เมื่อผมไปเที่ยวเกาะตาชัยแล้วติดพายุอยู่กลางทะเลเวลากลางคืนหลายชั่วโมง!!!!!
สวัสดีครับ ความฝันเล็กๆของผมเมื่อปต้นปีที่แล้วผมอยากไปเกาะตาชัยสักครั้งในชีวิต หยิบมือถือโทรหาเพื่อนที่จะไปร่วมชตากรรม ตกลงนัดแนะเสร็จสรรพจองตั๋วเครื่องบินจองทัวร์นับวันรอเวลาไปเกาะตาชัยยยย ฤกษ์งามยามไม่ดีไปวันที่ 3-11-57 ซึ่งผมกับเพื่อนไม่เคยไปตาชัยมาก่อน ผ่านมาก็หนึ่งปีพอดีครับ
วันที่3-11-57ตื่นตั้งแต่ตี5อาบน้ำเก็บของรถตู้มารับที่โรงแรม6.20น. ใช้เวลานั่งรถประมาณชั่วโมงนิดๆก็ถึงท่าเรือทัยละมุ นั่งเรืออีก1ชั่วโมง20นาทีก็ถึงตาชัย
แรกพบเห็นน้ำทะเลที่สวยที่สุดในชีวิต บอกเลยอึ้ง!!!!ในความสวยของน้ำทะเลมากหาดทรายก็ขาววววมากครับ ที่ตาชัยกิจกรรมก็มีดำน้ำ เดินป่าดูปูไก่ และเวเลาส่วนใหญ่หมดไปกะการถ่ายรูปซะมากกว่า
พอช่วงบ่ายสังเกตเฟ็นท้องฟ้ามืดครึ้มมาก็ไม่ได้คิดอะไร ทุกคนก็เล่นน้ำถ่ายรูปกันเพลินมากกก
แต่....ขากลับก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันซะก่อน
ช่วง3โมงเย็นเกือบๆจะ4โมงเรือลำที่ผมนั่งก็ออกจากเกาะมุ่งหน้าเข้าฝั่งเท่าที่ผมมองๆน่าจะเป็นลำสุดท้ายพร้อมลูกเรือทีมงานประมาณ37คน ระหว่างเดินทางกลับเข้าฝั่งก็มีฝนตกเป็นระยะๆ
เรือวิ่งออกไปได้ประมาณ1ชั่วโมงผมคิดว่าน่าจะใกล้ถึงฝั่งแล้ว แต่ทำไมคลื่นยังสูงอยู่พร้อมเรือก็กระแทรกบ่อยมากก็ไม่ได้เอะใจ อีกสัก10นาทีก็มีคนถามเด็กเรือว่าถึงไหนแล้วเด็กก็ตอบว่าถึงเกาะตาชัย ผมกับลูกเรือคนอื่นๆก็คิดว่าเขาล้อเล่น แต่ปรากฎว่า.....อ้าว...!!!!เกาะตาชัยจริงๆหว่า
ไกด์ก็เลยบอกว่าปรึกษากับกัปตันแล้วคลื่นสูงไปต่อไม่ได้ให้ลงมาเข้าห้องน้ำนั่งพักที่เกาะก่อนอีกครึ่งชั่วโมงให้มาเจอกันที่หาด และสักพักก็มีเรือของทัวร์อีกบริษัทหนึ่งวิ่งกลับเข้ามาเหมือนกัน
18.00น.ลูกทัวร์ก็ทยอยลงเรือมีผู้หญิงฝรั่ง1คน ไม่ยอมลงบอกกลัวมากๆยังไงก็ไม่ยอมกลับ (อยากฝากบอกฝรั่งคนนั้นว่าคุณคิดถูกแล้ว ผมดีใจกับคุณด้วย)
ไกด์ก็ไปคุยสรุปเขาก็ไม่ยอมกลับด้วย พอดีเรือลำข้างๆดันมีฝรั่งอยากกลับด้วยก็เลยเปลี่ยนกัน(มีฝรั่งมาเพิ่มอีก4คน) ไกด์ก็ประกาศว่ากับตันได้ประเมินแล้วว่าคลื่นไม่แรงแล้ว เราพร้อมจะกลับกันหรือยังลูกทัวร์ก็ตอบพร้อมกันว่าพร้อมมมมม พร้อมทั้งปรบมืออออ (ซึ่งไม่รู้เลยว่าจะเจออะไร)
เรือก็ได้วิ่งออกจากเกาะเป็นรอบที่2 ผมก็นั่งดูคลื่นท้ายเรือเป็นระยะๆคนส่วนมากก็หลับคงเพราะเหนื่อย ความมืดก็เริ่มมาบดบังทุกอย่าง เรือกระทบคลื่นเป็นระยะบางครั้งก็แรงมากๆฝนก็ตกหนักมากๆๆๆ ประมาณ1ชั่วโมงก็มีลูกทัวร์ถาม
ลูกทัวร์ก็ตะโกนกับตันไกล้ถึงยัง?
กับตันตอบอีก30ไมล์ ผ่านไปอีกประมาณ20นาที
ลูกทัวร์ตะโกนถามอีกกับตันไกล้ถึงยัง?
กับตันก็ตอบอีก10ไมล์ ผ่านไปอีกประมาณ40นาที
ลูกทัวร์ก็ถามอีกกับตันไกล้ถึงยัง?
กับตันก็ตอบอีก50ไมล์ อ้าว...!!!ไงเป็นงั้นวะ
ทุกคนในเรือก็งงๆ บางคนก็เมาเรือมาตลอดทาง พร้อมอ๊วกเป็นระยะๆ คลื่นก็แทรกเรือฝนก็ตกหนักตลอดทาง
ประมาณ2ทุ่มครึ่งได้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอฝั่ง คลื่นก็มากระแทรกเรือถี่ขึ้นๆแทบทุกครั้งก็จะมีเสียงผู้หญิงกรี๊ดมาด้วยคงเป็นเพราะความตกใจกลัว จนครั้งล่าสุดผมได้ยินเสียงคลื่นซัดใส่เรือดังมากเรือก็เอียงมากแทบจะล่มเลยก็ว่าได้แล้วเครื่องยนต์ของเรือก็ดับไป เหลือแต่ความมืดรอบด้าน
มีแต่เสียงคลื่นที่สูงมากๆซัดเรือมาทุกทางและเสียงฝนที่ตกหนักเรือก็พร้อมจะล่มตลอดทางกับตันก็เลยเปิดไฟที่อยู่ท้ายเรือให้ ให้พอมองเห็นได้บ้างแล้วไกด์ก็ประกาศให้ทุกคนใส่ชูชีพ ใจคอผมเริ่มไม่ดีติดต่อใครก็ไม่ได้
ในใจตอนนั้นคิดถึงคุณพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย คิดว่ายังไงเรือต้องล่มแน่ๆถึงจะใส่ชูชีพก็ไม่สบายใจเลยสักนิดเพราะถ้าเรือล่มทั้งคลื่นสูงมากทั้งฝนทุกคนจะเป็นยังไง ผมก็ควบคุมสติให้นิ่งที่สุดบอกตัวเองและเพื่อนๆให้มีสติตลอด
สภาพตอนอยู่ในเรือลำเล็กท่ามกลางทะเลอันดามันที่คลื่นสูงฝนตกหนักที่ลอยคอแบบไร้ทิศทาง มีแค่แสงไฟดวงเล็กที่ส่องพอให้มองเห็นได้บ้าง
เรือก็ลอยอยู่แบบนั้นหลายชั่วโมง มีฝรั่งคู่หนึ่งนอนกอดกันร้องเพลง(เข้าใจว่าน่าจะเป็นเพลงขอพรจากพระเจ้า)เป็นชั่วโมง ยิ่งฟังยิ่งขนลุกเพราะเคยดูแต่ในหนังไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง หลายคนก็ร้องไห้กอดกัน แต่แทบทุกคนเมาเรืออ๊วกเป็นระยะๆ สภาพแต่ละคนในตอนนั้นแม้กระทั่งผมเพลีย หมดแรง สำหรับคนที่เข้าห้องน้ำก็ล้มลุกคลุกคลานกันไป (ขนาดเด็กเรือที่เขาติดเรือไปเกาะทุกวันยังเมาเรือเลยครับ)
อากาศก็หนาวมากๆฝนก็ตกหนักโครตๆ เรือก็โดนคลื่นสูงซัดมาตลอดพร้อมที่จะล่มตลอดเวลา ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าอยู่แห่งหนใดของทะเลเพราะเครื่องจับสัญญาณของเรือก็เสีย เข็มทิศในมือถือก็ใช้ไม่ได้ สัญญาณมือถือก็ไม่มี ไม่รู้ว่าคลื่นซัดไปทิศทางไหน
ในชีวิตคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว ตั้งสตินั่งคิดถึงคนที่เรารักคนที่รักเรากอดคอกับเพื่อนเงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงคุยกัน ตลอดเวลา3ชั่วโมงได้หลังจากเครื่องยนต์ของเรือดับไป เรือสปีทโบ๊ทลำเล็กๆอยู่กลางทะเลอันดามันที่โดนทั้งฝนหนักทั้งคลื่นสูงซัดมาตลอดลอยแบบไร้ทิศทาง ไม่มีจุดหมายปลายทาง แต่ผมก็ยังแอบหวังเล็กๆว่าจะมีปราฏิหาร
ในเรื่องร้ายๆก็จะมีเรื่องดีๆเข้ามาเสมอ เวลา5ทุ่มครึ่งได้ กับตันก็สามารถติดต่อเรือไดได้และก็ขอความช่วยเหลือแต่ก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะหากันเจอ พอเริ่มจะเห็นไฟกับตันก็ติดต่อกับเรือไดบ่อยขึ้นแต่คิดว่าฝั่งนั้นคงไม่ได้ยิน
ทุกคนบนเรือก็ช่วยกันตะโกนขอความช่วยเหลือ "ช่วยด้วยๆๆๆๆๆๆๆ"หลายๆครั้งพร้อมๆกัน(ร้องแข่งกับเสียงฝนเสียงคลื่นอยู่กลางทะเล ไม่รู้เขาจะได้ยินเราไหม แต่อย่างน้อยก็ได้ทำอะไรสักอย่าง) พอเรือมาใกล้กันกับตันก็ขอให้เรือลากเข้าฝั่งที่ใกล้ที่สุดนั่นคือหมู่เกาะสินทร์ กับตันได้ถามพิกัดของเรือทราบว่าเลยหมู่เกาะสุรินทร์มาแล้ว อีกประมาณ10กว่าไมล์ทะเลก็จะถึงน่านน้ำพม่า
ตลอดเวลาที่เรือไดลากมาหาฝั่งก็พยายามติดต่อทั้งทางฝั่งอุทยาน ฝั่งท่าเรือให้ตลอด ใกล้จะถึงฝั่งทางอุทยานก็เอาเรือหางยาวมารับเข้าฝั่งอีกที มือถือเริ่มมีสัญญานคนแรกที่ผมรีบโทรหาคือครอบครัว
กว่าจะขึ้นฝั่งได้ก็ตี1กว่า ทุกคนปลอดภัยทางอุทยานได้เตรียมข้าวต้มร้อนๆไว้รอ(ป้าที่ทำข้าวต้มรอบอกพอรู้ข่าวก็รีบมาต้มรอเลย ขอบคุณมากๆครับ) รวมทั้งผ้าขนหนู เต้นที่นอนครบ แต่อาจจะลำบากบ้างเพราะคนส่วนมากไม่มีชุดมาเปลี่ยน กินข้าวเสร็จก็รีบเข้านอนไกด์นัด7โมงเช้าเพื่อประเมิณสถานะการว่าจะกลับได้ไหม
แต่ยังไม่ทัน7โมงมีคนโทรมาหาผมเพียบบอกว่าดูจากข่าวทางทีวีเป็นห่วงมากๆ
จนกระทั่งเวลาเกือบ8โมงกินข้าวเสร็จทางอุทยานก็ได้นำเรือของทางอุทยานฝ่าพายุฝนที่ตกหนักไปส่งถึงท่าเรือคุระบุรีอย่างปลอดภัย ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเหลือไว้แต่ "มิตรภาพอันยิ่งใหญ่ และ ความทรงจำดีๆที่มีให้กัน"
ถ้ามีโอกาสก็ยังอยากกลับไปเที่ยวเกาะตาชัยอีกครั้งเพราะประทับใจในความสวยงามของเกาะ และคงไปกับทัวร์เดิมเพราะไกด์เขาบริการดีมากจริงๆครับ แต่คงให้หมดหน้าฝนแน่ๆก่อนครับถึงจะไป
หลังจากกลับมาทัศนคติในการใช้ชีวิตผมก็เปลี่ยนไป จากที่ไม่ค่อยได้บอกรักพ่อแม่รวมถึงคนที่เรารัก ทุกวันนี้ก็ไม่ได้อายแล้วเพราะชีวิตมันไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ อะไรที่ยังไม่ทำก็รีบทำ
ผมขอขอบคุณทุกๆคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณครั้งนี้มากๆนะครับ
ขอบคุณกระทู้จากคุณ สมาชิกพันทิปหมายเลข 1520369 สมาชิกเว็บพันทิป (เว็บโพสท์จังได้ขออนุญาตเรียบร้อยครับ)