หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

Marti Enriqueta แม่มดกำมะลอ

โพสท์โดย ห่ะไรนะ

Marti Enriqueta แม่มดกำมะลอ



หลายคนรู้จัก “บาร์เซโลนา” ในฐานะเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศสเปน และเป็นที่ตั้งของสโมสรทีมฟุตบอล “บาร์เซโลนา” ที่เรารู้จักกันดี เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่บนชายฝั่งของแหลมไอบีเรีย ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีประชากรในตัวเมือง 1.5 ล้านคน แต่ถ้านับปริมณฑลโดยรอบอาจมากกว่า 4 ล้านคน ใช้ภาษาทางการ 2 ภาษา คือ ภาษาคาตาลัน และภาษาสเปน

บาร์เซโลนาเป็นเมืองท่าสำคัญ และเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เคยเป็นอาณานิคมของโรมันมาก่อน เคยถูกยึดครองโดย
ชาติต่าง ๆ หลายครั้ง นอกจากนี้บาร์เซโลนาเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวยามราตรีที่รื่นเริงสนุกสนาน
บาร์เซโลนามีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สำคัญมากมาย อาคารแบบอาร์ตนูโวที่ดูแปลกประหลาดออกแบบโดยสถาปนิกชาวสเปนชื่อ
อันโตเนียว เกาดี นับเป็นจุดดึงดูดด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญ

อย่างไรก็ตามบาร์เซโลนาน่าในช่วงศตวรรษที่ 19 แต่เกิดมีฆาตกรต่อเนื่องที่แสนแปลกประหลาดเกิดขค้น โดยฆาตกรต่อเนื่องคนนี้เป็นผู้หญิง
ชื่อของเธอคือ “มาร์ติ เอ็นริเกต้า” หลายคนอาจไม่มีใครรู้จักนัก แม้ภายนอกของเธอนั้นเหมือนผู้หญิงที่จืดชื่น  แต่ว่าเรื่องราวของเธอนั้น
กลับกลายเป็นบุคคลอันตรายที่สุดในโลกของฆาตกรต่อเนื่อง เธอมีชื่อเสียงในฐานะแวมไพร์แห่งบาร์เซโลน่า พฤติกรรมของเธอไม่บ่งบอกเลย
ว่าเธอเป็นผู้หญิง


 
   
มาร์ติ เอ็นริเกต้า


 
เรื่องราวความน่ากลัวที่ซุกซ่อนของมาร์ติ เอ็นริเกต้าได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองบาร์เซโลน่า ได้จับกุมตัวเธอในช่วงเดือนมีนาคม
ของปี 1912 ตอนนั้นเธอประกอบอาชีพเป็นแม่มดกำมะลอที่ขายเครื่องรางและยาสมุนไพรต่างๆ โดยเธอตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่อง
ที่ล่อลวงเด็กไปฆ่า หรือไม่ก็กักขังอย่างโหดร้ายที่สุด เหยื่อรายล่าสุดของเธอเป็นสาวแรกรุ่น ที่ถูกช่วยชีวิตจากถ้ำแม่มด ซึ่งภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ได้รู้ว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความชั่วร้าย ไม่ว่าจะเป็นการกักขัง การกินเนื้อพวกเดียวกันเอง เธอบอกว่าในตอนแรกเธอถูกขังกับเด็กคนอื่นๆ
ที่ถูกลักพาตัวมาจากสถานที่ต่างๆ และในไม่ช้าเด็กเหล่านั้นก็ถูกฆาตกรรม และถูกนำมาทำเป็นอาหาร และเธอถูกบังคับให้กินเนื้อมนุษย์ดังกล่าว
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่ามีเด็กตกเป็นเหยื่ออย่างน้อยหกคน โดยเด็กเหล่านั้นจะถูกฆ่าและนำร่างไปต้มเพื่อเป็นส่วนผสมสำคัญ
ในยาสมุนไพรราคาแพงของเธอ  โดยเธอเขียนว่าเป็น "ยาเสน่ห์"


มาร์ติ เอ็นริเกต้า เกิดในปี 1868 เป็นเด็กสาวที่อพยพจากบ้านเกิดในซานเฟลยูเดกีเดโยเบรกัต เมือง ในคาตาโลเนีย ประเทศสเปน
เธอทำงานเป็นแม่บ้านและพี่เลี้ยงเด็กก่อนที่หันไปค้าประเวณีทั้งในซ่องและนอกสถานที่

สภาพบ้านเมืองของสเปนในช่วงศตวรรษที่ 19 แม้ว่าเป็นช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม ยังบ้านเมืองยังเต็มไปด้วยปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง
ที่ตกอยู่ในสภาวะไม่มั่งคง ช่องว่างแห่งอำนาจ สภาพความเหลื่อมล้ำทางสังคม แหล่งเสื่อมโทรมต่างๆ ผุดขึ้นมาอย่างดอกเห็ด แม้ว่าเอ็นริเกต้า
จะทำงานเป็นแม่บ้านในตระกูลชั้นสูงมั่งคั่งแต่เธอก็มีความคิดว่านี้ไม่ใช่ที่ของเธอ เธอได้เห็นแหล่งเสื่อมโทรม เด็กขอทาน โสเภณี
ส่งผลทำให้เธอเริ่มหลงใหลชีวิตดังกล่าว หลายคนรู้จักเธอว่าเธอมีนิสัยโหดร้ายและมีความปรารถนาที่รุนแรง ชอบทารุณกรรมคนอื่นเพื่อตอบสนอง
ความต้องการของเธอ ทำให้เชื่อว่าเอ็นริก้าเริ่มสังหารเหยื่อครั้งแรก ในช่วงที่เธอเป็นโสเภณีตั้งแต่ที่จะเป็นหมอดูด้วยซ้ำ

แม้ว่าจะไม่มีการพบศพหรือหลักฐานใดๆ ก็ตาม เพราะเธอถือว่าเป็นแม่เล้าค้าประเวณีที่มีอิทธิพลในแหล่งทำมาหากินพอสมควร เธอจะทำการ
เลือกเด็กด้วยมือของเธอเอง จนพูดได้เต็มปากว่าเด็กสาวขอทานในเมืองนี้ทุกคนล้วนเป็นเด็กของเอ็นริก้า และหากเด็กคนนั้นใช้การไม่ได้หรือ
ไม่ทำตามคำสั่งจะถูกเลี้ยงดูราวกับสุนัขหรือไม่ก็ถูกฆ่า กลับกันหากเด็กไหนมีประโยชน์ก็จะได้รับผลตอบแทนคือเงินและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีเล็กน้อย
ในขณะที่ชีวิตเด็กเต็มไปด้วยความแร้งแค้น แต่ชีวิตของเอ็นริเกต้า กลับตรงกันข้าม เพราะอีกทั้งลูกค้ามากหน้าหลายตา ต่างแวะเวียนมาหาเธอบ่อยครั้ง
เมื่อลูกค้าเยอะเงินก็หมุนเวียนได้กำไรมาก ว่ากันว่าทุกคืนเธอจะสวมชุดหรูหรา สวมหมวกและวิกผมไปเล่นคาสิโนหรือดูโอเปร่าในแหล่งที่เศรษฐีมักไป
นอกจากนี้พวกเศรษฐียังชอบใช้บริการเธอในฐานะแม่เล้าที่พาเด็กมาบริการให้ถึงที่


 



ต่อมาในปี 1895 เอ็นริเกต้า แต่งงานกับจิตรกรแต่ชีวิตของเธอก็ล้มเหลว ชีวิตแต่งงานขึ้นๆ ลงๆ แยกกันคืนดีกันประมาณ 6 ครั้ง ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจาก
เธอไม่มีบุตรและหันกลับไปค้าประเวณีอีก ก่อนที่ชีวิตการแต่งงานวุ่นวายดังกล่าวยุติลง เมื่อเธอถูกจับในข้อหาฆาตกรรมต่อเนื่อง 1912


ในปี 1909 ความตึงเครียดทางสังคมประเทศสเปน ถึงจุดแตกหักจนเกิดเหตุการณ์สัปดาห์อนาถ (คาตาโลเนีย) ขึ้น ซึ่งเป็นเหตุการณ์เผชิญหน้า
อย่างนองเลือดระหว่างกองทัพสเปน กับชั้นชนแรงงานในบาร์เซโลนา แต่ในขณะเดียวกันเอ็นริเกต้าได้ถูกจับกุมในท้องถนนในเมือง จากข้อหา
ล่อลวงเด็กอายุ 3 และ 14 ปีมาทำงานบริการเป็นโสเภณี แต่เนื่องจากฐานะสังคมของเธอที่ราบชื่อลูกค้าล้วนเป็นคนชั้นสูงสังคมของเมือง
ทำให้เธอและซ่องของเธอรอดพ้นกฎหมายในที่สุด




ในเวลาเดียวกันเอ็นริเกต้า ก็เริ่มฝึกฝนเป็นแม่มดหมอผีสมุนไพร โดยส่วนผสมที่เธอใช้ทำยานั้นมาจากซากเด็กที่เธอฆ่าทั้งตั้งแต่ตั้งครรภ์
ไปจนถึงทารกหรือเด็กอายุ 9 ขวบ เด็กเหล่านี้เธอจะเอาไขมันจากเลือดหรือเส้นผม และกระดูก มาบดเป็นผง มาใช้ทำยา และโฆษณาว่า
เป็นยาวิเศษสามารถรักษาทุกโรค โดยเฉพาะวัณโรคซึ่งเป็นโรคที่น่ากลัวมากในสมัยนั้น และเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ในยาแผนโบราณ
ทำให้ยาของเธอได้รับความสนใจไปทั่ว คนมีเงินยอมจ่ายเงินก้อนโตเพื่อซื้อยามาเยียวยาโรคดังกล่าว ทำให้เธอมีกำไรจากการค้านี้มาก
อีกทั้งเธอยังหมดปัญหาในการกำจัดศพเหยื่อที่มาฆ่าอีก


 



Teresita Guitart Congost หนึ่งในเด็กผู้รอดชีวิตเพียงสองคนจากเงื่อมมือของเอ็นริต้า
ในภาพเขาถ่ายกับพ่อแม่, พี่ชายและตำรวจที่ช่วยเธอ

 
ด้วยภาพลักษณ์ของแม่มด ทำให้ตัวตนของเอ็นริเกต้าเป็นที่ศรัทธาแก่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ แต่เธอยังไม่พึ่งพอใจต่อรายได้ที่ได้รับ
พวกเศรษฐีชอบเครื่องสำอางของเธอมาก ทำให้เธอเริ่มขาดแคลนส่วนผสมพื้นฐานดั้งเดิม ในเวลาต่อมาเอ็นริเกต้า ก็เริ่มลักพาตัวเด็กในเมือง
มีทั้งเด็กวัยรุ่นไปจนถึงเด็กทารก 3-12 ปี ส่วนมากเป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้ง ไปจนถึงเด็กที่กำลังรอแม่เข้าคิวซื้อขนมปังที่ร้านค้า เด็กหลายคน
หายสาบสูญไปอย่างร่องรอยจนเป็นที่หวาดกลัวของชาวเมือง ซึ่งจำนวนเหยื่อไม่สามารถระบุได้ แต่ที่รู้เธอเธอดำเนินการอยู่นานถึง 20 ปี
โดยที่รอดพ้นกฎหมาย


เอ็นริเกต้าไม่ใช่คนโง่ เธอรู้วิธีที่จะจัดการคนพวกนั้นทางการไม่สนใจเรื่องเด็กหายเท่าไหร่ บวกกับช่องว่างทางกฎหมาย ช่องวางทางสังคม
สังคมที่ยังเต็มไปด้วยเรื่องวุ่นวาย อีกทั้งสมัยก่อนสเปนเองยังไม่มีระบบสื่อสารที่จะกระจายข่าวไปยังประชาชนทราบทั่วถึง ทำให้การฆ่า
ของเธอง่ายดายมากขึ้น อีกทั้งเธอยังดัดแปลง บ้าน อพาร์เมนต่างๆ กลายเป็นซ่องและโรงสังหารมนุษย์ลับที่สามารถซุกซ่อนความน่ากลัว
ของเธอไว้ได้อย่างหมดจด กระดูก ไขมัน เลือด ของร่างกายของเด็กเหล่านั้นคือวัตถุดิบชั้นดีที่นำมาเป็นส่วนผสมยาสมุนไพรของเอ็นริเกต้า
สำหรับเธอแล้วเงินมีค่ามากกว่าชีวิตมนุษย์ 





ปลายปี 1911 นายกเทศมนตรีของบาร์เซโลนาได้ออกมาแถลงข่าวว่าข่าวลือนั้นไม่เป็นจริง เด็กไม่ได้ถูกลักพาตัวหรือถูกฆาตกรรม
แต่การแถลงข่าวนั้นไม่เป็นผล เพราะตอนนี้ประชาชนในเมืองเชื่อเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่ามีอะไรบางอย่างที่น่ากลัวกำลังเกิดขึ้นกับเด็กเหล่านั้น


อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณเพื่อนบ้านจอมสอดรู้สอดเห็น ที่ได้ค้นพบความลับที่เหนือจิตนการของเอ็นริเกต้า ในปี 1912 ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ช่วยเหลือสาวน้อยสองคน หนึ่งในนั้นคือ Tereseta Guitart  อายุ 7 ที่ยากจนได้ทันเวลา จากการสอบถามอย่างง่ายๆ พบว่าเด็กถูกลักพาตัว
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 1912 หรือเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ในขณะที่เธออยู่ในเมือง โดยการหายตัวของเธอทำให้ชาวเมืองไม่พอใจ
กับทางการที่ไม่ใส่ใจเรื่องเด็กหาย ส่งผลทำให้ทางการจริงจังกับการค้นหาเด็ก ส่งผลทำให้เอ็นริต้าถูกจับกุมคาชั้นลอย เลขที่ 29
ถนน Ponent (ปัจจุบันคือ Joaquin Costa Street)

 




 
จากการตรวจสอบสถานที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องพบสิ่งที่มีใครสามารถจินตนาการออก อพาร์ทเมนท์ที่เธอเป็นเจ้าของตำรวจพบศพเด็ก
อายุเจ็ดปีที่ตายไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่จะช่วยเหลือ ศพเด็กถูกหั่นออกจากร่างกาย สภาพความเป็นอยู่เด็กสุดเลวร้าย ตรงกันข้ามกับที่เธออยู่ที่หรูหราฟู่ฟ่า
จากการสอบสวนเด็กที่รอดชีวิต เธอเล่าว่าหลังจากที่เธอถูกลักพาตัวมา เธอถูกบังคับให้ใส่เสื้อผ้าเหมือนผ้าขี้ริ้วสีดำและบังคับเธออยู่ห้องขัง
ชั้นลอย 29 ที่นั้นเธอถูกเปลี่ยนชื่อ และเรียกเอ็นริเกต้า ว่า “แม่” อาหารของเธอคือมันฝรั่งและขนมปังเก่า และต้องแย่งอาหารจากเด็กอื่นๆ
ที่ขังด้วยกัน ซึ่งมักใช้กำลังกันแย่งอาหาร และเด็กถูกห้ามใกล้หน้าต่างและระเบียงห้องพัก





เด็กสาวที่รอดชีวิตบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าในวันหนึ่งที่เอ็นริเกต้าไม่อยู่ เธอกับเพื่อนเคยเสี่ยงชีวิตแอบสำรวจห้องของเธอ ในการผจญภัยนี้
พวกเขาได้พบเรื่องหฤโหด ในห้องดังกล่าวมีกระสอบกับเสื้อผ้าผู้หญิง ที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและมีดแล่เนื้อขนาดใหญ่ ทำให้เธอหวาดกลัวมาก
สอดคล้องกับ Angelita เด็กสาวรอดชีวิตอีกคนได้ให้การอีกว่า หลายวันเด็กสาวก็เริ่มรู้สึกว่าเอ็นริเกต้าน่ากลัวมากขึ้น เธอเริ่มฆ่าเด็กต่อหน้าต่อตาเธอ
เธอเอาเด็กชายอายุ 5 ปี ที่เธออ้างความผิดด้วยข้อหาเล็กๆน้อยๆ ไปฆ่าเขาที่โต๊ะบนครัว ในตอนนั้นเด็กสาวที่รอดชีวิตแอบเห็นพอดี
แต่ด้วยความกลัวว่าเธอจะจับได้ เธอเลยไม่ส่งเสียง เธอวิ่งหลบซ่อนตัวบนเตียง แสร้งทำเป็นนอนหลับทำให้เธอรอดมาได้


 



จากการตรวจสอบโดยรอบเจ้าหน้าที่ตำรวจพบกระสอบที่มีเสื้อผ้าเปื้อนเลือดและมีด นอกจากนี้ยังพบอีกกระสอบที่มีเสื้อผ้าที่สกปรกและมีกระดูก
ของเด็กเล็กบนอยู่กว่าสามสิบศพ กระดูกที่พบบ่บอกว่าทั้งหมดถูกเผาด้วยไฟ  และห้องพักที่เด็กรอดชีวิตอ้างว่าเอ็นริเกต้าใช้เชือดเหยื่อนั้น
ยิ่งกว่านรกเพราะเต็มไปด้วยน้ำมันหมูเลื่อน เลือดเปื้อนพื้นและผนัง ผมและโครงกระดูกของเด็กอยู่ทั่ว และที่หม้อก็มีขี้ผึ้งและเนื้อมนุษย์
ที่กำลังผสมค้างอยู่เพื่อเตรียมไปขาย


จากการตรวจสอบที่อยู่ของเอ็นริเกต้าเพิ่มเติมอีกสองแห่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจพบลักษณะแบบนี้คล้ายๆ กัน และที่สวนของบ้านเจ้าหน้าที่ตรวจพบ
กะโหลกของเด็กอายุสามปีพร้อมชุดเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายบางส่วน จากการสืบสวนสาเหตุที่เอ็นริเกต้าลอยนวล อยู่ได้ก็คือบ้านที่อยู่ดังกล่าว
ไม่ใช่ชื่อของเธอ แต่เป็นญาติหรือไม่ก็ครอบครัว อีกทั้งเหยื่อที่ถูกลักพาตัวส่วนมากมาจากครอบครัวยากจนทำให้มีปัญญาตามหาเด็กดังกล่าว

ต่อมาก็มีข่าวลือตามมา โดยบอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเจอสมุดบันทึกของเอ็นริเกต้า ในนั้นมีรายชื่อลูกค้าที่เป็นเฒ่าหัวงูและลูกค้าที่สั่งซื้อเครื่องสำอาง
และสมุนไพรจากเธอมากมาย ซึ่งหลายชื่อเป็นบุคคลชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักธุรกิจ นายทหาร ซึ่งทางการพยายามปิดข่าวนี้ไว้ไม่ให้รั่วไหล
แต่ชาวบ้านไม่ยอมและพยายามก่อจลาจล





เอ็นริเกต้าถูกขังในคุกเพื่อรอการตัดสิน ระหว่างนั้นเธอพยายามที่จะฆ่าตัวตาย ด้วยการทำร้ายข้อมือด้วยมีดไม้ ท่ามกลางเสียงสาปแช่งของประชาชน
ให้ประหารชีวิต อย่างไรก็ตามเธอเสียชีวิตในหนึ่งปีให้หลัง เนื่องจากถูกคนร่วมคุกฆ่าตายในขณะที่พยายามข่มขืนเพื่อนร่วมคุกของเธอ เธอถูกฝัง
ในภูเขามงต์จุย ในบาร์เซโลน่า

ในปี 1912 เอ็นริเกต้าได้ถูกตั้งฉายาอย่างเย้ยหยันว่า “แวมไพร์แห่งบาร์เซโ,น่า” และ “ผู้หญิงเลว” พร้อมกับตำหนิเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ใส่ใจ
เรื่องเด็กหาย และเรื่องราวของเธอถูกนำมาดัดแปลงเป็นวรรณกรรมเรื่อง El misterio de la Calle Poniente ที่เป็นเรื่องราวเด็กหาย
ไปในเมืองบาร์เซโลน่า ซึ่งต่อมาก็พบว่าเด็กเหล่านั้นถูกฆ่าเพื่อเอาเลือดเพื่อทำเป็นเครื่องสำอางให้แก่ลูกค้าที่เป็นชนชั้นสูง


⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ห่ะไรนะ's profile


โพสท์โดย: ห่ะไรนะ
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
24 VOTES (4/5 จาก 6 คน)
VOTED: Thorsten, Rinnn, ginger bread, aRnoNAe, ท่านฮั่ว แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้ง
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ภัยจากมนุษย์ป้า! ขว้างไม้ใส่รถที่ขับผ่านหน้าบ้าน แต่สุดท้ายกลับโดนเอาคืน (มีคลิป)จำได้ไหม? "พุฒ เดชอุดม" จากยูทูบเบอร์เสียงเพี้ยน สู่สาวสวยสุดlซ็กซี่คลั่ง อาละวาดทำร้ายพยาบาล ญาติเผยไม่เคยเป็นมาก่อนป้าตบหนุ่มจนเลือดออกในสมองตาย หลังไม่ยอมลุกให้นั่งบนรถเมล์อัพเดท สงครามยูเครน ปะทะ รัสเซีย!!!ปิดตำนานไร่ชื่อดังที่วังน้ำเขียว ลานกางเต็นท์ยอดนิยมได้ประกาศหยุดดำเนินการแล้วนายแบบฟิลิปปินส์เดือด! โวยเวทีไทย เบี้ยวจ่ายรางวัล รอมาเป็นปี ไม่มีคำตอบใครเป็นคนคิด ทำไมเมืองไทยถึงสะดวกสบายขนาดนี้ ฝรั่งอึ้ง ไทยแลนด์ครบจบในที่เดียวไปเนปาลเจอนักพรตต้องระวังรวมเลขเด็ด! หวยแม่จำเนียร งวดวันที่ 1 ธันวาคม 2567เปิดยอดกฐิน 400,000 บาท ทริปน้ำไม่อาบ บริจาคอย่างมากมาย ทำบุญได้ชื่อเสียง แต่ชาวบ้านกลับได้รับผลกระทบลูกชายสงสัย ทำไมพ่อไม่ส่งสติ๊กเกอร์ “สวัสดีตอนเช้า” ให้ 3 วันแล้ว พบนอนเสียชีวิตอยู่ในบ้าน
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
นายแบบฟิลิปปินส์เดือด! โวยเวทีไทย เบี้ยวจ่ายรางวัล รอมาเป็นปี ไม่มีคำตอบเปิดคุณสมบัติ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ปี 2568นัท มีเรีย โพสต์ข้อคิดสุดซึ้ง ขอบคุณลมหายใจ😽 ชวนมาดูภาพของสัตว์ที่กลมที่สุดที่รับรองว่าจะทำให้คุณอารมณ์ดียิ่งขึ้น 😻คลั่ง อาละวาดทำร้ายพยาบาล ญาติเผยไม่เคยเป็นมาก่อน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
เปิดตำนาน "ยุทธหัตถี" วีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเปิดตำนาน "กวนอู" เทพเจ้าแห่งสงคราม ผู้ซื่อสัตย์และเกรียงไกรใครคือยอดนักรบที่เก่งที่สุดในสามก๊ก?โรงแรมร้อยศพ: เรื่องหลอนที่ไม่ควรพลาด
ตั้งกระทู้ใหม่