คนขี้โกหกสุด ๆ ทุกเรื่องในชีวิตมันมีจริง ๆ นะเออ ไม่เว้นแม้แต่ที่ทำงาน PART 3
PART 1 : https://board.postjung.com/911516.html
PART 2 : https://board.postjung.com/911546.html
นานวันเข้า นายวีเอาเรื่องส่วนตัวมาใช้ เพื่อให้มีพื้นที่ยืนหยัดในสังคมทำงานมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่อวดเรื่องธุรกิจครอบครัว ทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์ที่ครอบครอง ทั้งรถยนต์หลายคัน ห้องคอนโดที่ซื้อไว้หลายแห่ง
ทว่าทั้งหมดทั้งมวลเกิดจากลมปากทั้งสิ้น ไม่มีใครได้ไปเห็นของจริง มีแค่เพียงรถยนต์ “มาสด้า 2” เพียงหนึ่งคันที่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง
พวกเด็กใหม่ๆ ที่เข้ามาทำงานส่วนใหญ่จะเชื่อสนิทใจว่าเป็นคนมีเงินจริงๆ อีกทั้งการออกตัวแสดงน้ำใจว่าถ้าอยากได้อะไรจะขายให้ในราคาที่ถูก หรือวันไหนขี้เกียจกลับบ้าน ไปนอนห้องคอนโดของเขาที่หลังที่เดินทางสะดวกก็ได้ (ซื้อไว้หลายแห่งใน กทม.)
ส่วนเรื่องเรียนปริญญาโทนั้น นายวีไม่ได้พูดถึงอีกเลย ไม่มีการมาเล่า อัพเดทสถานการณ์เรียนหรือบ่นถึงใดๆ
ผิดวิสัยคนเรียนโทใกล้ตัวผมที่มักจะมาบ่นให้ฟังว่า เรียนยาก เหนื่อย ต้องแบ่งเวลา สารพัดที่จะเล่า
ถึงแม้ผมจะรู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่ได้เรียนจริงก็เถอะ ทำไมไม่มีเรื่องมาเสกสรรปั้นแต่งได้เหมือนเรื่องอวดรวย ผมสันนิษฐานว่า นั่นเป็นเพราะเขา ไม่มีข้อมูลจริงๆ นั่นเอง
ฉันใดก็ฉันนั้น พฤติกรรมใดที่นายวีเริ่มต้นไว้ ย่อมบานปลายในเวลาต่อมา การหยุดงานบ่อยๆ จนถึงขั้นสร้างเรื่องเพื่อโกงเวลาทำงาน
และนำมาสู่การประจบประแจงฝ่ายบุคคล เพื่อขอใช้สิทธิพิเศษต่างๆ ในบริษัท
และเรื่องงานก็ไม่สามารถลงลึกในรายละเอียดหรือทุ่มเทกับงานได้
ซึ่งหัวหน้างานของนายวีก็ได้มาปกป้องว่า นายวีไม่ได้เรียนจบสายตรงมา เขาทำงานข้ามสายจึงไม่สามารถให้งานนายวีได้เยอะ หรือให้ความรับผิดชอบที่มากขึ้นได้
ผลก็คือ นายวีทำงานสบ๊าย สบาย มีเวลาว่างนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตได้เป็นชั่วโมง คุยโทรศัพท์จองโรงแรม จองที่พักเตรียมเที่ยวได้ทั้งวี่ทั้งวัน ขณะที่คนอื่นทำงานงกๆ ด้วยความวุ่นวายตามสไตล์แผนกผม
เวลาผ่านไป สรุปนิสัยใจคอโดยรวมๆ ของนายคนนี้ว่า เป็นคนสร้างกระแส เรียกร้องความสนใจ อะไรก็ได้ที่พอให้ตัวเองมีพื้นที่หยัดยืนในสังคม จะสร้างกระแสขึ้นมา และเป็นคนรักสบายจนเลยเถิดไม่รู้จักละอาย
ต่อมา บริษัทพาไปเที่ยวต่างจังหวัด ขณะที่กำลังรวบรวมรายชื่อคนที่จะไปอยู่ นายวีจะออกตัวสุดแรงว่า ไม่ไปๆๆ ทำให้มีคนคอยมาถาม และคอยคะยั้นคะยอให้นายวีไปเหอะๆๆ อืม....ไม่รู้หรอครับว่าฮีต้องการอัล ไล???
แล้วพอถึงวันไปเที่ยวนะครับ เปิดตัวเชียว ด้วยการเอารถส่วนตัวไป ขณะที่คนส่วนมาก ไปรถบัสที่บริษัทจ้างมา อันนี้ไม่ได้ว่าคนที่เอารถตัวเองไป เพราะก็มีอยู่หลายคน แต่วัตถุประสงค์ของคนอื่นมันเพื่อความสะดวกของตัวเอง แต่นี่ ไม่ใช่แน่ๆ
เอาล่ะ ผมไม่อยากจะหยุมหยิมกับเรื่องแค่นี้ มาเข้าเรื่องในเวลาต่อมาเลยละกัน
นายวีป่วยครับ ปวดท้องขณะกำลังทำงานอยู่ ต้องไปหาหมอกะทันหัน แล้วก็หยุดงานไปหลายวันเพราะอาการหนัก
ต่อมาทางพวกหัวหน้าในส่วนงานต่างๆ ของแผนก เรียกพนักงานที่เหลือมาคุยแบบเงียบๆ แจ้งข่าวว่านายวีป่วย เป็นมะเร็งระยะแรกๆ
ตรวจพบก้อนเนื้อร้ายในช่องท้อง ขอให้แต่ละส่วนงานช่วยๆ ดึงงานส่วนของนายวีไปทำบ้าง
และแล้ว พวกเราก็ต้องช่วยๆ แบ่งงานนายวีมาทำ มากบ้างน้อยบ้างถือว่าช่วยๆ กัน
ถามว่า ณ ตอนนั้นผมเชื่อมั้ย คงต้องบอกว่าเชื่อแค่ 40% ในส่วนที่เชื่อก็คือ เขาคงไม่เอาเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยมาเล่นหรอกมั้ง
ส่วนที่ไม่เชื่อ คือ รู้สึกว่าชีวิตการทำงานของนายนี่ “มาทางสบาย” เกินไป หลายเหตุการณ์แล้ว เข้าขั้น ประจวบเหมาะ
ขณะที่พวกเราทำงานของตัวเองและส่วนของนายวีไปบ้าง นายวีก็หยุดงานบ่อยๆ เพื่อไปรักษาตัว หมอนัดบ้าง มีหยุดยาวเป็นอาทิตย์ก็ช่วงผ่าตัดเนื้อร้ายบางส่วน ซึ่งไปนอนไกลถึง รพ. ศิริราช และบอกพวกเราว่าไม่ต้องไปเยี่ยมหรอก อย่าลำบาก ญาติๆ ไปเฝ้าอยู่แล้ว
พวกเราจึงไม่มีใครไป เพราะไกลจากที่ทำงานและที่พักของหลายๆ คน
พอถึงวันที่นายวีมาทำงาน ก็มีการเปิดเสื้อโชว์ผ้าปิดแผลที่ท้อง ให้พวกเราดู
การทำงานในวันต่อๆ มาก็สบายขึ้น มีน้องใหม่ที่รับเข้ามาคอยช่วยงาน รับงานในส่วนของนายวีไปทำ และบางส่วนก็ให้หัวหน้างานรับมาดูแลซะเอง และหัวหน้าก็ไม่ได้เพิ่มงานให้นายวีอีกเลยนับแต่นั้น
โคตรสบายครับ วันๆ มาทำงานก็นั่งเล่นแต่ Facebook เล่นเนตไปเรื่อย นั่งสั่งงานคนนั้นคนนี้ในส่วนงานตัวเอง ทำตัวเป็นหัวหน้าเสียเอง
หยุดบ่อย ลาบ่อยโดยมีคนที่เขาตีสนิทไว้ที่แผนกบุคคล คอยถือหางอีกทางหนึ่ง
วันดีคืนดี หัวหน้านายวีก็หลุดปากออกมาว่า นายวีบอกตนว่าจบเกียรตินิยม และคนอื่นในแผนกก็บอกว่า นายวีอ้างว่าตนจบตรีใบแรกที่ธรรมศาสตร์ ก่อนจะเรียนอีกใบที่มหาลัยเอกชนแห่งหนึ่งที่ว่า และตอนนี้กำลังเรียนโทที่เดิมคือที่ธรรมศาสตร์ตามที่สอบได้
โอ้ว โปรไฟล์แต่ละอย่างเลิศหรูดีจัง น่าเชิญไปออก Take Me Out Thailand
มีเสาร์นึง ฮีโผล่มาที่ออฟฟิศแวบนึง บอกว่ากำลังจะไปงานฟุตบอลประเพณี (เรียกซะเต็มยศ) แล้วฮีก็ออกไป
ขณะที่เด็กธรรมศาสตร์คนอื่นๆ ในบริษัท นั่งทำงานกันงกๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันนี้มีงานบอล
เรื่องของหรู แบรนด์เนมยังไม่จบนะครับ ใครมีอะไรซื้อของมาใหม่ๆ นายวีจะอวดตัวว่าไปซื้อมาแล้ว ไปดูมาบ้างแล้ว รุ่นนั้น รุ่นนี้ ที่ไหนบ้าง ทั้งไอโฟน นาฬิกา รถเก๋ง
แต่ก็ไม่มีใครได้เห็นของนายวีหรอก ออกตัวว่าซื้อให้พ่อ ให้แม่ ให้น้องใช้
สิทธิพิเศษเรื่องถัดมาของนายวีก็คือ ได้ลางานไปดูสถานที่รักษาตัวถึงเยอรมัน เพราะได้ข่าวว่าหมอดี และบ้านเขาเงินถึง จึงจะไปดูที่รักษาตัวที่นั่น
จริงๆ ลาบ่อยขนาดนี้ วันลาก็หมดแล้วล่ะ แต่ที่ได้ลาอีกก็เพราะป่วยเป็นโรคร้าย ใครๆ ก็เห็นใจ
ก่อนไป พี่แกก็สอบถามพี่ๆ น้องๆ ในแผนกว่าชอบสีอะไร จะซื้อกระเป๋าสีนั้นมาฝาก