ความผูกพัน ตอนที่ 2
พอตะวันตกดิน เราตกลงกันว่าจะไปเดินเล่นที่สนามหลวงต่อ ตลอดทางเดินเขาจะเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ผมฟัง สลับกับผมเล่าบ้าง เราต่างหัวเราะต่อกระซิกกันสนุกสนาน มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ ครับ กับเดทแรกของเรา
ผมพยายามที่จะแสดงความเป็นสุภาพบุรุษต่อเขา ไม่ว่าจะรินน้ำให้ จูงมือเดินเวลาข้ามถนนและเอาตัวเองมาบังทางที่รถแล่นมา เพื่อกันเขาหากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น คอยถามว่าเหนื่อยไหม กระหายน้ำหรือเปล่า เท่าที่โอกาสจะอำนวยนะครับ
อ้อ ช่วงนั้นเป็นช่วงราชพิธีถวายเพลิงศพ ผมไม่มั่นใจว่าของพระพี่นางหรือสมเด็จย่า ผมกับเขาจึงได้ถือโอกาสเดินดูรอบ ๆ งานนั้นก่อนจะกลับกัน
เราขึ้นรถเมล์สาย ปอ.80 กลับด้วยกัน แต่ด้วยมีงานคนจึงแน่นกว่าปกติ ทำให้ไม่มีที่ว่างสำหรับผมและเขาก็เลยต้องยืนเบียด ๆ กันไปเพราะตอนนั้นเวลาก็ดึกพอสมควร
ตัวผมสูงกว่าจึงจับราวได้สะดวกกว่า จึงกระซิบบอกเขาว่า " เตงจับแขนผมก็ได้นะ จะได้ไม่เซ " ในตอนนั้นเขายืนอยู่ข้างหน้าผมหัวของเขาอยู่ระดับอกผมพอดี ผมขยับตัวเข้าไปชิดเขามากขึ้น พร้อมกับคว้าที่เอวเขาไว้หลวม ๆ เขาขยับตัวเข้ามาหาผมจนแผ่นหลังชิดกับตัวผม พร้อมกับเอืื้มมือมาเกาะที่ต้นแขนผม ผมได้กลิ่นแชมพูอ่อน ๆ ลอยเข้าจมูก ตัวผมกับเขามีเพียงผ้าบาง ๆ ที่กั้นไว้ จึงสัมผัสได้กับไออุ่นที่ส่งผ่านมานั้นชัดเจน ใจเต้นโครมครามเลยครับ เพราะไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน แต่มันก็รู้สึกอบอุ่นใจไปพร้อม ๆ กันด้วย ผมพยายามขยับเอวห่างจากบั้นท้ายของเขาเท่าที่จะทำได้ แต่ดูเหมือนเขาจะยิ่งเบียดเข้ามา วินาทีนั้นเริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบมาทันที ทั้ง ๆ ที่บนรถหนาวมาก (ก็ไม่รู้เขาจะลองใจผมหรือเปล่านะ แต่ที่แน่ ๆ ผมเกือบตะบะแตก ฮา ๆ )
เขาอิงศีรษะมาที่แขนผมข้างที่เขาจับไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้นเพียงเบา ๆ พอให้ผมได้ยินว่า "ขอบคุณนะ ยืนใกล้กันแบบนี้ ก็อุ่นดีนะครับ " พูดจบเขาหันมาส่งยิ้ม พร้อมกับหน้าที่ดูมีเสน่ห์ทำจมูกย่นใส่ผม ในตอนนั้นผมอยากจะหยิกจมูกเขาจริง ๆ แต่ก็ห้ามใจไว้เพราะบนรถไม่ได้มีแค่เราสองคน
เป็นเดทแรกที่อยู่ในความทรงจำผมจนทุกวันนี้ แต่เรื่องราวของความรัก มันไม่ได้มีแค่ความหวานชื่นเท่านั้น เหตุการณ์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ติดตามกันได้นะครับ
ขอบคุณครับที่เข้ามาอ่านกัน