ลุงโง่ ย้ายภูเขา เรื่องจริงก็มีอยู่ที่อินเดีย ด้วยเพราะความรักต่อภรรยา
เรื่อง ลุงโง่ ย้ายภูเขา เคยได้เรียบเรียงให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันเมื่อกันยายนปีที่แล้ว หลังจากนั้น ก็มีหลายเว็บคัดลอกไปคัดลอกมา ในที่สุดก็กลับมาที่โพสท์จังเหมือนเดิม แต่ตอนนั้นชื่อ mata ถูกเอาเอกไปเรียบร้อยแล้ว ฮ่าๆๆๆ แต่ก็ไม่เป็นไร
วันนี้ที่มานำเสนออีกครั้งเพราะ ได้ไปอ่านเจอในบทความหนึ่งของ oknation ว่ามีชายอินเดียที่มีการทำการย้ายภูเขาเพื่อตัดเส้นทางให้ร่นระยะทางสั้นขึ้น เป็นยังไงลองอ่านกันครับ ส่วนเพื่อนๆ ที่ยังไม่เคยอ่านเรื่องลุงโง่ ย้ายภูเขา ก็จะเกริ่นนำให้พอสังเขป ส่วนฉบับเต็ม ก็อ่านได้ตามลิ้งค์นี้นะครับ
ลุงโง่ ย้ายภูเขา https://board.postjung.com/706823.html
เรื่องมีอยู่ว่า มีชายชราคนหนึ่งอายุเกือบ ๙๐ ปี มีชื่อว่าอวี๋กง ชาวบ้านเรียกขานพ่อเฒ่าว่า ลุงโง่ บ้านของลุงโง่อยู่ทางเหนือของภูเขา ที่หน้าบ้านมีภูเขาไท่หังและภูเขา หวางอูสองลูกตั้งขวางอยู่ ทุกวันเดินเข้าเดินออกจะไปไหนก็จะต้องเดินอ้อมภูเขาที่ขวางหน้าบ้านนี้ ทำให้รู้สึกไม่สะดวกยิ่งนัก ดังนั้น ลุงโง่จึงตัดสินใจจะย้ายภูเขาทั้งสองลูกที่ขวางหน้าบ้านนี้ออกไปเสีย. และนับจากนั้นมา ลุงโง่ก็ตื่นแต่เช้า นำลูกๆ หลานๆ ช่วยกันขุดเจาะหินผาที่หน้าบ้านกันอย่างไม่หยุดมือ ตั้งใจจะย้ายภูเขาสองลูกนี้ให้พ้นไปให้ได้ อ่านต่อกันฉบับเต็มที่ฝากไว้ข้างบนนะครับ
เรื่องลุงโง่ ย้ายภูเขา ใครล่ะครับจะคิดว่าจะมีคนทำเช่นนั้นจริงๆ หากเกิดสภาพภูเขาขวางทางบ้านตัวเองกับจุดหมายปลายทาง แต่ก็มีขึ้นมาจนได้ครับ คุณลุงท่านนั้นอาศัยอยู่ที่ดินเดีย แต่ก็ไม่ได้ขนาดยกภูเขาให้หลีกทางหรอกนะครับ เพียงแต่แกแก้ปัญหาด้วยการเปิดช่องทางภูเขา ให้การเดินทางสะดวกเท่านั้น เรื่องเป็นมายังไงไปอ่านกันต่อครับ
คือ มีลุงโง่ตัวจริงของอินเดียผู้ที่ย้ายภูเขาได้สำเร็จด้วยตัวคนเดียว โดยขายแพะที่มีอยู่เพียง 5-6 ตัวของเขาเพื่อซื้อฆ้อน สิ่วและเชือก มาย้ายส่วนหนึ่งของทิวเขาหินที่สูงร่วม 7.6 เมตร เพื่อสร้างทางยาว 110 เมตรกว้าง 9.1 เมตรเพื่อไปยังเมืองใหญ่ ที่มีหมอ มีโรงพยาบาล
ที่เดิมใช้ระยะทางเดินอ้อมทิวเขาไปยาวถึง 73 กิโลเมตร แต่เมื่อสร้างทางผ่าภูเขาเข้าไปแล้วจะมีระยะทางเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้นโดยลุงโง่อินเดียคนนี้ต้องใช้เวลาถึง 22 ปี จึงสำเร็จครับ
ลุงคนนี้ ท่านชื่อคุณลุงดาสราช แมนจิ อาศัยอยู่ในหมู่บ้านกัลลอร์ อำเภอคยา จังหวัดมคธ รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย (ไม่ห่างจากพุทธคยาที่คนไทยชอบไปแสวงบุญเท่าไรนัก)
คุณลุงแมนจิเป็นลูกจ้างเขาทำนานะครับ ไม่มีที่ดินไปของตัวเอง และเป็นคนที่อยู่นอกวรรณะ คือ ไม่ใช่พวกกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร หรือแม้แต่จัณฑาลที่เป็นคนที่แต่งงานข้ามวรรณะ แบบว่าเป็นพวกที่ต่ำสุดของต่ำในสังคมอินเดีย ซึ่งมันสืบเนื่องมาจากประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม แม้รัฐธรรมนูญอินเดียประกาศยกเลิกการแบ่งชนชั้นวรรณะนี้ไปตั้งแต่ตั้งประเทศแล้ว แต่ในทางปฏิบัติก็ยังมีอยู่ทั่วไปในอินเดีย
คุณลุงแมนจิท่านรักภรรยาของท่านมาก ขณะที่ท่านไปรับจ้างทำนาอยู่ ภรรยาท่านก็ต้องปีนเขาไปหาน้ำ หาอาหารให้ท่านกินเวลากลับมาที่กระต๊อบ
(อาหารที่พวกคุณลุงแมนจิกินส่วนใหญ่ก็หาเอาในแถบที่อยู่อาศัยนั่นแหละ มีรากไม้ หอยทาก หรือหนูเป็นหลัก จึงเป็นที่รังเกียจของชาวอินเดียส่วนใหญ่)
ภรรยาของท่านพลาดตกเขาจนข้อเท้าหัก แต่ไม่สามารถไปโรงพยาบาลได้เพราะมันไกลเหลือเกิน จึงต้องรักษากันไปตามมีตามเกิด จึงเป็นแรงบันดาลใจให้คุณลุงแมนจิต้องการจะทะลายภูเขาเพื่อที่ให้คนหลังเขาทั้งหมดนี้ไม่ได้ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นภรรยาที่รักของตุณลุงอีก และในระหว่างช่วง 10 กว่าปีแรกของการทะลายภูเขานั้น ภรรยาของลุงก็เสียชีวิตลงโดยไม่สามารถเอาไปส่งไปรักษาโรงพยาบาลได้ ยิ่งทำให้คุณลุงแมนจิมีพลังมุมานะเพิ่มขี้นอีก ประกอบกับการทำงานทะลายภูเขาก็เริ่มเห็นรูปร่างขึ้นว่าอาจจะเป็นจริงได้ ชาวบ้านที่เคยหัวเราะเยาะและกล่าวหาเขาว่าบ้าก็เริ่มร่วมมือด้วย
การลงขันซื้อสิ่ว ค้อน พลั่ว เชือกและช่วยขนหินออกไปบ้าง แต่ลุงแมนจิ ก็ยังต้องทำงานอยู่คนเดียวอีก 12 ปี รวมเวลาทั้งหมด 22 ปี จาก พ.ศ.2502 ถึง พ.ศ.2524
ครับ! ผลงานของคุณลุงแมนจิ เป็นผลงานของอนุสรณ์แห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นความรักที่บริสุทธิ์ ที่คุณลุงแมนจิมีต่อภรรยาและได้เอ่อล้นออกมาเป็นความเมตตาต่อประชาชน แม้ว่าภรรยาของลุงแมนจิเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม แต่ลุงแมนจิก็ยังเดินหน้าทำงานที่มีเพียงชาวบ้านที่ชื่นชมในความรักอันบริสุทธิ์ของลุงแมนจิ โดยขนานนามท่านว่า "สาธุ จฮิ"
คุณลุงดาสราช แมนจิ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ.2550 ด้วยอายุประมาณ 73 ปี (ไม่รู้วันเดือนปีเกิดที่แน่นอน) โดยที่รัฐบาลแห่งรัฐพิหารทำได้เพียงจัดพิธีศพเทียบเท่าประมุขของรัฐให้เท่านั้น
สำหรับท่านที่เคารพ ผู้เดินทางไปแสวงบุญยังพุทธคยาแล้วน่าจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยือนถนนที่ผ่านช่องเขาด้วยมือทั้งสองของลุงแมนจิด้วย นื่องจากถนนนี้เป็นอนุสรณ์แห่งความรักความเมตตาที่ยิ่งใหญ่กว่าทัชมาฮาลเสียอีก แถมยังอยู่ในรัฐพิหารรัฐเดียวกันอีกด้วย
เป็นเรื่องราวดีๆ ที่อยากนำมาฝากให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันครับ...mata
เรียบเรียงโดย พรชัย สังเวียนวงศ์ (mata)
ขอบคุณภาพจาก