แชร์ประสบการณ์ เป็นนักเรียน(จำเป็น)ที่ LA อเมริกา ........ เมื่อแท้จริงแล้วไม่เหมือนในหนัง
สวัสดีครับ ก็วันนี้ขออนุญาติยืม ID พี่สาวที่สนิทคนนึงมาตั้งกระทู้ เล่าประสบการณ์ในอเมริกาครับ ว่าคนที่นี่เขามีนิสัยอะไรยังไง
หลังจากอยู่ที่นี่มาสองอาทิตย์กว่าๆ[เอง] เลยอยากจะระบาย เอ๊ย! แบ่งปันประสบการณ์ให้ทุกคนฟัง เป็นความรู้ เผื่อใครอยากมาเที่ยวจะได้รู้ว่าควรทำอะไรยังไง หลังจากโดนด่าไว้เยอะ T^T เสียใจ ไม่อยากให้โดนเหมือนกัน คือเรื่องของเรื่อง จขกท.มีพี่ชายเรียน ป.โท อยู่ที่นี่ครับ พ่อกับแม่เลยส่งมาเรียนภาษาไปพลางๆ และก็มาอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายไปในตัวซะงั้น
[ออกแนว คหสต.ความเห็นส่วนตัว อย่าว่ากันนะ] :-
1) คนที่นี่ ใช้ส้อมทานข้าว คือกินข้าวผัดก็ใช้แต่ส้อม เว้นแต่กินซุปถึงใช้ช้อน
2) อ่านเมนูกันนานมาก ย้ำว่านานมากจนคิดว่านิพพานไปแล้วด้วยซ้ำมั้งถึงค่อยสั่งอาหาร (ไม่เหมือนเราที่คิดไว้ตั้งแต่ 3 ชั่วโมงที่แล้วว่ามื้อต่อไปกินไรดี)
3) ทิชชู่ เช็ดปาก เรียก แน๊ปกิ้น (ซึ่งดูแล้วก็ทิชชู่ธรรมดาแต่หนาหน่อย) ส่วนทิชชู่บางๆเช่นไว้เช็ดตูดถึงเรียกทิชชู่
4) ที่นี่ไม่มีห้างแบบเดอะมอลล์ เซนทรัล ไว้เดินเล่น จะมีก็แต่พลาซ่า ซึ่งเป็นร้านค้าเหมือนแบบมีแอร์แต่ว่าไม่ติดกัน เหมือนแบบห้าง The Circle ซึ่งเราก็จะเข้าแค่ร้านที่เราจะเข้าเท่านั้น จะไปเดินเล่นก็ร้อน เพราะด้านนอกไม่มีแอร์
5) แดดโครตแรง และก็อากาศแห้งมาก ควรกินน้ำตลอดเวลา (-*- เลยต้องก้าวสู่ผิวแทนอย่างมั่นคง)
6) อากาศหนาว ก็หนาวจนหายใจเกือบไม่ออก หายใจเป็นควัน ยังดีเมืองนี้หิมะไม่ตก
7) เพราะข้อ 4 เป็นแบบนั้น เด็กที่นี่เลยไม่มีที่ไป ในหนังเราจะเห็นเขาไปปาร์ตี้บ้านเพื่อน ซึ่งใครวะจะปาร์ตี้ทุกวัน ก็เทอมละครั้งไปทีนึงมั้งไม่ก็ผลัดกันบ้านเพื่อน ดังนั้นส่วนใหญ่ก็ไม่มีที่ไป นอกจาก อยู่บ้านไม่ก็ทำงาน (เราเกิดมาโชคดี มีห้างให้ตากแอร์ฟรี)
8) อยู่บ้านนานๆแม่งก็เบื่อใช่ไหม เขาก็เลยต้องไปปีนเขา แอดเวนเจอร์ เข้าป่า อังกอร์!!
9) โลกส่วนตัวสูงกันทั้งนั้น แบบว่า กูจะทำไรก็เรื่องของกูซะส่วนใหญ่ (วันก่อน รถเมล์แน่นจนคนต้องยืน แต่หันไปเจอสองคน คนนึงนั่งแม่งสองเก้าอี้เลยประหนึ่งว่าตูดใหญ่ทั้งๆที่ตัวเล็ก อีกคนนึงนั่งสองเก้่าอี้เพราะอีกเก้าอี้กูจะวางกระเป๋า อันขนาดแค่ขวดยาฉีดยุ่ง -*- (และคนอื่นก็ไม่ว่าด้วยนะ) หรือวันก่อน เจอคนนั่งฟังหูฟังอยู่บนรถไฟใต้ดิน อยู่ดีๆท่อนฮุคโปรดมันดังขึ้นมา มันก็ลุกขึ้นมาร้อง และเดินมาเต้น พอหันไปมอง เสือกเดินมามองหน้าและร้องให้ฟังก่อนจะลงสถานีถัดไป และหายไปกับฝูงชน (อะไรของมันวะ) พีคสุดคือวันดีคืนดีนั่งๆอยู่บนรถบัสที่นั่งในสุด เจอลุงย้ายที่นั่งมานั่งข้างๆและขอเซลฟี่
10) เพราะว่าเป็นสังคมที่ Individual ซะส่วนใหญ่ ทุกคนเลยเข้มแข็งพึ่งพาตัวเองได้ กินข้าวคนเดียว เที่ยวคนเดียว ดูหนังคนเดียว เป็นปกติไม่ต้องแคร์ขี้ปากใคร เพราะทำกันทุกคน (เจอคนแก่เดินจะไม่ไหวแทบจะคลานอยู่แล้ว ยังเดินอยู่คนเดียว....เห็นแล้วโครตสงสาร)
11) เพราะเป็นสังคมที่เข็มแข็ง ทุกคนเลยไม่ค่อยใช้ความสงสารฟุ่มเฟือยเหมือนพวกเรา จนออกดูเหมือนดุดัน ไม่ค่อยแคร์ใคร คือแรงอ่ะพูดง่ายๆ จะพูดจะทำไรก็ตรงๆ ไม่ค่อยรักษาน้ำใจ สังเกตุว่า เวลาแกล้งกันในโรงเรียนจะแกล้งกันแรงมาก และไม่ค่อยมีคนสงสารหรือคนห้าม ถึงมีข่าวทนไม่ไหวออกมายิงเพื่อนในห้อง ถล่มไรกันบ่อย (อย่างไทย คนไหนเป็นนักเลงในห้อง อย่างน้อยนักเรียนหญิงผู้กล้าสักคนจะออกมาแอนตี้ แล้วสักแปปก็สร้างกระแสลุกฮือกัน ไอ้นักเลงก็จ๋อยไปเอง) แต่ก็มีข้อดีที่หลายคนปรารถนา เพราะว่าพูดตรงๆกันมากๆ จึงไม่ต้องไปนินทา หรือ สร้างภาพว่ารักกันเวลาเจอต่อหน้า เป็นต้น
12) สกิลใสใส อินโนเซนต์ อ่อนต่อโลก ใช้กับที่นี่ไม่ได้เลย แม้กระทั่งท่าไม้ตายที่เราชอบใช้เวลาซื้อข้าวแกงแล้วมักจะได้ข้าวแกงเยอะกว่าชาวบ้าน หรือ ซื้อของแล้วได้ของแถมฟรีๆที่ไทย นำมาใช้ที่นี่นอกจากจะไม่ได้ห่าไรแล้วยังโดนเมินใส่หน้าอีก ขนาดฉีกยิ้มจนปากติดหูแล้วนะ (จังไรจริงๆ -*-)
13) ก่อนข้ามถนนจะต้องทุบเครื่องส่งสัญญาณ ซึ่งข้างหน้าจะมีป้ายบอก พอป้ายเป็นรูปคนสีเขียว เราถึงจะข้ามได้เท่านั้น ไม่งั้นถูกปรับ ต่อให้ไม่มีรถก็โดน
14) แม๊กโดนัลด์ที่นี่ถูกมาก คุณภาพก็ตามราคา ไม่เหมือนบ้านเรา ถึงจะแพงแต่ยืนยันว่าอร่อยกว่า
15) คนขี้เกรงใจ คือคนขี้อาย และคนขี้อายน่ารำคาญ คนส่วนมากถึงชอบทำตัวดูมั่นหน้า (เจอกันครั้งแรก เราก็ต้องเกรงใจดิ มาบ่นว่าไม่ค่อยชอบหน้าเพราะว่าขี้อาย เพราะเขาไม่รู้จักคำว่าเกรงใจกัน เอ้า)
16) พวกเขาชอบอ่านหนังสือมากกว่า 7 บรรทัดต่อปี 555555 คืออ่านกันตลอดอ่ะ และก็ชอบออกกำลังกายกัน คนที่นี่ส่วนใหญ่ถึงหุ่นดีเยอะ
17) เหยียด ไรต่างๆยังมีอยู่จริง เชื้อชาติ สีผิว และอีกมากมาย บลาๆๆ หาว่าบ้านเราบ้านนอก ขี่ช้างไปเดินเล่นหน้าบ้าน มีช้างอยู่ในบ้าน ยังมีอยู่จริง (บางคนตัวแม่งก็ขาวยังไม่เท่าแขนอ่อน ดันมาทำสายตาเหยียดหยาม พูดแล้วขึ้น)
18) รถบัสมีเวลาตายตัว ซึ่งเหมือนเป็นข้อดีใช่ไหม? แต่ สมมุติเราเลิกเรียนเที่ยงครึ่ง ตามตารางคันต่อไปมันมา บ่ายสอง แปลว่าเราต้องรอชั่วโมงครึ่งทุกวัน และสายต่อไป ต่อจากสายแรกเสือกมา บ่อยสาม สรุป เราต้องไปนั่งรอที่ป้ายรถเมล์อีก 1 ชั่วโมงทุกวัน ยังไม่นับที่เลิกเรียนเสร็จแล้วมารอป้ายแรกอีก ถ้าบ้านเรานั่งยิ้มหน้าโรงเรียน. 5 - 15 นาทีเดวก็มาละ ถ้าไม่มารถตู้ก็มี
19) ข้อ 18 กูรวย กูจะโบกแท๊กซี่ อ้าววววว ที่นี่ไม่มีแท๊กซี่ให้โบก 55555 ต้องใช้แอพ Uber เรียกเอาอีกครับ ก็ต้องยืนรอกว่าจะมาอีก ไม่มีให้โบกทันที แล้วไปเถียงกับคนขับว่าจะไปไม่ไป ถ้าเฮียส่งแก๊สก็ขอติดฟรีละกัน
20) ที่นี่มีเหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยนะครับ เพื่อป้องกันจึงสร้างตึกแนวนอนซะส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้เวลาเราเดิน กว่าจะผ่านซักตึกนึง กล้ามขาจะใหญ่กว่าแท้งค์น้ำอยู่ละ คนที่นี่ถึงต้องเดินเยอะมาก เวลาไปไหนที ก็เดินไกลมากๆ โครตเมื่อยอ่ะ
21) ข้อนี้พูดแล้วน้ำตาจะไหล เมกาไม่มีสายที่ฉีดตูด ใช่ๆ นั่นแหละ ใช้แม่งแต่ทิชชู่ ต่อให้ท้องเสียเป็นน้ำก็ทิชชู่ เพราะฉะนั้นเลยชอบอั้นไว้ขี้ที่บ้านพอ เพราะเดวต้องเดินไกลจากข้อ20 ถ้าสมมุติเกิดเช็ดไม่สะอาดมีเอ็กซิเด็นท์คราบซอกขี้เลอะกกน. ซักผ้ากันเป็นวันอีกแน่ๆ
22) เมืองนี้ มีคนหลายเชื้อชาติมากถึงมากที่สุด ทำให้ประเพณีเยอะเหลือเกิน จนทำไรผิดๆถูกๆ งงไปหมด ซึ่งส่วนมากมักจะโดนคนพูดเกาหลีใส่ เราก็อะไร ยองๆ ตอบไปก่อนละกัน
23) สังคมเขามีข้อดีอยู่เยอะแต่ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกันแหละ เวลาใครชอบบ่นว่าบ้านเราไม่ดีอย่างงั้นอย่างงี้ บอกเลยว่า มีความสุขกว่าในหลายๆที่ละกันจนหลายประเทศบอกว่าคนไทยน่ารัก ยิ้มเก่ง ฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้ง ก็อย่างว่านะครับ "when in Rome, do as the Romans do". ก็คงต้องปรับตัวกันอีกเยอะ
ถึงจะยังไงก็แล้วแต่ เรื่องราวดีๆก็มีมากมายเช่นกัน เช่นราเมงอันนี้ ราคาแค่10$ เอง มีทั้งปู กุ้ง หอย ล้นเบย
แล้วก็โบสถ์ก็สวยงามมากครับ
และที่สำคัญมาเมืองฝรั่งก็ต้องกินอาหารฝรั่ง....!! "fettuccine alfredo" อร่อยน้า จานบานเท่าหน้าเลย 5555 แต่ว่า แพงมากๆเลยล่ะ จานนี้ 20$ ได้ ดังนั้นส่วนมากเลยกินแค่ เบอร์เกอร์กับแซนวิชที่ราคาแค่ 1-6$ โอย ใกล้ขาดสารอาหารแล้วครับ
ก็ถ้ามีอะไรผิดพลาดประการใด หรือ ทำให้ใครไม่พอใจอย่างใด ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ขอบคุณทุกคนครับ
ขอบคุณกระทู้จากคุณ my7teen สมาชิกเว็บพันทิป (เว็บโพสท์จังได้ขออนุญาตเรียบร้อยครับ)
โพสท์โดย: ฟรอส