ญี่ปุ่นก็ยังเป็น“สวิสเซอร์แลนด์ของเอเชีย” ในสายตาคนตะวันตกญี่ปุ่นยังเป็นประเทศเจ้าหนี้ที่สำคัญ มีระบบสาธารณูปโภคที่ดีเยี่ยม และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ดีมาก และอัตราอาชญากรรมต่ำกว่ามาตรฐานสากล นโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่นยังมีความสำคัญต่อตลาดทุนโลก ทัดเทียมกับธนาคารกลางจีน ธนาคารกลางสหรัฐฯและธนาคารกลางยุโรป แม้จีนจะมีขนาดเศรษฐกิจอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ ญี่ปุ่นก็ยังเป็นอันดับ 3 ซึ่งไม่ใช่อันดับต่ำ

รายได้ต่อหัวประชากรญี่ปุ่นสูงกว่าจีนหลายเท่า ปัญหาการกระจายรายได้ในจีนสาหัสกว่าญี่ปุ่นมากนะ
ปัญหาความยากจนในญีปุ่นก็คนละเกรดกับปัญหาความยากจนในไทย สถานบริการทางเพศและอุตสาหกรรมหนังโป๊ในญี่ปุ่น
มีมาตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจญี่ปุ่นเฟื่องฟูและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมญี่ปุ่น ไม่ใช่ว่าความยากจนทำให้คนญี่ปุ่นหันมายึดอาชีพบริการทางเพศหรือดาวโป๊ ปล.เจ้าของไดอารี่เคยไปรับเล่นหนังเรทอาร์มาเรื่องหนึ่ง ^^

รัฐบาลญี่ปุ่นตระหนักถึงปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะปัจจัยที่ทำให้ประชากรลดลง แต่การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างช้าๆ เพราะแรงต่อต้านจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม ทั้งในระบบการเมืองและในระบบราชการ การสนับสนุนให้ประชากรมีบุตรมากขึ้น
เป็นนโยบายระยะยาวและต้องใช้เวลา อาทิ ต้องปฎิรูปกฎหมายแรงงาน ต้องสร้างแรงจูงใจให้ผู้หญิงสร้างสมดุลในการทำงานและชีวิตครอบครัว ฯลฯ รัฐบาลญี่ปุ่นจึงพยายามแก้ปัญหาระยะสั้นด้วยการลดแนวคิดด้านชาตินิยม

ปัจจุบันสถาบันการศึกษาในญี่ปุ่นแม้กระทั่งสถาบันอนุรักษ์นิยมเก่าแก่อย่างมหาวิทยาลัยโตเกียวเปิดหลักสูตรภาษาอังกฤษ และว่าจ้างอาจารย์จากต่างประเทศ รัฐบาลปฎิรูปกฎหมายผู้อพยพเพื่อให้สัญชาติญี่ปุ่นแก่แรงงานมีฝีมือ พยายามสร้างแรงจูงใจให้แรงงานมีฝีมืออพยพไปญี่ปุ่น นำเข้าพยาบาลจากฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียเพื่อเตรียมรับมือกับภาระการดูแลคนชรา
แต่นโยบายผู้อพยพของญี่ปุ่นยังมีข้อจำกัดตรงที่ว่าญี่ปุ่นไม่ให้สิทธิผู้อพยพพาบุพการีและพี่น้องอพยพไปญี่ปุ่น
ซึ่งต่างกับนโยบายผู้อพยพของสหรัฐฯและแคนาดา

คนญี่ปุ่นรุ่นเก่ามักกังวลว่าคนรุ่นใหม่ไม่มีอุดมการณ์ชาตินิยม และกลัวว่าคนรุ่นใหม่จะรับภาระดูแลคนชราไม่ได้
ทั้งๆที่อุดมการณ์ชาตินิยมเป็นอุปสรรค ต่อการปฎิรูปประเทศให้เข้ากับผู้อพยพ ที่รัฐบาลญี่ปุ่นชักชวนให้เข้ามาทดแทนแรงงานในประเทศ

ถ้าญี่ปุ่นก้าวไม่พ้นความชาตินิยม ก็ยากที่จะดึงดูดแรงงานมีฝีมือให้อพยพไปญี่ปุ่นในระดับเดียวกันกับประเทศตะวันตกได้ค่ะ แม้ว่าการปฏิรูปกฎหมายผู้อพยพท้าท้ายอุดมการณ์ชาตินิยมซึ่งรัฐราชการใช้เป็นพื้นฐานในการสร้างชาติ การปฎิรูปกฎหมายผู้อพยพมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นในอนาคตอันใกล้

ปล. เล่าจากประสบการณ์ส่วนตัว จากการไปอยู่ญี่ปุ่นมา2ปีเต็ม และทุกวันนี้ก็ไปเยี่ยมเพื่อนที่โอคายาม่าเป็นประจำทุกปี ก็เลยมาเล่าให้ใครที่สนใจจะไปเรียนต่อและไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นฟังกันค่ะ

เนื้อหาโดย: Ashikaga Aiko
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Ashikaga Aiko's profile


โพสท์โดย: Ashikaga Aiko
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
40 VOTES (4/5 จาก 10 คน)
VOTED: zerotype, todaysayhi, Admin, Chiharu, Ashikaga Aiko
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ทำถนนนาน 4 เดือน ร้านค้าโอด เจ๊งแล้ว 50 ร้านตลอดเส้นแก้วน้ำของ "ลิซ่า" ธรรมดาซ่ะที่ไหน..สมฐานะซุปตาร์ระดับโลกของแทร่!ไม่ทันตั้งตัว พระเอกดัง “อ๋อม อรรคพันธ์” เสียชีวิตแล้ว ในวัย 39 ปีJ&J ดันบริษัทในเครือขอล้มละลาย หวังยุติคดีแป้งเด็กก่อมะเร็ง[5 เรื่องจริง] ของผู้พันแซนเดอร์ ผู้ก่อตั้ง KFCลิเบียขัดขวาง การลักลอบขนทองคำ 100 กก. และเงินสด 1.5 ล้านยูโรได้[7 เรื่องลับๆ] ของ “อาหารจีน”พระเอกดัง "อ๋อม อรรคพันธ์" เสียชีวิตแล้ว!..เพื่อนๆ ในวงการร่วมไว้อาลัยประสบความสำเร็จ นักวิทยาศาสตร์ คืนชีพให้กับจุลชีพดึกดำบรรพ์ที่ถูกแช่แข็ง อายุกว่า 24,000 ปี[6 อาหารเก่าแก่ ที่สุดในโลก] ที่เหล่านักโบราณคดีค้นพบนักดับเพลิงมะกันถูกกล่าวหาว่าจุดไฟเผาแหล่งผลิตไวน์ของรัฐอิสราเอลบุกโจมตีสนง.สถานีวิทยุอัลจาซีรา ในเมืองรามัลลาห์
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
8 เทคนิค ตามหา Passionไม่ทันตั้งตัว พระเอกดัง “อ๋อม อรรคพันธ์” เสียชีวิตแล้ว ในวัย 39 ปีนักดับเพลิงมะกันถูกกล่าวหาว่าจุดไฟเผาแหล่งผลิตไวน์ของรัฐแก้วน้ำของ "ลิซ่า" ธรรมดาซ่ะที่ไหน..สมฐานะซุปตาร์ระดับโลกของแทร่![7 เรื่องลับๆ] ของ “อาหารจีน”น้ำท่วมเกาหลี-ญี่ปุ่น! พิษพายุ'ปูลาซัน'
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
พระราชวังต้องห้าม มีกี่ห้องกันเเน่ทำงานพาร์ทไทม์ เซเว่น ดีไหม เจาะลึกทุกแง่มุมก่อนตัดสินใจหลานโจว เมืองที่มีมาตั้งแต่สมัยราชวงฮั่นcomplaint: การร้องเรียน
ตั้งกระทู้ใหม่