ข่าว

ใครจะไปคิดว่าแค่การทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ ของคนในครอบครัวระหว่างรับประทานมื้อเช้าร่วมกัน จะลุกลามบานปลายกลายเป็นเหมือนฉากในภาพยนตร์สยองขวัญขึ้นมาได้

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน เมื่อเช้าวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา เด็กชายคนหนึ่งที่สื่อจีนใช้นามสมมุติว่า เสี่ยวเผิง ได้ลงมาทานอาหารเช้าในห้องครัวที่บ้าน เสี่ยวเผิงเป็นเด็กที่ติดเกมในโทรศัพท์อย่างหนัก ตื่นปุ๊ปเป็นต้องหยิบโทรศัพท์มาเล่นเกมทันที

และในเช้าวันนั้น เมื่อเขานั่งลงที่โต๊ะอาหารเพื่อที่จะรับประทานอาหารเช้า เขาก็ยังเล่นโทรศัพท์อยู่ ทำให้น้องชายวัยหกขวบของเขางอแงอยากเล่นเกมในโทรศัพท์เหมือนพี่ชายบ้าง จนทำให้แม่ของพวกเขาเริ่มหงุดหงิดและรำคาญที่ลูกคนโตเอาแต่เล่นเกม และลูกคนเล็กก็งอแง แม่จึงบอกเสี่ยวเผิงให้เลิกเล่นเกมและทำตัวดีๆ เป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องบ้าง

เสี่ยวเผิงจึงตอบแม่โดยที่ยังไม่เงยหน้าจากโทรศัพท์ว่า “ก็ผมเคยเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องแล้วตั้งหลายเรื่อง แต่น้องไม่ทำตาม ผมก็เลยไม่อยากเป็นตัวอย่างที่ดีแล้ว”

เมื่อพ่อของเสี่ยวเผิงเดินเข้ามาและได้ยินที่เสี่ยวเผิงพูด อีกทั้งเห็นว่าเสี่ยวเผิงยังคงเล่นเกม ไม่ยอมละสายตาจากโทรศัพท์เลย เขาก็ดุด่าเสี่ยวเผิงอย่างหนัก ตามรายงานไม่ระบุว่าพ่อของเขาด่าว่าอย่างไร แต่มันคงทำให้เสี่ยวเผิงเครียดและเสียใจมากจนตัดสินใจทำสิ่งที่ครอบครัวนี้จะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต

พ่อของเสี่ยวเผิง

เสี่ยวเผิงวางช้อนส้อมที่เขาใช้ทานข้าวลง หันมองไปรอบๆ เขาคว้ามีดจากโต๊ะทำครัวขึ้นมาและเหวี่ยงคมมีดลงบนมือของตัวเองทันที คมมีดนั้นตัดฉับลงบนนิ้วของเขาอย่างแรงและทำให้นิ้วขาดกระเด็นในทันที!!

แต่โชคยังเข้าข้างเขา ใบมีดนั้นสับลงไปบนข้อนิ้วที่สองของนิ้วชี้ข้างซ้ายอย่างลงล็อคพอดิบพอดี ทำให้นิ้วชี้ทั้งสองข้อนั้นขาดกระเด็นออกจากมืออย่างเรียบเนียนโดยไม่กลายเป็นบาดแผลเหวอะหวะขาดรุ่งริ่ง

หลังจากที่พ่อแม่ของเสี่ยวเผิงหายตกใจจากเหตุการณ์สุดสยองนี้และตั้งสติได้ พวกเขาจัดการหากระดาษมาห่อนิ้วที่ขาดไปและนำเสี่ยวเผิงส่งโรงพยาบาลทันที หลังจากการผ่าตัดนานสามชั่วโมง

ในที่สุดแพทย์ก็สามารถต่อนิ้วที่ขาดไปได้ แต่ก็ต้องอาศัยเวลาอีกหลายสัปดาห์เพื่อจะดูว่าเสี่ยวเผิงสามารถใช้นิ้วนั้นได้เหมือนเดิมทุกประการหรือไม่

เสี่ยวเผิงอาจจะต้องรักษาบาดแผลที่นิ้วต่อไปอีกนานหลายสัปดาห์ แต่ที่นานกว่านั้นคือการรักษาแผลใจ หัวใจที่ถูกทำร้ายจากคำดุด่าว่ากล่าวของพ่อแม่ในเช้าวันนั้น เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล และบาดแผลที่นิ้วก็ย้ำเตือนให้เหตุการณ์นั้นชัดเจนมากขึ้นจนยากที่จะลบจากความทรงจำได้