หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

การประท้วงเชิงสัญลักษณ์ (ที่โลกลืม)

โพสท์โดย ลูกสาวอบต
"ถึงแม้รูปแบบ “การป่วนทางวัฒนธรรม” จะมีข้อดีในแง่ของการดึงคนหนุ่มสาวเข้ามาร่วมขบวนการ แต่ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า “การป่วนทางวัฒนธรรม” ควรเป็นแค่วิธีการ ไม่ใช่เป้าหมายในตัวมันเอง
“การป่วนทางวัฒนธรรม” เป็นกิจกรรมของคนหนุ่มสาวชนชั้นกลางในเมือง ที่ต้องการระบายความคับข้องใจต่อการที่บรรษัทเข้ามาช่วงชิงพื้นที่สาธารณะไปหมด แ...ต่สำหรับคนชนบทหรือชนชั้นล่าง “การป่วนทางวัฒนธรรม” อาจไม่มีความหมายสำหรับคนเหล่านี้"
Culture Jamming การป่วนทางวัฒนธรรม 
ภัควดี ไม่มีนามสกุล
 
ผู้เขียนสะดุดตากับถ้อยคำของคุณภัควดี จากหน้าเฟซบุ๊คของเพื่อนคนหนึ่งในค่ำคืนที่ไม่มีอะไรทำมากนัก มันจึงกลายเป็นแรงบันดาลใจที่นึกย้อนไปถึงเรื่อง “การป่วนทางวัฒนธรรม-การประท้วงเชิงสัญลักษณ์” ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงในปัจจุบัน
อาจจะไม่มีหลักฐานอ้างอิง แต่ผู้เขียนรู้สึกเอาเองว่า “การประท้วงเชิงสัญลักษณ์” เริ่มถูกการบัญญัติให้เป็นคำที่สะดุดหูขึ้นมา ในยุคของกระแสการทวนกระแสเป็นกระแสหลักของปัญญาชนไทย พร้อมกับศัพท์ต่างๆ ที่ไหลบ่ามาในยุคเดียวกัน อาทิ อารยะขัดขืน, ประชาธิปไตยทางตรง, คนตัวเล็กๆ, เปลี่ยนโลกด้วยมือเรา, ทุนนิยมสามานย์, พลังของคนชายขอบ, การเมืองใหม่, พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นต้น
โดยศัพท์แสงเหล่านี้ถูกหยิบมาใช้ในยุคที่ประเทศไทยมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นมากที่สุดในยุคหนึ่งนั่นก็คือในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย ซึ่งศัพท์ต่างๆ ที่ได้ยกขึ้นมานั้นก็อยู่ในหมวดการต่อต้านรัฐบาลพรรคไทยรักไทยเช่นกัน
 

การประท้วงเชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มต่อต้าน FTA ไทย-สหรัฐ ที่จังหวัดเชียงใหม่ก่อนรับประหาร ได้รับการกล่าวขวัญและยกย่องในหมู่ของปัญญาชนและชนชั้นกลางพอสมควร หลังจากนั้นกลุ่มต้าน FTA มาอีกครั้ง คราวนี้กลับมาต้านข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) แต่ต้านไม่ได้ จึงพากันกราบกรานศาลหลักเมือง-เผาบัญชีหนังหมาสาปแช่ง แสดงให้เห็นถึงการย้อนไปหาภูมิปัญญาดึกดำบรรพ์ในการต่อต้านกับกระแสโลกาภิวัฒน์ได้อย่างชัดเจน

“ธนาวุฒิ คลิ้งเชื้อ” เผาตัวตายประท้วงรัฐบาลชาติชาย
ธนาวุฒิ คลิ้งเชื้อ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยรามคำแหง เคยทำมาก่อน และทำสำเร็จ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2533 โดยเขาใช้น้ำมันเบนซินราดและจุดไฟเผาตัวเอง ที่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ต่อหน้าเพื่อนนักศึกษา ประชาชน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระหว่างการชุมนุมครบรอบ 14 ตุลา 2516 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ลาออก
หลังการเสียชีวิตของเขามีความพยายามจาก พล.อ.ชาติชาย ที่จะมอบเงิน 1 ล้านบาท เพื่อตั้งมูลนิธิ "ธนาวุฒิ คลิ้งเชื้อ" ท่ามกลางเสียงคัดค้านของนักกิจกรรม จากนั้นในปี 2534 จึงมีการรัฐประหารโดยคณะทหารในนาม คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ซึ่งเป็นชนวนเหตุของการนองเลือดเดือนพฤษภา 2535
 
 
 
 
“ฉลาด วรฉัตร” ผู้เกิดก่อนกาล  สบายๆ สไตล์ “ฉลาด วรฉัตร”
ในช่วงพฤษภา 2535 การอดข้าวและการนำม็อบของ พลตรีจำลอง ศรีเมือง กลายเป็นไฮไลท์สำคัญที่บดบังส่วนประกอบอื่นของเหตุการณ์ครั้งนั้นไปเสียสิ้น แต่ในเหตุการณ์นั้นก็ยังมี “ฉลาด วรฉัตร” ปูชนีย์นักอารยะขัดขืนไทยที่ยังมีลมหายใจอยู่ ผู้เกิดก่อนกาลก่อนที่กระแสการยอมรับนับถือ “นักอารยะขัดขืนแบบตะวันตก” จะแพร่หลายมายังหมู่ปัญญาชนชนชั้นกลางไทย ร่วมแจมอดข้าวประท้วงด้วย (วีรกรรมของฉลาดมีมาก่อนหน้านั้น ปี 2523 อดข้าวประท้วงรัฐบาล พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ กรณีน้ำมันขาดแคลน รวม 36 ชั่วโม ปี 2526 อดข้าวประท้วงรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ข้าราชการเป็นนายก)
และก่อนที่จะมีรัฐธรรมนูญ 2540 ฉลาดเคยประกาศอดข้าวจนตายซึ่งถือเป็นแรงกดดันที่สำคัญ กระทั่งนายมารุต บุนนาค ประธานสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้นตั้ง นพ.ประเวศ วสี เป็นตั้งกรรมการและสร้างกติการัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งตอนแรกนักการเมืองไม่เอาด้วย แต่สุดท้ายเกิดการขับเคลื่อนจากภาคสังคมทำให้รัฐบาลของนายบรรหาร ศิลปอาชา

 

ลุง “สุรินทร์ สุรินทร์ก้อน” สู้กับอุทยาน

เดือนเมษายนปี 2539 นายสุรินทร์ สุรินทร์ก้อน ชาวบ้าน จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยเพื่อนร่วมอุดมการณ์อีก 8 คน เดินทางมาทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกเขตอุทยานเขาแหลม ซึ่งทับที่ทำกินของชาวบ้าน โดยใช้วิธีกรีดเลือดเขียนคำร้อง นอกจากนี้ลุงสุรินทร์ได้ใช้น้ำมันเบนซินราดตัวและเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหา (แต่ยังไม่มีการเผาตัวจริงๆ) ปี 2540 ลุงสุรินทร์กลับมาปีนต้นไม้ขู่ตัดนิ้วก้อยเพื่อเอาเลือดมาเขียนหนังสือประท้วงรัฐบาล ครั้งนี้ตัดนิ้วก้อยจริง แต่ถูกนำส่งโรงพยาบาลต่อนิ้วและยังใช้ได้ครบ 5 นิ้วเหมือนเดิม จากนั้นในปี 2543 ลุงสุรินทร์กลับมาอีกครั้ง ด้วยการประท้วงเชิงสัญลักษณ์ปีนต้นโพธิ์หน้าทำเนียบรัฐบาล ถือมีดยาว 1 ฟุตขู่ตัดนิ้วตัดแขนหากไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ถูกเกลี้ยกล่อมจนยอมลงมาจากต้นโพธิ์ 

 

"บาลทิพย์" ครอบครัวอารยะขัดขืน

ในเดือนเมษายนปี 2541 นายพรหมเนตร บาลทิพย์ พื้นเพเดิมเป็นชาว จ.พัทลุง ได้จูงลูกชายวัย 4 ขวบ เดินประท้วงถือป้ายซึ่งมีข้อความว่า “รับจ้างทำงานทั่วไป” แห่ไปรอบตัวเมืองหาดใหญ่ โดยตั้งต้นการเดินของานทำที่หน้า สนง.ประชาสัมพันธ์เขต 6 ถือป้ายของานทำไปตามถนนสายสำคัญ ๆ ของอำเภอหาดใหญ่ เพื่อจะของานทำ หลังจากที่นายพรหมเนตรและภรรยาตกงานมานานกว่า 3 เดือน จนครอบครัวไม่มีเงินที่จะมาซื้อข้าวปลาอาหารรับประทาน และยังมาถูกเจ้าของบ้านเช่าไล่ที่อีก เพราะว่าไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน 

 

ราดเอง เหม็นเอง

เดือนสิงหาคม 2544 นายช่วย คชสิทธิ์ ชาว จ.กาญจนบุรี เป็นแกนนำชาวบ้านประมาณ 100 คน มาชุมนุมประท้วงที่บริเวณหน้าธนาคารออมสิน สาขาท่าม่วง เพื่อร้องขอเงินกองทุนคืน โดยผู้ชุมนุมเปิดปราศรัยโจมตีธนาคารออมสินอย่างเผ็ดร้อน พร้อมกันนั้น นายช่วย แกนนำได้นำถุงอุจจาระขนาดใหญ่ไว้บนหัวสร้างความสงสัยแก่ประชาชนที่ผ่านไปมา (ลุงช่วยระบุว่าได้อุจจาระใส่หม้อเก็บไว้นานกว่า 7 วันเพื่อให้ได้ปริมาณมากพอ) และก็คาดการณ์คิดไปกันว่า “เหยื่อ” ของอุจจาระถุงนี้ คงจะเป็นผู้บริหารคนใดคนหนึ่งของธนาคารออมสินแน่ๆ

ขี้หมูราดตัว

เดือนสิงหาคม ปี 2544 เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูในโครงการของ ธกส.จำนวนหนึ่ง ชุมนุมหน้าศาลากลางจ.นครปฐม เพื่อเรียกร้องให้ทางการเข้ามาช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนที่ได้รับจากการเข้าร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ในโครงการส่งเสริมการเลี้ยงหมูเพื่อการส่งออกโดยในระหว่างการชุมนุมประท้วง นางจำลอง สุขศรี ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันให้ผู้ที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการเลี้ยงสุกรเพื่อการส่งออกรายหนึ่ง ที่กู้เงินจาก ธกส.มาเพียง 2.7 แสนบาท แต่ยอดหนี้ที่ได้รับแจ้งจาก ธกส.กลับมีสูงถึง 1.4 ล้านบาท ได้ใช้ขี้หมูที่เตรียมมาราดบนตัวพร้อมประกาศว่าจะขอความเป็นธรรมกับรัฐบาลในเรื่องนี้ด้วย 

 

"ลิ่วล้อทักษิณ" ผู้เห็นแววตา "อนาคิน"

ของ "สุรพล นิติไกรพจน์" ในเดือน มีนาคม 2549 ก่อนการรับประหารไม่กี่เดือน ในขณะที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกมาประท้วงขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกมาเสนอเรื่อง มาตรา 7 ทำให้กลุ่ม “คาราวานคนจน” กลุ่มคนยากจนผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ กลุ่มแรกที่ออกมาปกป้องประชาธิปไตย จากภาคเหนือและภาคอีสาน กว่า 500 คน เดินทางมาประท้วงนายสุรพล ด้วยการโกนหัวจำนวน 72 คน เนื่องจากเห็นว่าเป็นความเห็นที่ขัดต่อครรลองของระบอบประชาธิปไตยอีกทั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงด้านการเมืองการปกครอง ควรแสดงความสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากระบอบประชาธิปไตย 

การประท้วงเชิงสัญลักษณ์อันฉับพลันหลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549
 
หลังการทำรัฐประหาร 19 กันยาได้ไม่กี่ชั่วโมง ในขณะที่นักการเมืองฝ่ายไทยรักไทยกำลังหนีหัวซุกหัวซุนส่วนปัญญาชนผู้สนับสนุนประชาธิปไตยก็ยังคงกำลัง “ถกเถียง-วิเคราะห์สถานการณ์” กันอยู่นั้น “ทวี ไกรคุปต์” อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเจ้าเก่า “ฉลาด วรฉัตร” ได้ลงมือปฏิบัติการณ์ท้าทายซึ่งหน้า (direct action?) ท้าทายคณะทหารอย่างฉับพลัน ด้วยการออกมาประท้วงที่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บริเวณถนนราชดำเนิน เป็นกลุ่มแรก
โดยทวีนั้นได้กางป้ายขนาดใหญ่สองป้ายระบุว่า “กระผม นายทวี ไกรคุปต์ ขออดข้าวประท้วงผู้ที่ล้มล้างประชาธิปไตยทำให้บ้านเมืองถอยหลัง และแตกแยก” ส่วนฉลาดกับผู้ติดตามอีกจำนวน 2-3 คนได้ปูเสื่อนั่งอยู่ที่บริเวณฐานของอนุสาวรีย์ฯ โดยกล่าวกับสื่อมวลชนว่าหากไม่ต้องการให้ตนนั่งก็ให้จับตนไปขังคุกจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง – และเป็นไปตามคาด ไม่นานนักคนทั้งคู่ก็ได้รับการเชิญตัวจากคณะทหารอย่างฉับพลันเช่นกัน
โดยหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งได้โปรยข่าวนี้ไว้อย่างน่ารักน่าชังว่า..
“ฉลาด วรฉัตร-ทวี ไกรคุปต์” ยังไม่สำนึก เดินหน้าเชลียร์ต่อ ตะแบงรักษาประชาธิปไตยนั่งประท้วงคณะปฏิรูปการปกครองฯ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ก่อนถูกทหารเชิญตัวไปพูดคุย”
 
 

เผาตัวไล่ประธาน “ยุทธ ตู้เย็น”

เดือนมีนาคม ปี 2551นายแมน ตรวจมรรคา ได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาจอดริมทางหน้ารัฐสภา จากนั้นเขาได้ถอดเสื้อและกางเกงออกจนเหลือแต่กางเกงในตัวเดียวแล้วตะโกนด่ารัฐบาล และขอให้ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานรัฐสภาในขณะนั้นลาออกไป พอสิ้นเสียงนายแมนจึงยกขวดน้ำมันเทราดตัวเองจนชุ่มก่อนจะจุดไฟแช็กเผาร่างตัวเองทันที นายแมนได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา เหตุการณ์นี้ผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถาม ร.ต. ฉลาด วรฉัตร ซึ่งนั่งประท้วงอยู่บริเวณตรงข้ามหน้ารัฐสภา ได้ความว่า เห็นนายแมน ซึ่งมักชอบมาบริเวณนี้เป็นประจำ เดินไปมาและพูดจาต่างๆ นานา จับใจความไม่ได้ จึงไม่ได้สนใจ จนกระทั่งมีคนมาบอกว่านายแมนเผาตัวเองโดยไม่ทราบสาเหตุ เพื่อนร่วมงานของแมนกล่าวว่า บางวันแมนจะขี่รถจักรยานยนต์มาจอด ขึ้นไปยืนบนรถแล้วเป่านกหวีดให้รถคันอื่นหยุด ชอบแต่งกายคล้ายทหาร และชอบขับรถไปที่รัฐสภาตะโกนด่านักการเมืองและคณะปฏิวัติคณะต่างๆ รวมทั้งเคยตะโกนขับไล่พล.อ.สุจินดา อาการทางประสาทมักจะกำเริบทุกวันพระ แต่ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อผู้ใด

 

ไม่ต้องจ้าง กูอยากปา (1)

เดือนกุมพาพันธ์ ปี 2553 วิวิทวิน เตียวสวัสดิ์ พ่อค้าเนื้อหมูย่านลาดพร้าว ใช้อุจาระโจมตีบ้านนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผลแห่งการขัดขืนอารยะของเขา ศาลแขวงพระนครใต้ได้สั่งพิพากษาจำคุก 10 วัน แต่คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 5 วัน เนื่องจากจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนจึงให้เปลี่ยนจากโทษจำคุกเป็นกักขังแทน 5 วัน (ถูกนำตัวไปนอนเล่นที่ สน.ทองหล่อ เป็นเวลา 5 วัน) ก่อนก่อเหตุวิวิทวินเคยร้องเรียนเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าข้างบ้านได้สูบบุหรี่แล้วควันบุหรี่ไปโดนลูก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ดำเนินการให้ จึงไปร้องเรียนกับทาง น.1 ว่าให้ดำเนินการในเรื่องนี้ให้ แต่ไม่เห็นตำรวจดำเนินการ ก็เลยกล่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าถ้าหากว่าไม่ดำเนินการให้จะไปปาอุจจาระใส่บ้านนายกรัฐมนตรี และเขาก็ได้ปฏิบัติตามคำพูดทุกประการ

 

ไม่ต้องจ้าง กูอยากปา (2)

ต้นเดือนมีนาคม ปี 2553 สุรชัย เกิดดี อดีตพนักงานขับรถธนาคารทหารไทย บุกปาอุจจาระที่พรรคประชาธิปัตย์ ก่อนจะยืนนิ่งอหิงสาให้ตำรวจจับนำตัวไปสอบสวน โดยทิ้งประโยคเด็ดไว้กับผู้สื่อข่าวว่า "ผมมีสิทธิ์ไม่ตอบ เป็นลูกผู้ชายพอ ทำแล้วไม่หนี" โดยสาเหตุการประท้วงครั้งนี้ของสุรชัย เขาให้สาเหตุว่า เนื่องมาจากเกิดความเครียดที่มีสัญญาณคลื่นในอากาศมารบกวน ทำให้เกิดอาการปวดหัวและเครียดอย่างหนัก เคยร้องเรียนกับพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2541 แต่เรื่องดังกล่าวก็นิ่งเงียบไป โดยสุรชัยระบุว่าคนที่เป็นเหมือนตนที่ถูกคลื่นสัญญาณรบกวนคือ น.ส.จิตรลดา ตันติวณิชยสุข พกอาวุธมีดไล่แทงนักเรียนหญิงที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ลูกสาวอบต's profile


โพสท์โดย: ลูกสาวอบต
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
36 VOTES (4/5 จาก 9 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
กทม.แนะนำ อย่าอยู่กลางแจ้งเด็ดขาดiPhone รุ่นประหยัดมาแล้ว!รวมภาพความฮา แบบสร้างสรรค์ ของคนเขมร กับ นักท่องเที่ยวกับรูปปั้นม้าน้ำอันโด่งดังในโลกโซเชียลตอนนี้ไปซื้อน้ำแข็งแต่สิ่งที่ได้มาด้วยคือเจ้าตัวนี้ใบไม้เดินได้ เคยเห็นไหมชาวลาวไม่ทน! หลังหนุ่มจีนโพสทิ้งเงินกีบลงในถังขยะ ทำคนลาวถึงกับไม่พอใจ?นักร้องดังชาวมะกัน "มันดิซ่า" เสียชีวิตแล้ว!!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ใบไม้เดินได้ เคยเห็นไหมของในร้านนี้หยิบได้ฟรีทุกชิ้นiPhone รุ่นประหยัดมาแล้ว!ต้าวสาบ..น่าร๊าคอ่า!
ตั้งกระทู้ใหม่