เมื่อสัตว์ทำผิดกฎหมายของคน??
"ความยุติธรรม บางครั้งก็เป็นความอยุติธรรมเช่นกัน"
ประเพณี กฎหมายพิสดารของคนเรา ที่ตัดสิน ลงโทษ สัตว์นั้นมีมาช้านานแล้ว ถ้าจะสาวไปถึงเรื่องเก่าๆ
คงจะเป็นตรากฎหมายในคัมภีร์ไบเบิลถือได้ว่าเป็นหลักฐานเก่าที่ถูกจารึกมากที่สุดแล้ว
ในพระคริสต์ธรรมเดิม หรือ "โอลด์ เทสตาเม้นท์" บทที่ว่าด้วยเอ็กโซโดระบุว่า
"ถ้าโคขวิดผู้ใดตาย จงเอาหินขว้างโคนั้นให้ตาย แล่เนื้อของมันอย่ากินมันเลย แต่เจ้าของนั้นหามีโทษไม่
หากโคนั้นเคยขวิดคนมาก่อน และมีผู้มาแจ้งความให้เจ้าของทราบ แต่เจ้าของมิได้กักขังมันไว้
มันจึงขวิดชายหญิงถึงตาย จงเอาหินขวางโคนั้นเสีย แล้วจึงลงโทษให้เจ้าของนั้นตายตกตามกันไปด้วย…"
ยังมีกฎหมายประกาศให้สัตว์อื่นๆ ให้ทราบอีก(ถ้าสัตว์นั้นทราบภาษาคนนะ) เช่น คศ.1864 รัฐสภาแห่งเวิร์มส์
ออกกฎหมายประกาศว่า ผึ้งรังไหนออกมาไล่ต่อยทำร้ายมนุษย์นั้น ท่านให้จัดการรมควันทำลายรังที่ผึ้งตัวนั้น
สังกัดอยู่ให้สิ้นซาก ผลคือกฎหมายนั้นจึงเป็นช่องว่างของอาชีพตีผึ้งเอาน้ำหวานโดยชอบธรรมเลย ฮ่าๆๆ
นี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง………..
ฝรั่งเศสตอนคริสต์ศตวรรษที่ 11 นักบุญเบอร์นาร์ด กำลังเทศน์ในโบสถ์อยู่นั้น
จู่ๆ มีแมลงวันฝูงหนึ่งมาร่วมฟังเทศน์ร่วมกับคนซะด้วยสิ แต่แทนที่จะสำรวม กับทำเสียงดังหึ่งๆ และเที่ยวตอม
คนในโบสถ์ จนนักบุญเบอร์เนาร์ดเกิดอาการโมโห รำคาญใจอย่างยิ่ง ท่านเลยประกาศกลางที่ประชุม
ให้ตัดแมลงวันฝูงนั้นออกจากศาสนาในโบสถ์นั้นทันที
เอาเข้าไป………..
สัตว์อีกหลายชนิดที่เป็นจำเลยสู่ตราชั่งธรรมของมนุษย์อีกจำนวนมาก โดยเฉพาะสัตว์ใหญ่ๆ ที่คนเรา
ไม่รีรอลงโทษมันอย่างประณีตบรรจง เช่นกัน
ในปี ค.ศ.1639 ม้าตัวหนึ่งถูกตัดสินประหารในศาลแห่งหนึ่งในเมืองดียองข้อหาพยศสะบัดคนขี่
จนกระเด็นตกจากหลังคอหักตายบนพื้น
ในปี ค.ศ.1471 ไก่ตัวหนึ่งถูกนำมาขึ้นศาลเป็นจำเลยฐานที่ไปไข่บนหลังคาบ้านที่เมืองบาเซิล
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ คำตัดสินคือ ให้จัดการประหารฐาน "กระทำวิปริตผิดวิสัยไก่" แล้วเอาตัวมัน
ไปย่างไฟด้วยการตรึงกางเขนก่อนนำไปฝัง เพราะถือว่า ไก่ตัวนี้อาจเป็นปีศาจจำแลงร่างมา……
ในยุคกลางของยุโรปนั้นมีสัตว์จำนวนมากที่เดือดร้อนเพราะกฎหมายพอๆ กับคนที่ต้องเคร่งคัมภีร์ในสังคมเช่นกัน…
ปี ค.ศ.1394 หมูตัวหนึ่งถูกตัดสินแขวนคอในมอร์มังดี ข้อหาไปกัดเด็กทารกคนหนึ่งตาย แถมเขมือบเด็กเป็นอาหารอีก
จนชาวบ้านนำแม่หมูตัวหนึ่งกับลูกหมูอีก 6 ตัว ขึ้นศาล โดยตั้งข้อหาว่าเป็นอาชญากรรม ศาลตัดสินประหารชีวิต
แค่แม่หมูตัวเดียว ส่วนลูกหมูอีก 6 ตัวนั้น ศาลสั่งไว้ชีวิต ปล่อยให้เจ้าของไปเลี้ยงต่อ เพราะถือว่าเป็นหมูเยาวชน
มีอายุน้อย กระทำการรุมฆ่าคนตายเพราะแม่มันไม่ดี สอนลูกทำเกินกว่าเหตุ
อย่างนี้ก็มี……..?!
ปี ค.ศ.1519 ที่เมืองสเตลวิโอ ทางเหนือของอิตาลี ศาลได้รับการยื่นฟ้องจากโจทย์กล่าวหาตัวตุ๋นฝูงหนึ่ง
เป็นจำเลยว่าเป็นอาชญากรรมระรานพืชผลในไร่นาของคน โดยการเที่ยวไชชอนอยู่ใต้ดิน คำตัดสินแรก
ของศาลคือให้ตุ่นเหล่านี้ปรากฏตัวต่อศาล สำแดงความสำนึกผิดในการกระทำของตน และขอขมาพร้อมกับ
ทำทัณฑ์บนต่อศาลว่าหนหน้าจำเลยจะไม่ทำเช่นนี้อีก
แน่นอน ไม่มีตุ่นตัวไหนปรากฏตัวต่อศาลตามที่นัดไว้ ศาจจึงประกาศทำการพิจารณาคดีไปข้างเดียว(…….)
ผลการตัดสินคือให้จำเลย(ตุ่น)อพยพครอบครัวทั้งหมดออกไปจากที่ของโจทก์ภายใน 14 วัน ที่ศาลให้เวลา
ย้ายบ้านตั้ง 14 วัน ก็เพราะว่า
"จำเลยมีลูกเล็กเด็กแดงที่จะต้องเป็นภาระในการอพยพไปหาที่ทำกินใหม่ลำบากอยู่สักหน่อย"
………………..เป็นคดีที่ต๊องจริงๆ
บางคดีที่สัตว์ทำผิดกฎหมายก็อุตสาห์มีคนเข้ามาเป็นทนายแก้ต่างกับพวกสัตว์อีก เช่น
ค.ศ.1499 มีหมีป่าออกอาละวาดตามหมู่บ้านคนเยอรมันทางตอนใต้ แต่เมื่อขึ้นศาลมีอันต้องเลื่อนการพิจาณาคดี
หนึ่งสัปดาห์ เพราะศาลต้องพิจารณาคดีว่าจะ ให้หมีตัวอื่นมานั่งเป็นคณะลูกขุนพิจารณาคดีโทษจำเลยหรือไม่………..
ค.ศ.1521 หนูจำนวนหนึ่งทำลายข้าวบาร์เลย์ในไร่แห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อศาลออกหมายเรียกฝูงหนูมาปรากฏตัว
พิจารณาคดีไต่สวน ปรากฏว่าเหล่าหนูไม่ปรากฏตัวต่อศาล(ของมันแน่อยู่แล้ว) ทำให้ทนายหัวแหลมชื่อ
บาร์โธโลมิว ชาสเซนี ออกมาแก้ตัวแทนเหล่าหนูแทน โดยอ้างว่าศาลมิได้ระบุให้แน่นอนว่าจำเลยลูกความของตนนั้น
เป็นตัวไหนตัวไหนบ้าง เมื่อศาลได้ยินจึงออกหมายใหม่สั่งให้เรียกจำเลย(หนู)ทั้งหมดให้มาปรากฏตัว
ซึ่งได้แก่บรรดาหนูที่อาศัยในละแวกนั้นทั้งบาง
แต่ถึงยังไงจำเลย(หนู)ก็ไม่ปรากฏตัวต่อศาลสักตัว ฝ่ายทนายหนูจึงอ้างต่อศาลว่าที่ลูกความของตนไม่มาศาล
เพราะถูกคุกคามโดยแมวฝ่ายโจทย์หรืออัยการ จึงขอให้อัยการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันต่อศาลว่าจำเลย(หู)
จะปลอดภัยจากแมวของฝ่ายอัยการขณะมาที่ศาล แต่อัยการปฏิเสธวางหลักค้ำประกัน ทำให้คดีนี้ยุติในที่สุด
…………………..ต๊องพอๆ กัน
ค.ศ.1659 หนอนผีเสื้อในอิตาลีจำนวนมาก ได้รับคำสั่งให้ปรากฏตัวต่อศาลในข้อหาบุกรุกทำลายทรัพย์สินชาวนา
โดยศาลปิดหมายบอกกล่าวกับผีเสื้อตามต้นไม้ต้นหนึ่งในเขตหนึ่งๆ ที่มี 5 เขตด้วยกัน ที่มีการฟ้องร้องว่าเกิดความเสียหาย
โดยหมายศาลนั้นบอกถึงการตัดสินของศาลให้บรรดาหนอนผีเสื้อเหล่านี้ย้ายกลับไปที่อยู่เดิมของตน ห้ามกินพืชไร่นา
ของชาวไร่ชาวนา
………………มันคงอ่านออกน่ะ
ค.ศ.1709 ที่เมืองมารายโฮในบราซิล อเมริกาใต้ ชุมชนบาทหลวงฟรานซิสร้องเรียนต่อศาลว่า พวกตนถูกรบกวน
โดยปลวกที่กัดกินอาหารและเครื่องเรือน มีการออกหมายศาลเรียกปลวกขึ้นต่อสู้ในศาล แน่นอนปลวกไม่มา
คนที่เป็นทนายจึงอาสาว่าความแทนปลวก โดยเน้นให้ศาลเห็นใจปลวกที่เป็นสัตว์ขยันอดทน และมันอยู่ที่เดิมของมัน
อยู่ก่อนแล้วก่อนทีบาทหลวงตั้งถิ่นฐานอีก คดีนี้มีการพิจารณาอย่างยื้อเยื้อยาวนาน จนนั้นที่สุดศาลจึงมีคำสั่ง
ให้ไกล่เกลี่ยกันเองในที่สุด
การพิจารณาโทษลงโทษสัตว์ ก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อไม่นานมานี้(ปีไหนไม่ทราบหนังสือ
ของคนเขียนหาย)ที่ศาลแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ ทำการตัดสินคดีฆาตกรรมรายหนึ่งที่มีชายคนหนึ่งกับหมาตัวหนึ่ง
ตกเป็นจำเลย ศาลได้พิจารณาให้จำเลยคนจำคุกตลอดชีวิตฐานมีความผิด ส่วนหมาของจำเลยให้นำไปประหาร
เสียฐานเป็นตัวการให้โจทก์ตาย