คานาสือ ดินแดนบริสุทธิ์แหล่งสุดท้ายบนพื้นโลก
www.tourtooktee.com/
ทะเลสาบคานาสือ ผมรู้สึกว่าสารแห่งความสุขหลั่งทั่วร่างกายตลอดเส้นทางที่อยู่ภายในอุทยาน แห่งชาติคานาส โดยเฉพาะจุดสุดยอดของเส้นทางสายนี้ ระหว่างเดินเท้าขึ้นสู่ "กวนหวีถิง" หรือยอด ฮาลา ไคเท่อ ซาน ในภาษามองโกล จุดชมวิววิวทะเลสาบคานาสือ บนความสูงระดับ 2,030 ม. จากระดับน้ำทะเล ทอดสายตามองเลยผ่านทะเลสาบสีครามเข้ม ผมเห็นยอดเขา "โหย่วอี้เฟิง" ต้นธารน้ำคานาสือฉาบด้วยหิมะสีขาวสะท้อนแสงตะวันระยับ แบ่งพรมแดน จีน-รัสเซียที่ระดับความสูง 4,374 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
ผมยืนลำพังเดียวดาย จ้องมองทิวทัศน์ข้างหน้า ผมบอกกับตัวเองว่าภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า สวยงามจนน่ามหัศจรรย์
ทะเลสาบคานาสือ หรือ คานาส เป็นอุทยานทางภูมิศาสตร์แห่งชาติมีขนาดพื้นที่ 2,200 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ใน อ.ปู่เออร์จิ้น ใจกลางเทือกเขา อาเอ่อร์ไท่ ซาน หรือ เทือกเขาอัลไต บนเส้นละติจูดที่ 48 องศาเหนือ มีต้นธารไหลมาจากธารน้ำแข็งที่หลอมละลายในปลายฤดูใบไม้ผลิ (ฤดูชุนเทียน)และฤดูร้อนบนยอดเขา โหยวอี้ เฟิง หรือยอดเขามิตรภาพ (Friendship Pek) ที่กั้นพรมแดนระหว่างจีนกับรัสเซีย ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือสุดเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์(เหวยหวู เอ่อร์)แห่งมณฑลซินเจียง
เห็นเรือแล่นสวนทางกันในทะเลสาบข้างล่างสองลำ โปรแกรมถัดไปของผมครับบ
มองใกล้อีกนิด ยอดเขาโหย่วอี้เฟิง ชายแดนจีน-รัสเซีย มองผ่านดงดอกไม้หลากหลายชนิด ที่เรียกรวมกันว่า "แหย่หมู่ตัน ฮวา"และทิวสนสวยงาม
ระหว่างทาง เดินขึ้นจุดชมวิว ผมพบมุมถ่ายภาพงามๆหลายมุม ภาพบางภาพ ทำให้เกิดมุมสงบขึ้นในจิตใจ ต้นสนเดียวดายตรงหน้า ทำให้บรรยากาศในภาพดูเหมือนเงียบๆอย่างงดงาม
ต้นไม้ที่ปกคลุมภูเขาริมทะเลสาบ ส่วนใหญ่จะเป็นต้นสนสูงใหญ่แบบป่าไทก้าไซบีเรีย สนเหล่านี้ พบในเฉพาะเขตเทือกเขาอันไตเท่านั้น
บนเส้นทาง ผมนึกถึงกวีบทหนึ่งของท่าน "ฮั่น ซาน" ซึ่งแปลโดย ท่าน " พจนา จันทรสันติ" ผมจินตนาการถึงบรรยากาศยามค่ำคืนต่อทัศนียภาพตรงหน้าของผม
"...ขุนเขายะเยือกเต็มไปด้วยทัศนียภาพอันประหลาดล้ำ
ผู้คนที่ขึ้นมาล้วนรู้สึกหวาดหวั่น
เมื่อจันทร์ทอแสง ผิวน้ำก็เปล่งประกายระยิบระยับ
เมื่อสายลมพัดผ่าน ใบไม้ใบหญ้าก็เกรียวไหว
เกล็ดหิมะดังดอกบ๊วยประดับอยู่บนกิ่งก้านเปล่าเปลือย
เมฆหมอกแทนที่พุ่มใบของต้นไม้โกร๋น
เมื่อสายฝนโปรยปราย ทั่วทั้งหุบเขาก็แวววับสุกใส
ในเมื่อยามอากาศสดใสเท่านั้นที่ท่านอาจปีนป่ายมาถึง"
กวีบทนี้เขียนมาเมื่อพันปีก่อน แต่ภาพความสวยงามยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง
ลมพัดโชยมา สัมผัสผิวของผมเอื่อยๆ ผมเดินขึ้นสลับกับหยุดพักถ่ายรูปเป็นช่วงๆ สูดกลิ่นของธรรมชาติจนชื่นปอด อากาศแสนบริสุทธิ์จริงๆครับบ
ช่วงเดือนนี้อากาศกำลังสบายๆมากๆครับบ ไม่ร้อน และไม่หนาวครับบ เดินชมธรรมชาติแสนสุขสบาย
ภูมิประเทศที่กำเนิดความสวยงามเช่นนี้ ผมคิดว่าถ้าเดินทางใกล้บ้านเราที่สุด ก็ในประเทศจีนนี่แหละครับบ สวยงามจริงๆ
มองไปอีกด้านหนึ่ง เห็นสายน้ำใหลไปสุดตา บนยอดเขาปกคลุมไปด้วยหิมะ
ทะเลสาบคานาสือ มองไปยังตอนใต้สุดของทะเลสาบ เห็นแม่น้ำ คาน่าซือ เหอ ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ใหลมาจากทะเลสาบไปจนสุดตา ผมใช้เวลาอยู่กับภาพความงามหลายๆมุมของทะเลสาบ ไม่สนใจเวลาในนาฬิกา อากาศยังเย็นสบายนัก...
มองไปสุดสายตาจนสายน้ำลับหายไปในร่องหลืบของภูเขา แม่น้ำสวยงามใหลลงจากทะเลสาบ ขนานคู่กับถนนที่นำนักท่องเที่ยวขึ้นมายังจุดชมวิว " กวน ยวี๋ ถิง" แห่งนี้
ลองหลับตานึกดู ... รอบตัวไกลๆ มีภูเขาหิมะแห่งเทือกเขาอัลไตล้อมรอบ ถัดใกล้เข้ามาเป็นทะเลสาบคานาสือที่ สวยงาม และใกล้ตัวที่สุดที่สามารถสัมผัสได้ เป็นทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม...เช่นนี้แล้ว ไม่เรียกว่าสวรรค์ ก็ไม่รู้ว่าจะเอาถ้อยคำใดมานิยามแล้ว
มองไปสุดปลายทะเลสาบ เห็นท่าเรือ ลงจากนี่แล้วผมต้องไปลงเรือที่นั่น เพื่อนั่งเรือชมทะเลสาบคานาสืออย่างใกล้ชิด เพื่อค้นหาปริศนาของทะเลสาบ...
คานาสือ
บันไดทางขึ้นจุดชมวิวสูงสุด เป็นบันได้ไม้ไปตลอดทาง สะดวกมากครับบ
จุดชมวิวสูง สุด ตัวศาลากำลังปรับปรุงอยู่ครับบ ตรงตำแหน่งสูงสุด หากได้ไปยืน จะมองเป็นทิวทัศน์ 360 องศา สวยงามเหลือเกิน ไม่รู้ว่าเกิดภาพหลอนหรืออย่างไร ผมเห็น สาวๆรัสเซียหน้าตาสวยงามน่ารัก กวักมือเรียกผมอยู่จากยอดเขาตรงหน้า ลังเลอยู่นานพอควรว่า จะเดินไปตามไหล่เขาให้ถึง หรือว่าจะว่ายน้ำลัดทะเลสาบไป แต่คิดไปคิดมาแล้ว เดินลงทางด้านหลัง ของยอดเขาจุดชมวิวนี้ดีกว่า ณ ที่ตรงนี้ ทางขึ้นจะเลียบทะเลสาบขึ้นมาตามบันไดไม้ แต่ตอนลง ต้องลงอีกทาง ซึ่งจะมีทิวทัศน์ที่สวยงามแตกต่างกันไป
ทางเดินลงด้านหลังของจุดชมวิว ฝั่งนี้มองเห็นทะเลสาบเป็นบางช่วง แต่วิวที่เห็นด้านนี้ คือทิวสนไทก้า ทอดยาวจรดภูเขาหิมะ เป็นระเบียบนัก
มองไปไกลสุดตา ผมเดินลงอย่างมีความสุข ธรรมชาติสวยงามเสมอนะครับบ
บางที รายละเอียดเล็กน้อยที่เกิดขึ้นบนหัวใจอันเนื่องมาจากการเดินทางยาวไกล ก็เป็นอาหารของต่อมความทรงจำด้านดี ให้เรามีความสุขอยู่สม่ำเสมอเวลานึกถึงขึ้นมา ผมมองทิวสนจนสุดตา มองครั้งนี้แม้ไม่เห็นสาวรัสเซียมายืนกวักมืออยู่ แต่คิดไปถึงจินตนาการของตัวเองเมื่อครู่ ก็อดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยไม่ได้...
มองป่า ดอกไม้ข้างหน้า ฉากหลังซ้อนกันสองฉาก ฉากแรกคือฉากของต้นสน ฉากหลังคือฉากของภูเขา สิ่งที่เห็นคือความยิ่งใหญ่เป็นภาพซ้อนของความสวยงาม ผมนั่งนิ่งนึก หากความซับซ้อนของหัวใจมนุษย์ เป็นความสวยงามเช่นภาพซ้อนในธรรมชาติทั้งหมด ก็คงดี เราคงไม่ต้องมีความเจ็บปวดอันเนื่องจากการกระทำของมนุษย์ด้วยกันเอง เราคงไม่ต้องมี การตั้งคำถามกับพระเจ้า ในเรื่องเกี่ยวกับสงคราม ที่ผู้กระทำมักจะบอกกว่า กระทำในนามพระองค์
ผมเดินลง มา...เห็นถนนเส้นเล็กเส้นนี้ อดคิดไม่ได้ว่า ทางสายนี้ คือเส้นทางสายที่ทอดไปสุดที่ปลายขอบฟ้า ทุกคนกำลงเดินทางไปสู่เส้นทางของความสุข ฉากภูเขาที่ทาบอยู่ข้างหลัง สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับเส้นทางไม่น้อย แต้มเต็มระหว่างทางด้วยดงดอกไม้และทิวสน ... เป็นอีกมุมหนึ่งในจำนวนนับไม่ถ้วนมุมสวยงามในคานาสือ
สูดลมหายใจ ลึกๆ มีความสุขนะครับบ ระหว่างทางเล็กๆสายนี้ ที่ทอดพาดภูเขาที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลกใบนี้ ... สูดลมหายใจลึกๆอีกครั้ง ดอกไม้สวยงามตัดกับทิวสน ... งามนักนะครับบ คานาสือ
สองภาพต่อไป นี้ เป็นภาพที่ผมรู้สึกว่าตัวเองชอบมาก ผมรู้สึกว่า ภูมิประเทศดูยิ่งใหญ่ เป็นแรงใจให้หมู่นักเดินทาง เหมือนกับว่า ภูเขาข้างหน้าไม่ไกลแล้ว สัมผัสได้แล้ว