"เห็ดเผาะ" คือ จำเลย ของการเผา "ป่า" จริงหรือ?
จะเข้าฤดูหนาวแล้ว
ทุกๆ ปี เราจะได้ยินข่าวว่า ชาวบ้านเผาป่าเพื่อให้มีเห็ดเผาะในปีต่อๆไป แต่ความจริงแล้ว ชาวบ้านเขาเข้าใจดีว่า การเผาป่านั้น ไม่ได้เป็นต้นเหตุหลักที่จะทำให้มีเห็ดเผาะมากขึ้น แต่การที่มีไฟป่าหรือคนเผาป่านั้น เป็นเพียงผลพลอยได้ทำให้พื้นที่ป่ามีความโปร่ง โล่งขึ้น ใบไม้ที่ปกคลุมพื้นดินลดลง ทำให้พื้นที่เหมาะแก่การเกิดเห็ดเผาะ ชาวบ้านเขารู้ดีว่า ป่าโปร่งเหมาะแก่การเกิดเหตุเผาะ เนื่องจากเชื้อเห็ดเผาะจะเกาะอยู่ที่รากไม้ภายใต้ดิน คล้ายกับเห็ดทรัฟเฟิล ที่ราคาแสนแพงในต่างประเทศ ซึ่งเกิดจากการเกาะรากไม้ภายใต้ดิน การที่ป่าโปร่งโล่งขึ้น จึงทำให้แสงแดดส่องถึงพื้นดิน สร้างความร้อนที่พอเหมาะ เป็นปัจจัยส่งเสริมในการเจริญเติบโตของเห็ด ส่วนป่ารกทึบเหมาะแก่การเกิดเห็ดระโงก เห็ดโคน ฯลฯ เพราะความรกทึบ หรือใบไม้ที่ปกคลุม ช่วยสร้างความชื้นที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเชื้อราเห็ด ป่าแต่ละแบบ ต่างก็มีเห็ดป่าในแบบของมัน
ป่าที่รกทึบจนเกินไป จะไม่ค่อยมีพืชสมุนไพร เห็ด หรือไม้เล็ก เพราะความมืด ทึบ ทำให้แสงส่องไม่ถึงพื้นดิน ส่วนป่าที่โล่งโปร่งจนเกินไป ก็จะแห้งแล้งได้ง่าย ทุกอย่างล้วนแต่มีความพอดีของมัน
สาเหตุของไฟป่า อย่างที่เราเรียนกันมา มีทั้งที่เกิดจากธรรมชาติ เพราะในฤดูหนาวอากาศมีความแห้งแล้ง แต่มีแดดแรงจัดในช่วงเวลากลางวัน เนื่องจากไม่ค่อยมีเมฆมาบดบัง จึงเกิดไฟป่าขึ้นได้ หรือไฟป่าที่อาจเกิดจากการกระทำของมนุษย์ แต่ทั้งนี้ ชาวบ้านไม่ได้เป็นต้นเหตุในการเผาป่าเสียทีเดียว สาเหตุยังมีมาจากปัจจัยอื่นๆ เช่น นายทุนอยากได้พื้นที่ทำการเกษตร ปลูกข้าวโพด มัน ยางพารา ฯลฯ บุกรุกพื้นที่ หรือการเผาเพื่ออำพรางการลักลอบตัดต้นไม้ ทำให้เหมือนว่าต้นไม้โดนไฟป่าแล้วล้มเอง หรือชาวบ้านที่เห็นแก่ตัวจุดไฟเพื่อไล่ล่าสัตว์ เป็นต้น
แทนที่เราจะเสนอข่าวเพียงมุมเดียว ว่า ชาวบ้านเผาป่า ในทางกลับกัน หากรัฐเข้ามาจับมือกับชาวบ้าน ช่วยกันเผาป่าเฉพาะส่วน เพื่อทำเป็นแนวกันไฟ เราก็จะได้ประโยชน์ทั้ง 2 ทาง ก็คือ ได้ทั้งแนวกันไฟ และได้ทั้งพื้นที่โปร่งโล่งให้ชาวบ้านได้หาเห็ดเผาะ ใช้วิธีการค่อยๆ ทำแนวกันไฟวันละนิด เพื่อป้องกันการเกิดควันพิษสะสมในการเผาเพียงครั้งเดียว
ชาวบ้านใกล้เคียงบ้านผม เค้าจะรู้ดีว่า แม้จะไม่เผาป่า ก็สามารถมีเห็ดเผาะได้ ขอเพียงแค่ให้เป็นป่าที่มีพื้นที่โล่ง โปร่ง แดดส่องถึง
เหมือนกับการเสนอข่าวจับกุมคนลักลอบตัดไม้พะยูง จนชาวบ้านคิดว่า ไม้ชนิดนี้ ห้ามปลูก ห้ามตัด ห้ามแตะต้อง โดยที่ไม่มีคนมาให้ความรู้กับชาวบ้านเลย ว่า สามารถปลูกได้ ทำเป็นไม้เศรษฐกิจได้ เพียงแต่เวลาจะตัดในพื้นที่ของตัวเอง ก็ต้องไปขออนุญาตให้ถูกต้อง แต่กลับไม่มีการส่งเสริมความรู้ให้ชาวบ้าน มีแต่การห้าม ห้าม และ ห้าม
ผมจึงขอเป็นเสียงหนึ่ง ในการส่งเสริมให้นำความรู้ และภูมิปัญญาชาวบ้าน เข้ามาสู่โลกออนไลน์ให้เด็กและเยาวชนได้ศึกษาเรียนรู้มากยิ่งขึ้น เพราะลำพังเพียงแต่ตำราเป็นเล่มๆ เด็กสมัยนี้ไม่สนใจที่จะไปเปิดอ่านกันแล้ว โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว เอาไว้เรื่องไหนที่เขาสนใจจริงๆ เขาจะไปศึกษาเพิ่มเติมในตำราเอง เพื่อเป็นการรักษาความรู้ ภูมิปัญญาชาวบ้าน ให้ยั่งยืนต่อไป และในทางกลับกัน ขอส่งเสริมให้ภาครัฐสร้างความรู้ ความเข้าในให้ชาวบ้านมากยิ่งขึ้น ให้เขามีส่วนร่วมกับการรักษาป่าไม้ และได้ใช้ประโยชน์จากป่าตามสมควร ลงพื้นที่จริง พบปะกัน เพราะถ้ามีแต่เพียงการ ห้าม ชาวบ้านก็จะไม่เกิดการรักป่าด้วยใจที่แท้จริง แต่เกิดจากการเกรงกลัวเพียงอย่างเดียว
เราจะบอกคนอื่นให้ รักป่า ได้อย่างไร หากเขายังไม่เข้าใจคุณค่าของมัน
มีคลิป