อารอฟะฮ์ "วันแห่งความเมตตา"
อีกไม่กี่วันก็ใกล้จะถึงวันอารอฟะฮ์(จันทร์ที่ 14 ตุลาคม) วันที่ความเมตตาหลั่งไหลจากชั้นฟ้า บรรดาฮุจยาต(ผู้แสวงบุญ)ที่พำนักอยู่ที่มักกะฮ์ เมื่อถึงวันที่ 9 ของเดือนซุลฮิจยะห์(ตามปฎิทินอิสลาม) ก็จะเดินทางออกไปรวมตัววุกุฟ(การพักสงบ)กันอยู่ ณ ทุ่งอารอฟะห์ ตั้งแต่ตอนบ่ายจนตะวันตกดิน ด้วยผ้าสีขาว 2ผืน สำหรับผู้ชายที่เรียกว่า ชุดเอียะฮ์รอม ส่วนผู้หญิงแต่งตัวชุดปกติพร้อมด้วยปกปิดเอาเราะห์ อีกทั้งต้องปฎิบัติ ตามกฎของการทำฮัจย์ตลอดจนเสร็จพิธีฮัจย์ บางรายงานได้มีบันทึกว่า ท่านนบีอดัม อะลัยฮิสลาม และท่านหญิงฮาวา(เอวา) ชายหญิง
คนแรกของโลก ได้พบกันเป็นครั้งแรกบนพื้นแผ่นดินและพบกันในสถานที่แห่งนี้หลังจากที่อัลลอฮขับไล่ออกจากสวรรค์ อัลลอฮนำ
นบีอดัมลงมาไว้ ณ แผ่นดินอินเดีย ท่านหญิงฮาวาถูกไว้ ณ ญิดดะห์(เจดดาห์) ส่วนอิบลีส(หัวหน้าซาตาน) ถูกไว้ในอิรัค ในทุ่งอารอฟะฮ์
จะมีภูเขาชื่อ เราะห์มะฮ์ (ภูเขาแห่งความเมตตา) ซึ่งเป็นสถานที่นบีอดัมได้เจอกับ พระนางฮาวาด้วยเหตุนี้เอง สถานทีแห่งนี้จึงถูกเรียกว่า
"อารอฟะฮ์" และวันที่ 9 เดือนซุลฮิจยะฮ์ถูกเรียกว่า "วันอารอฟะฮ์"
วันอารอฟะฮ์ คือวันอีด(เฉลิมฉลอง)ที่ยิ่งใหญ่วันหนึ่งสำหรับมุสลิม ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกขนามนามว่าเป็นวันอีดก็ตาม เนื่องจากว่าในวันอารอฟะห์เป็นวันซึ่งพระองค์อัลลอฮ(ซ.บ) ได้ทรงเชิญชวนปวงบ่าวของพระองค์ให้เข้าสู่การเคารพภักดีพระองค์ พระองค์ได้ทรงเปิดประตูแห่งการปฏิบัติคุณงามความดีให้กับปวงบ่าวของพระองค์ ในวันดังกล่าว และเป็นวันซึ่งบรรดาชัยฏอน(ซาตาน)มารร้ายต่างกรีดร้องด้วยความโหยหวล เนื่องจากความโกรธ และความต่ำต้อยที่พวกมันได้รับในวันนี้
ช่วงเวลาที่อยู่ ณ ทุ่งอารอฟะฮ์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีความประเสริฐอย่างยิ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการตอบรับดุ อา(คำขอพร)จากพระผู้ทรงเมตตาอย่างล้นพ้นต่อปวงบ่าว และเป็นวันที่อัลลอฮทรงประทับตราความสมบูรณ์ของศาสนาอิสลามอันเป็นศาสนาแห่ง ความเมตตาแด่มนุษยชาติ วันอารอฟะฮ์จึงเป็นวันที่สำคัญวันหนึ่งของอิสลาม และเป็นวันที่มีคุณค่ามหาศาลสำหรับฮุจยาตในการประกอบพิธิฮัจย์และบรรดา มุสลิม
การถือศีลอดในวันอารอฟะฮ์จะช่วยอภัยโทษบาปถึง 2 ปี นั้นก็คือปีที่ผ่านมาและปีที่กำลังจะมาถึงและเมื่อท่านนบีถูกถามถึงการถือ ศีลอดในวันอารอฟะฮ์ ท่านนบี(ซ.ล.) กล่าว ความว่า “ลบล้างบาปในปีที่ผ่านมาและในปีที่จะมาถึง” (รายงานโดยมุสลิม)
การถือศีลอดในวันอารอฟะฮ์นั้นเป็นซุนนะห์(แบบอย่าง)ที่สมควรอย่างยิ่งสำหรับ ผู้ที่ไม่ได้ประกอบพิธีฮัจย์ และการขอพรในวันอารอฟะฮ์ก็เป็นวันหนึ่งที่ดีที่สุด ท่านนบี(ซ.ล.)กล่าวว่า “ดุอาที่ดีที่สุดคือ ดุอาแห่งวันอารอฟะฮ์
จะเห็นได้ว่าความประเสริฐของวันอารอฟะฮ์นั้นมีมากมาย และวันอารอฟะฮ์เป็นวันหนึ่งของ 10 วันที่ประเสริฐในการปฏิบัติความดีของเดือนซุลฮิจยะห์ ท่านนบี(ซ.ล.)กล่าวไว้ความว่า “ไม่มีการปฎิบัติใดจะมีความบริสุทธิ์ (ประเสริฐ) ณ อัลลอฮ และมีผลบุญยิ่งใหญ่มากกว่าการปฏิบัติในสิบวันแรกของเดือนซุลฮิจยะฮ์” มีคนถามขึ้นมาว่า “แม้กระทั่งการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ (ก็ไม่สามารถเทียบเท่า) กระนั้นหรือ ?” ท่านรอซู้ลตอบว่า “แม้กระทั่งการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ (ก็ยังไม่เป็นที่ชอบของอัลลอฮฺเท่ากับการปฎิบัติอามัลที่ดีในสิบวันแรกนี้) เว้นแต่ผู้ที่ออกญิฮาดด้วยตัวเขาเองและทรัพย์สินของเขาแล้วไม่กลับมาพร้อม กับทรัพย์สินดังกล่าว”
(รายงานโดยดารีมีย์ ชัยคอัลบานียบอกว่าฮะซัน)
ดังนั้น ถือเป็นโอกาสที่ดีที่พี่น้องมุสลิมทุกคนจะใช้ช่วงเวลาตรงนี้ขอดุอาและถือศีลอดโดยหวังความโปรดปราณจากพระผู้เป็นเจ้า