ก่อนที่การเปิดตัวของ Nexus 5 สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ตระกูล Nexus จะมาถึง เรามาดูกันสักหน่อยว่าในตลาดมือถือตอนนี้ สมาร์ทโฟนรุ่นท๊อปตัวไหนน่าสนใจและเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ของผู้บริโภคที่ต้องการแสวงหาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาอยู่บนมือของคุณ โดยมือถือรุ่นที่เรานำมาเปรียบเทียบนั้นมีทั้งหมด 6 รุ่น ทั้งหมดมีวางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย (29/10/2013) ได้แก่ iPhone 5s, iPhone 5c, Samsung Galaxy Note 3,LG G2, Sony Xperia Z1, Nokia Lumiaef="http://postjung.com/search.php?q=Lumia" target="_blank">Lumia 1020

 

การเปรียบเทียบที่นำมาเสนอจะเป็นการเปรียบเทียบสเปกแบบจับคู่เทียบกัน และนำเสนอเหตุผลที่น่าสนใจของแต่ละรุ่นมาให้ชม โดยใช้วิธีจับสลากสุ่มเลือกคู่

คลิกที่รูปเพื่อดูภาพรายละเอียดสเปกขนาดเต็ม หรือเข้าไปที่http://www.siamphone.com/search/compare.php?id_list=5080,5079,5071,5072,5019,4989

ผลการสุ่มจับคู่เปรียบเทียบสเปก

คู่ที่ 1. iPhone 5s vs Samsung Galaxy Note 3
คู่ที่ 2. iPhone 5c vs Sony Xperia Z1
คู่ที่ 3. LG G2 vs Nokia Lumiaef="http://postjung.com/search.php?q=Lumia" target="_blank">Lumia 1020

คู่ที่ 1. iPhone 5s vs Samsung Galaxy Note 3

เหตุผล 8 ข้อที่ควรเลือก iPhone 5s

เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

iPhone 5s เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่มาพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ โดยกลไกต่างๆ ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ปุ่ม Home ที่คุ้นเคย ซึ่งระบบสแกนลายนิ้วมือสามารถช่วยรักษาความปลอดภัยข้อมูลผู้ใช้งานโดยถูกนำมาใช้เป็นวิธีปลดล็อคเครื่อง

มีปุ่มชัตเตอร์กล้อง

ปุ่มชัตเตอร์กล้องในตัวช่วยให้ถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น

dual-LED Flash

แฟลชคู่สามารถให้ความสว่างมากกว่าแฟลชตัวเดียว

โฟกัสวัตถุระยะใกล้ได้ดีกว่า

สามารถโฟกัสวัตถุในระยะใกล้ 123.8 มิลลิเมตร เทียบกับ Note 3 ที่ 151 มิลลิเมตร แล้วโฟกัสในระยะใกล้ได้ดีกว่า 27.2 มิลลิเมตร

ปรับค่าการวัดแสงของกล้องตามจุดโฟกัสได้แบบแมนนวล

ผู้ใช้งานกล้องของ iPhone 5s สามารถปรับค่าการวัดแสงตามจุดที่เลือกโฟกัส

มีไมโครโฟนในตัวมากกว่า (3 ตัว vs 2 ตัว)

ไมโครโฟนที่อยู่ในเครื่อง 3 ตัวช่วยให้สามารถรับสัญญาณเสียงได้คมชัดและมีความสามารถในการกรองเสียงรบกวนได้ดี

ตัวเครื่องบางกว่า

iPhone 5s บางเพียง 7.6 มิลลิเมตร ขณะที่ Samsung Galaxy Note 3 บาง 8.3 มิลลิเมตร

น้ำหนักเบากว่า

iPhone 5s มีน้ำหนัก 112 กรัม ขณะที่ Note 3 หนัก 168 กรัม

เหตุผล 14 ข้อที่ควรเลือก Samsung Galaxy Note 3

มีปากกา S Pen และฟังก์ชั่นที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานบนหน้าจอสัมผัสโดยเฉพาะ

ปากกา S Pen มาพร้อมระบบ Air Command ซึ่งพัฒนาฟีเจอร์ของปากกา S-Pen ให้สามารถใช้ได้หลากหลายมากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ชอบวาดเขียนบนหน้าจอ

จอใหญ่กว่า

Note 3 มีจอ 5.7 นิ้ว ขณะที่ iPhone 5s มีจอ 4 นิ้ว (ต่างกัน 42.5%)

ความหนาแน่นพิกเซลบนจอแสดงผลมากกว่า

ความหนาแน่นพิกเซล 388PPI ของ Note 3 เทียบกับ 326PPI ของ iPhone 5s แล้วมากกว่า 19.02% ช่วยให้หน้าจอแสดงผลภาพความละเอียดสูงได้คมชัด

ความละเอียดพิกเซลบนหน้าจอแสดงผลมากกว่า

Note 3 มีความละเอียด Full HD 1920x1080 พิกเซล ขณะที่ iPhone 5s มีความละเอียด 1136x640 พิกเซล (ต่างกัน 2.85เท่า)

RAM เยอะกว่า

Note 3 มี RAM มาให้ถึง 3GB ขณะที่ iPhone 5s มี RAM 1GB

ความจุแบตเตอรี่เยอะกว่า

Note 3 มีแบตเตอรี่ความจุสูง 3200mAh เทียบกับ iPhone 5s (1570mAh) แล้วเยอะกว่าถึงสองเท่า

แบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้

ในกรณีที่แบตเตอรี่เสื่อมหรือต้องการใช้แบตเตอรี่สำรองทดแทนก็สามารถถอดเปลี่ยนได้ทันที

รองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอก microSD card

สามารถขยายพื้นที่เก็บข้อมูลหรือโอนถ่ายข้อมูลจากการ์ดหน่วยความจำได้อย่างรวดเร็ว

กระจกครอบทับหน้าจอ Corning Gorilla Glass

กระจกหน้าจอมีความทนทานและช่วยลดโอกาสในการแตกหักของหน้าจอเนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการใช้งานทั่วไป

กล้องหน้ามีจำนวนพิกเซลมากกว่า

กล้องหน้า Note 3 มีจำนวนพิกเซล 2 ล้านพิกเซล มากกว่า iPhone 5s (1.2 ล้านพิกเซล) อยู่ 1.67เท่า (เทียบเฉพาะจำนวนพิกเซลไม่เกี่ยวข้องกับความคมชัดของภาพถ่าย)

กล้องหลังมีจำนวนพิกเซลมากกว่า

กล้องหลัง Note 3 มีจำนวนพิกเซล 13 ล้านพิกเซล มากกว่า iPhone 5s (8 ล้านพิกเซล) อยู่ 1.63เท่า (เทียบเฉพาะจำนวนพิกเซลไม่เกี่ยวข้องกับความคมชัดของภาพถ่าย)

ระบบป้องกันภาพสั่น (OIS)

มี Optical Image Stablization ในตัวซึ่งใช้เซ็นเซอร์วัดการทรงตัวมาตรวจจับการสั่นสะเทือนของกล้อง พร้อมทั้งขยับชุดเลนส์ไปทิศตรงข้ามเพื่อให้ภาพที่ออกมามีความนิ่งและไม่เกิดอาการเบลอเนื่องมาจากการสั่นไหวของมือผู้ใช้งาน

มีลำโพงระบบเสียงสเตอริโอ

ช่วยให้สามารถเข้าถึงประสบการณ์ความบันเทิงได้ดียิ่งขึ้นพร้อมระบบเสียงที่คมชัดรอบทิศทางผู้ใช้งาน

รองรับ NFC

รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายระยะใกล้ (Near Field Communication) ช่วยให้การทำธุรกรรมหรือการโอนถ่ายข้อมูลระหว่างอุปกรณ์อื่นสะดวกยิ่งขึ้น

 คู่ที่ 2. iPhone 5c vs Sony Xperia Z1

เหตุผล 4 ข้อที่ควรเลือก iPhone 5c

ตัวเครื่องมีให้เลือกหลากสีมากกว่า

iPhone 5c มีให้เลือกทั้งในแบบ สีขาว, สีเขียว, สีเหลือง, สีชมพู และสีฟ้า

จอ IPS display

จอ IPS ใน iPhone 5c มีข้อดีตรงที่ถูกออกแบบมาเพื่อเอาชนะข้อจำกัดจอแบบ TFT ที่มีช่วงเวลาตอบสนองที่ช้ากว่าและมีมุมมองการแสดงผลที่แคบกว่า รวมถึงมีคุณภาพสีน้อยกว่าด้วย

มีไมโครโฟนในตัวมากกว่า (3 ตัว vs 2 ตัว)

ไมโครโฟนที่อยู่ในเครื่อง 3 ตัวช่วยให้สามารถรับสัญญาณเสียงได้คมชัดและมีความสามารถในการกรองเสียง รบกวนได้ดี

น้ำหนักเบากว่า

iPhone 5c มีน้ำหนัก 132 กรัม ขณะที่ Xperia Z1 หนัก 169 กรัม

เหตุผล 10 ข้อที่ควรเลือก Sony Xperia Z1

กันน้ำกันฝุ่น

มีคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่น สามารถกันน้ำได้ลึก 1 เมตรภายในเวลา 30 นาที และสามารถถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอใต้น้ำได้ด้วย

ความจุแบตเตอรี่เยอะกว่า

Xperia Z1 มีแบตเตอรี่ความจุสูง 3050mAh เทียบกับ iPhone 5c (1510mAh) แล้วเยอะกว่าถึงสองเท่า

รองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอก microSD card

สามารถขยายพื้นที่เก็บข้อมูลหรือโอนถ่ายข้อมูลจากการ์ดหน่วยความจำได้อย่างรวดเร็ว

RAM เยอะกว่า

Xperia Z1 มี RAM มาให้ 2GB ขณะที่ iPhone 5c มี RAM 1GB

จอใหญ่กว่า

Xperia Z1 มีจอ 5 นิ้ว ขณะที่ iPhone 5c มีจอ 4 นิ้ว (ต่างกัน 25%)

ความหนาแน่นพิกเซลบนจอแสดงผลมากกว่า

ความหนาแน่นพิกเซลบนจอแสดงผลของ Xperia Z1 อยู่ที่ 441PPI เทียบกับ 326PPI ของ iPhone 5c แล้วมากกว่า 35.28% ช่วยให้หน้าจอแสดงผลภาพความละเอียดสูงได้คมชัด

ความละเอียดพิกเซลบนหน้าจอแสดงผลมากกว่า

Xperia Z1 มีความละเอียดหน้าจอระดับ Full HD 1920x1080 พิกเซล ขณะที่ iPhone 5c มีความละเอียด 1136x640 พิกเซล (ต่างกัน 2.85เท่า)

ตัวเครื่องบางกว่าเล็กน้อย

Xperia Z1 บางเพียง 8.5 มิลลิเมตร ขณะที่ iPhone 5c บาง 8.97 มิลลิเมตร (แทบจะไม่รู้สึกต่างกัน)

กล้องหน้ามีจำนวนพิกเซลมากกว่า

กล้องหน้า Xperia Z1 มีจำนวนพิกเซล 2 ล้านพิกเซล มากกว่า iPhone 5c  (1.2 ล้านพิกเซล) อยู่ 1.67เท่า (เทียบเฉพาะจำนวนพิกเซลไม่เกี่ยวข้องกับความคมชัดของภาพถ่าย)

กล้องหลังมีจำนวนพิกเซลมากกว่า

กล้องหลัง Xperia Z1 มีจำนวนพิกเซล 20.7 ล้านพิกเซล มากกว่า iPhone 5c (8 ล้านพิกเซล) อยู่ 2.59เท่า (เทียบเฉพาะจำนวนพิกเซลไม่เกี่ยวข้องกับความคมชัดของภาพถ่าย)

คู่ที่ 3. LG G2 vs Nokia Lumiaef="http://postjung.com/search.php?q=Lumia" target="_blank">Lumia 1020

เหตุผล 10 ข้อที่ควรเลือก LG G2

ปุ่มกดต่างๆ อยู่ด้านหลัง (Rear Key)

ปุ่มกดทั้งหมดถูกออกแบบให้อยู่ด้านหลังเครื่อง เพื่อความสะดวกในการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ด้วยมือเดียว

แอพฯ เยอะกว่า

มีแอพฯ ให้ดาวน์โหลดไปใช้งานเยอะกว่ามาก (1,000,000 แอพ vs 165,000 แอพ) ต่างกัน 6 เท่า

ความจุแบตเตอรี่เยอะกว่า

LG G2 มีแบตเตอรี่ความจุสูง 3000mAh เทียบกับ Nokia Lumiaef="http://postjung.com/search.php?q=Lumia" target="_blank">Lumia 1020 (2000mAh) แล้วเยอะกว่าถึงสองเท่า

กล้องหน้ามีจำนวนพิกเซลมากกว่า

กล้องหน้า LG G2 มีจำนวนพิกเซล 2.1 ล้านพิกเซล มากกว่า Nokia Lumiaef="http://postjung.com/search.php?q=Lumia" target="_blank">Lumia 1020  (1.2 ล้านพิกเซล) อยู่ 1.75เท่า (เทียบเฉพาะจำนวนพิกเซลไม่เกี่ยวข้องกับความคมชัดของภาพถ่าย)

จอใหญ่กว่า

LG G2 มีจอ 5.2 นิ้ว ขณะที่ Nokia Lumiaef="http://postjung.com/search.php?q=Lumia" target="_blank">Lumia 1020 มีจอ 4.5 นิ้ว (ต่างกัน 15.56%)

ความหนาแน่นพิกเซลบนจอแสดงผลมากกว่า

423PPI เทียบกับ 334PPI ของ Nokia Lumiaef="http://postjung.com/search.php?q=Lumia" target="_blank">Lumia 1020 แล้วมากกว่า 26.65% ช่วยให้หน้าจอแสดงผลภาพความละเอียดสูงได้คมชัดกว่า

ความละเอียดพิกเซลบนหน้าจอแสดงผลมากกว่า

LG G2 มีความละเอียดระดับ Full HD 1920x1080 พิกเซล ขณะที่ Nokia Lumiaef="http://postjung.com/search.php?q=Lumia" target="_blank">Lumia 1020 มีความละเอียด 1280x768 พิกเซล

ตัวเครื่องบางกว่า

LG G2 หนาเพียง 8.9 มิลลิเมตร ขณะที่ Nokia Lumiaef="http://postjung.com/search.php?q=Lumia" target="_blank">Lumia 1020 หนา 10.4 มิลลิเมตร (ต่างกัน 1.5 มิลลิเมตร)

CPU แรงกว่า

LG G2 มี CPU แรงระดับ quad-core 2.26GHz ขณะที่ Nokia Lumiaef="http://postjung.com/search.php?q=Lumia" target="_blank">Lumia 1020  เป็น dual-core 1.5GHz

น้ำหนักเบากว่า

LG G2 มีน้ำหนัก 143 กรัม ขณะที่ Nokia Lumiaef="http://postjung.com/search.php?q=Lumia" target="_blank">Lumia 1020 หนัก 158 กรัม

เหตุผล 5 ข้อที่ควรเลือก Nokia Lumiaef="http://postjung.com/search.php?q=Lumia" target="_blank">Lumia 1020

กล้องถ่ายรูปความละเอียด 41 ล้านพิกเซล

เป็นสมาร์ทโฟนที่มีความละเอียดกล้องมากที่สุดในเวลานี้ โดยมาพร้อมเทคโนโลยี PureView ซึ่งช่วยให้เก็บรายละเอียดของภาพถ่ายได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

Loseless Zooming

สามารถซูมแบบความละเอียดสูง 3 เท่า โดยภาพที่ได้ยังคมชัด

เลนส์ Carl Zeiss 6 ชิ้น

เลนส์กล้องคุณภาพสูงจากผู้ผลิตเลนส์สำหรับกล้องถ่ายรูปชั้นนำ ประกอบกันถึง 6 ชิ้น ช่วยลดทอนการบิดเบือนของขอบภาพเมื่อถ่ายภาพในระยะใกล้

มีปุ่มชัตเตอร์กล้อง

ปุ่มชัตเตอร์กล้องในตัวช่วยให้ถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น

ฟังก์ชั่น Dual Capture

บันทึกภาพ 2 ขนาดออกมาพร้อมกันในการกดชัตเตอร์เพียงครั้งเดียว คือภาพความละเอียดสูง 38 ล้านพิกเซลสำหรับการปรับแต่งในภายหลัง และภาพขนาด 5 ล้านพิกเซลสำหรับแชร์บนโซเชียลเน็ตเวิร์ค

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเหล่านี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นที่นำมานำเสนอ ซึ่งการใช้งานจริงยังคงมีรายละเอียดอีกมากมายที่ไม่ได้ลงรายละเอียดไว้ ดังนั้นผู้สนใจสมาร์ทโฟนทั้ง 6 รุ่นควรศึกษารายละเอียดข้อมูลสเปกเบื้องต้นรวมถึงศึกษาข้อมูลการใช้งานเชิงลึกและสอบถามเกี่ยวกับฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ จากผู้จำหน่าย รวมทั้งหากมีโอกาสก็อย่าลืมทดลองเล่นก่อนตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นที่เหมาะสมและตอบโจทย์การทำงานของคุณมากที่สุด.

ที่มา siamphone.com