บ้านจ่าโบ่ " การเดินทาง 80 ชั่วโมง....เมื่อระหว่างทางมีค่ามากกว่าปลายทาง
สวัสดีครับพบกันอีกครั้ง :] หลังจากกระทู้แรกสังขละบุรี ก็เนื่องจากหยุดยาวและฟังการบอกเล่าถึงโปรแกรมของเพื่อนๆหลายๆคน ก็มานั่งคิดว่า เออจะไปไหนดีละ ..... จ๊นนน.. ได้มาอ่านกระทู้จากเพื่อนคนนึงที่อยุ่ปายว่าไปหมู่บ้านหนึ่ง ...ซึ่งมีครบทั้งธรรมชาติ และวิถีชีวิตของชาวชนเผ่าลาหู่ .... “ บ้านจ่าโบ่ “
แล้วเราต้องไปยังไงละ !!! มาร่วมเดินทางด้วยกันดีกว่า
ผมจัดแจงเคลียร์งานเพื่อให้ได้วันหยุด 4 วัน และสอบถามเพื่อนเบื้องต้นจึงได้แนวทางว่าจะการเดินทางจะเป็นประมาณนี่
นั่งรถไฟฟรีจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ นั่งรถบัสแดงหวานเย็นจากเชียงใหม่ ไปปาย แล้วเช่ารถมอไซต์เข้าไปยังบ้านจ่าโบ่ ซึ่งจะเป็นต้องเช่าเพราะไม่มีรถผ่าน กำหนดการเดินทางครั้งนี้คือ 22-25.10.15
รอบนี้ผมบอกทางบ้านไปก่อน 1 วัน แม่ผมถึงกับทำหมูทอดข้าวเหนียวมาให้เลย รวมถึงผลในตู้เย็นเอามาผมเทศบาล หน่วยป้องกันของบูดอยู่ละ ผมมาถึงหัวลำโพงสิบโมงกว่าๆ ไปติดต่อขอตั๋วรถไฟฟรี ดังภาพ รอบนี้เอา N700 ไปทัวสายเหนือด้วย
บรรยากาศรอบๆหัวลำโพง วันนี้คนเดินทางเยอะมากครับ
ผมอดที่ยกมือถือขึ้นมาถ่ายไม่ได้ เพราะทั้งบทสนทนาของช่างตัดผม และผู้มาให้บริการนั้นทำให้แอบอมยิ้มอยู่ได้ไม่น้อย กับการถามถึงความหล่อ เอาทรงไหน และเสียงหัวเราของทั้งสองฝ่าย
ฝนหยุดก็มืดเลยครับผมไปต่อวันที่สองเลยดีกว่า :]
เที่ยงคืนกว่าๆผมมามีสติอีกทีเมื่อรถไฟถึงสถานีศิลาอาสน์ เป็นสถานีสุดท้ายก่อนที่รถไฟจะเข้าทำการวิ่งขึ้นเขา ผมลุกมองดูการไต่ขึ้นเขาของรถไฟตั้งแต่ออกจากสถานีศิลาอาสน์ แสงจันทร์ เทือกเขา เส้นทางคนเคี้ยว รวมถึงล้อรถไฟที่ขบกับรางเกิดไฟแล๊บๆเป็นระยะๆ จนผมตั้งใจว่าขากลับ จะต้องบันทึกภาพให้ได้ และเมื่อหันมองไปรอบๆ ก็มีผู้ร่วมมางหลายคนทำเช่นเดียวกับผม
16 ชั่วโมงของการเดินทาง ...
ประมาณ 6 โมงเช้าก้ถึงเชียงใหม่ ผมรีบนั่งรถแดงไปสถานีอาเขตเชียงใหม่ เพื่อต่อรถไปปาย ( หรือจะสายชิล เดินมาก็ได้ 2.6 กม. ) เมื่อไปถึงรถบัสหวานเย็นเต็มซะแล้ว ถามไปมาก็ได้ไปรถตู้ ผมจองไปกลับเลย (ดูจากคนที่จองก่อนหน้า ) คือไปวันนี้ 23.10.15 เวลา 07.30 น. และเที่ยวกลับ 23.10.15 เวลา 16.00 น. รวม 300 บาท ซึ่งจะใช่เวลาในการเดินทาง ประมาณ 4 ชม. หากเป็นรถบัสหวานเย็นบวกเพิ่มไป ประมาณ 2 ชั่วโมง
...อะไรกันนี่เที่ยวแป๊ปเดียวเองหรออออ ... นั่นคือคำถามที่เกิดขึ้นในใจ...
บรรยากาศข้างทางไปปาย แน่นอนครับสวยและโค้งเยอะสมที่ล่ำลือ ผมรู้สึกตื่นเต้นเพราะมาครั้งแรก รถจะจอดแวะกลางทางรอบเดียว
ผมมาถึงปายตอนสิบโมงกว่า ๆ โทรหาเพื่อนผมที่อยู่ปาย " สิงห์ " เปิดร้านเช่าจักรยาน Chang Bicycle for Rent / Sale อยู่ที่ถนนคนเดิน ซึ่งตรงนี้หากเพื่อนมาที่ถนนคนเดินมาร้านสิงห์ บอกมาจากกระทู้นี้ แล้วเช็คอิน ก็จะได้ส่วนลด 15 % และสติ๊กเกอร์สวยๆ ไว้สะสมกัน :]
ก็ได้พูดคุย กินข้าวเที่ยง อาบน้ำและผมก็ขอไปต่อโดยเช้ามอไซต์วันละ 200 บาท น้ำมันเติมเอง :]เริ่มออกเดินทางต่อเที่ยงกว่าๆ กับระยะทางกว่า 50 กม. นั้นวิวข้างทางสวยมาก จดรถถ่ายรูปได้เป็นระยะๆ จะผ่าน หมู่บ้านต่างๆ ดอยกิ่วลม และศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าว แม่ฮ่องสอน
ไปเรื่อยๆ ผมเลยทางเข้าบ้านจ่าโบ้ไป 10 โลกว่าๆ ต้องเปิด GPS เช็ค เพื่อความแน่ใจไม่งั้นไปเรื่อยๆแน่ๆ 555+ สำหรับเส้นทางนี้จะมีสัญญาณมือถือไปตลอดทางอยู่ครับ
แต่สรุปคือไปตามทางหลวงหมายเลข 1095 และเลี้ยวขวาเข้าเส้น 1226 ต้องระวังในช่วงทางเข้าเพราะถนนสึกไปพอสมควรสำหรับทางเข้า
...และในที่สุดดดดด ....ก็มาถึงบ้านจ่าโบ่...
ภาพข้างหน้ามันก็ทำให้เรายิ้มแบบหน้าบานๆได้เหมือยกันนะ....
" .... กูมาถึงละเว้ยยยยย ... " ลั่นดังๆอยู่ในใจ 555+
ภาพจากร้านก๋วยเตี๋ยวลอยฟ้า หากมองลงมาจะเห็นอีกหมู่บ้านคือบ้านแม่ละนา
..~ 27 ชม.กว่า ๆ เรากินเผื่อละนะ เกาเหลาแก... Just nowhere ∞ ...
ผมได้นั่งกินและเสพบรรยากาศอยู่พักนึงคนทางร้านก็บก็บอกว่า มีคนจองที่พักให้ผม เออไอเราก็ลืมไปใจคอนั่งนิ่งไม่รู้ว่าจะนอนไหนเหมือนกัน สิงห์ครับส่งข้อความมาทางเพจของบ้านจ่าโบ่ จนผมได้ที่พักซึ่งในวันนั้นว่าง 1 หลังสุดท้ายเพราะมีน้องๆจากอยุธยาเข้ามาศึกษาวิถีของหมู่บ้านนี้
น้องสองคนนี้เล่นกล้องมากครับ ผมได้ถ่ายมาหลายรูปเลยสำหรับสองคนนี้
ลุงที่บ้านแม่ละนา ขณะผมกำลังถ่ายทุ่งนาอยู่ ลุงก็มายืนข้างหลังมองๆว่าทำอะไร หลังจากทักทายกันก็ขอถ้ายภาพลุงมาด้วยซะเลย
ขณะกำลังจะเข้านอนนั้น ผมได้ถูกชักชวนจากชาวบ้านว่ามีงานบุญอยู่อีกหมู่บ้านไปด้วยกันไหม มีหรือจะพลาดครับ เส้นทางเอาเรื่องไกลอยู่พอสมควร สอบถามคร่าวๆนั้นคือ คล้ายๆงานเรียกขวัญแก่ผู้ป่วยครั้งใหญ่ ซึ่งจะมีก็ต่อเมื่อครั้งเล็กไม่มีผล ครั้งนี้จะมรชาวบ้านจากหลายๆหมู่บ้านมากันเลยทีเดียว ก็จะมีการร่วมทานอาหารกัน จานหลักเลยคือ วะซะจ๊า เป็นหมูดำนำมาตุ่นแต่ไม่มีผัก จะคล้ายๆคากิบ้านเรา ซึ่งความเชื่อนั้นบอกว่าต้องกินเพื่ออุทิศส่วนบุญให้เขา ( ผู้ป่วย ) และก็ดื่มกันนิดหน่อย หรือไม่นิดนะ แรงอยู่สำหรับผม .... กินไปล้างคอด้วยชาร้อนๆไป เอ้ยยย .. เลยครึ่งขวดละ พอก่อนๆๆๆ 555+ แหมมมม !!!
มาดูพิธีรอบแท่นนี้ก็จะมีศิลปินจากหลายๆหมู่บ้านมาบรรเลงและร่วมเต้นรำตามเสต็ปกัน พิธีนี้จะยาวเลิกกันเกือบเช้า เราก็แอบขากระตุกอยู่เหมือนกัน ...ไม่ใช่ไรหรอกดินนี่ติดเท้าเตะก่อนเบ่อเร่อออออ...
และจากที่ได้นั่งพูดคุยกันนั้นความตั้งใจของกลุ่ม " CBT Baan Jabo การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชนบ้านจ่าโบ่ " อยากจะให้ที่นี่เป็นแบบนี้รักษาความงดงามประเพณีต่างๆไว้ โดยปลุกฝังกันตั้งแต่เด็ก และทำความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยวถึงบางสิ่งที่อาจไม่ได้มีตามที่ต้องการ :]
ผมยิ้มและคิดว่า
" . . . ผมอาจต้องเดินทางไปไกลขึ้นเพื่อไปสัมผัสสิ่งสิ่งนี้ . .. เราจึงต้องช่วยกันรักษาไว้ . . . "
สำหรับน้องๆ ที่ร่วมขบวนรถไฟมาด้วยกัน และยังมาพบกันที่นี่เซฟรูปไปได่เลยนะครับ :]
ขับลงมาบ้านแม่ละนาอีกรอบ ซึ่งโดนปกคลุมไปด้วยหมอก หากเรามองลงจากรา้นก๋วยเตี๋ยวลอยฟ้า ซึ่งเราจะได้ยินเสียงค่างชะนี แว่วก้องในหุบเขา ซึ่งป่าแถวนี้น่าจะยังคงสมบูรณ์อยู่พอสมควร
อาบน้ำเก็บของเสร็จก็สมควรแก่เวลา ผมร่ำล่ากับเจ้าของโฮมสเตย์ และค่าเสียหายก็ 400 บาท :]
Bye Bye Baan Jabo ...
เก้าโมงปลายกับเส้นทางที่กลับ อากาศที่เย็น และแวะถ่ายรูปตลอดทาง ผมได้รู้สึกถึงอิสระบางอย่าง และรู้แล้วว่าการชาร์ตแบตในวันหยุดนี้มันเต็มจริงๆ และอยากกลับไปทำงานเพื่อทริปต่อไป .... ( จบประโยคนี้หลายคนถึงกับเบะปาก 555+ )
กลับมาถึงอาเขตประมาณทุ่มนิดๆ ก็ดิ่งไปสถานีรถไฟเพื่ออาบน้ำและมาแวะที่ป้อมตำรวจ สภ.แม่ปิง มานั้งทบทวนเขียนบันทึก :] ไม่เข้มข้นเราไม่นอน คืนนั้นก็ไม่นอนจริงๆ :]
ขอบคุณเนื้อหาและภาพจากคุณ Theeranit Photography ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ facebook
Facebook page :https://www.facebook.com/Theeranit.Photography
(เว็บโพสท์จังได้ขออนุญาตเรียบร้อยครับ)