ออกพรรษานี้เจอกันที่..."หนองคาย"

"มหาประตูสู่อินโดจีน ถิ่นวีรกรรมปราบฮ่อ หลวงพ่อพระใส บั้งไฟพญานาคราช สะพานสองชาติไทย-ลาว

ฝั่งโขงยาวที่สุดในสยาม วัฒนธรรมล้ำค่า ธานีพระอรหันต์"

จังหวัดหนองคาย เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีพื้นที่ส่วนใหญ่ติดฝั่งแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับประเทศลาว มีพื้นที่แคบแต่ยาว มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการชมบั้งไฟพญานาคในวันออกพรรษา 

         บั้งไฟพญานาคแม้จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติตามลำน้ำโขงมานานหลายปีแล้วตามคำร่ำลือของชาวบ้าน แต่เพิ่งจะได้รับส่งเสริมให้เป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวของจังหวัดหนองคายไม่กี่ปีมานี้เอง บั้งไฟพญานาคเป็นลูกไฟที่พุ่งขึ้นมาจากใต้แม่น้ำโขง พุ่งลอยขึ้นสู่อากาศ ประมาณ 20 - 30 เมตร แล้วก็หายไป ลูกไฟไม่จำกัดบริเวณที่เกิดและเกิดไม่ค่อยซ้ำที่บริเวณนั้น ขนาดของลูกไฟก็มีหลายขนาด เช่น ขนาดโตเท่าผลส้ม ขนาดกลางเท่าไข่ไก่ ขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือ เวลาที่เกิดขึ้นไม่แน่นอนแต่ต้องมืดค่ำแล้ว บางทีเกิดตั้งแต่หัวค่ำ ประมาณ 6 โมงเย็น บางปีเริ่มเกิด 2 - 3 ทุ่ม และจะเกิดไปอีกประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง จึงจะค่อยๆ หมดลง จำนวนลูกไฟที่เกิดขึ้นบริเวณหนึ่งๆ มีจำนวนไม่แน่นอน สถานที่เกิดนั้นจะอยู่ในท้องที่อำเภอโพนพิสัย อำเภอรัตนวาปี บั้งไฟพญานาคจะเกิดขึ้นในคืนวันเพ็ญ เดือน 11 หรือแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี และทางจังหวัดได้จัดงานลอยเรือไฟบูชาพญานาค ณ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงใกล้วัดสิริมหากัจจายน์ (วัดธาตุ) อำเภอเมือง โดยจัดเป็นประเพณีทุกปี...

ก่อนที่จะไปชมบั่งไฟพญานาคในวันออกพรรษากัน ผมขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของจังหวัดนี้กันก่อนนะครับ

ว่ามีอะไรที่น่าสนใจและน่าท่องเที่ยวบ้าง... 

ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู้จังหวัดหนองคาย เมืองบั่งไฟพญานาค เมืองมิตรภาพไทยลาวและเมืองน่าอยู่อันดับโลก

วัดโพธิ์ชัย เป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่ที่ถนนโพธิ์ชัย ในเขตเทศบาลเมือง เป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อพระใส ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ชาวเมืองหนองคายนับถือกันมาก หลวงพ่อพระใสเป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก มีลักษณะงดงาม

สะพานมิตรภาพไทย-ลาว เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงจากอำเภอเมืองหนองคายไปเมืองท่าเดื่อ ของ สปป.ลาว ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเวียงจันทน์ ประมาณ 20 กิโลเมตร สร้างขึ้นด้วยความร่วมมือของ 3 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย ลาว และไทย นับว่าเป็นสะพานที่สร้างความสัมพันธ์ไทย-ลาว ให้กระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม

อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ ตั้งอยู่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดหลังเก่า เป็นที่บรรจุอัฐิของผู้ที่เสียชีวิตในการปราบกบฏฮ่อเมื่อปี ร.ศ. 105 (พ.ศ. 2429) เสด็จในกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมซึ่งเป็นแม่ทัพปราบกบฏฮ่อในครั้งนั้นรับสั่งให้สร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนความดีของผู้ที่ได้เสียสละชีวิตเพื่อชาติบ้านเมือง ที่อนุสาวรีย์ทั้ง 4 ทิศ มีคำจารึกภาษาไทย จีน ลาว และอังกฤษ มีการจัดงานบวงสรวงและฉลองอนุสาวรีย์ในวันที่ 5 มีนาคม ของทุกปี

พระธาตุกลางน้ำ เป็นพระธาตุที่หักพังอยู่กลางลำน้ำโขง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุฝ่าพระบาทเก้าพระองค์ตามตำนานอุรังคธาตุ (พระพนม) จากการสำรวจใต้น้ำของหน่วยโบราณคดีภาค 7 พบว่าองค์พระธาตุมีฐานกว้างด้านละ 17.2 เมตร ย่อมุมที่ฐาน และมีความสูงประมาณ 28.5 เมตร หักออกเป็น 3 ท่อน สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 20–22 

พระธาตุหนองคาย (องค์ใหม่)

ลานน้ำพุพญานาค ที่อยู่ใจกลางเมืองหนองคาย

ศาลหลักเมืองหนองคาย สิ่งศักดิ์สิทธที่คนหนองคายเคารพบูชา

ศาลาแก้วกู่ หรือที่รู้จักกันในนามวัดแขก คล้ายพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแสดงรูปปั้นทางศาสนาแห่งนี้เกิดจากแรงบันดาลใจของ "หลวงปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์" ซึ่งได้สร้างสถานที่แห่งนี้เมื่อราวปี พ.ศ. 2521 ตามความเชื่อว่าหลักคำสอนทุกศาสนาสามารถนำมาผสมผสานได้มีทั้งพระพุทธรูปปางต่างๆ รูปเทพฮินดูต่างๆ รูปปั้นเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ รูปปั้นเล่าเรื่องรามเกียรติ์ และตำนานพื้นบ้าน

พระธาตุบังพวน เป็นเจดีย์เก่าแก่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นที่เคารพสักการะของชาวหนองคายมาช้านาน ตัวองค์พระธาตุเดิมสร้างด้วยอิฐเผา ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบท้องถิ่น เป็นสถูปแบบอินเดียรุ่นเดียวกับองค์พระปฐมเจดีย์ ต่อมาได้พังทลายลงเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2513 เนื่องจากฐานทรุด เจดีย์องค์ปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นใหม่โดยกรมศิลปากร

 “บั้งไฟพญานาค” เป็นปรากฎการณ์ของการเกิดลูกไฟสีชมพูพวยพุ่งขึ้นจากกลางลำน้ำโขงสู่อากาศ โดยลูกไฟนั้นไม่มีควัน ไม่มีกลิ่น ไม่มีเสียง พุ่งสูงประมาณ 20-30 เมตร แล้วหายไปโดยไม่มีการโค้งลงมา เช่น บั้งไฟทั่วไป ขนาดของลูกไฟมีตั้งแต่ขนาดเท่าหัวแม่มือ กระทั่งขนาดเท่าฟองไข่ไก่ เกิดขึ้นเป็นจำนวนไม่แน่นอน ตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึง 2-3 ทุ่ม สถานที่เกิดมักเป็นลำน้ำโขง ในท้องที่อำเภอโพนพิสัย อำเภอปากคาด อำเภอสังคม อำเภอศรีเชียงใหม่ และบริเวณอื่นๆ บ้าง เช่น ตามห้วยหนองที่อยู่ใกล้แม่น้ำโขง

พิธีบวงสรวงพระธาตุกลางน้ำ พิธีทำบุญตักบาตรเทโวโรหนะ และชมการแสดงแสง-เสียง “เปิดตำนานบั้งไฟพญานาค” มีการออกร้านจำหน่ายสินค้าและถนนอาหาร การประกวดลอยเรือไฟบูชาพญานาค การประกวดปราสาทผึ้งแบบเดิมจากคุ้มวัด ชุมชนต่างๆ ณ บริเวณวัดหายโศก 

ตลาดท่าเสด็จ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ในเขตเทศบาลเมือง เป็นแหล่งรวมสินค้าที่ในแถบอินโดจีนและยุโรปตะวันออกมีทั้งผลิตภัณฑ์อาหารแห้ง อาหารแปรรูป และข้าวของเครื่องใช้ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า นาฬิกา เครื่องครัว 

ตลาดท่าเรือ แห่งนี้เปิดจำหน่ายทุกวันเวลา 07.00-18.30 น. มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้ความสนใจเดินทางมาเที่ยวชมและเลือกซื้อสินค้ามากมาย นอกจากนี้ท่าเสด็จยังเป็นด่านสำหรับคนท้องถิ่นข้ามไปยังฝั่งลาว ส่วนนักท่องเที่ยวทั่วไปต้องใช้ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว.. 

วัดเนินพระเนาวนาราม เป็นวัดที่สร้างในแบบศิลปลาวล้านช้างหลวงพระบาง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่ไม่ควรพลาด

งานฉลองอนุสาวรีย์ปราบฮ่อ ของทุกปีจะมีการจัดการแสดงประกอบแสงสีเสียง สงครามปราบฮ่อ ร่วมรำลึกถึงความกล้าหาญ และเสียสละ ของบรรพบุรุษ เยี่ยงวีรบุรุษ ในงานฉลองอนุสาวรีย์ปราบฮ่อและงานกาชาดจังหวัดหนองคาย สถานที่ ณ ลานหน้าอนุสาวรีย์ปราบฮ่อ อ.เมือง จังหวัดหนองคาย 

ห้องสมุดรถไฟ แห่งนี้ถูกดัดดแปลงมาจาก ตู้รถไฟ 2 โบกี้ด้วยกัน ภายในตกแต่งไว้อย่างสวยงาม มีหนังสือหลากหลายประเภทตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบพร้อมแยกประเภทด้วยป้ายอย่างชัดเจน และ ตกแต่งภายในด้วยพระบรมฉายารักษ์ของ พระเทพรัตนราชสุดา ในหลวง และ พระราชินี อยู่ตามผนังของโบกี้ทั้ง 2 อัน

จวนผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ก่อสร้างตั้งแต่สมัย พ.ศ. 24 72 เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลแบบฝรั่งเศษอายุร่วมร้อยปี ซึ่งยังมีการใช้งานอยู่ในปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ทรงเยี่ยมหนองคายและประทับเสวยพระกระยาหารกลางวันที่นี่เมื่อปี พ.ศ. 2498 และอีกครั้งในปี พ.ศ . 2509 ชั้นบนจึงมีนิทรรศการแสดงภาพถ่ายครั้งเสด็จฯ ในอดีต

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจืด ม.ขอนแก่น เป็นสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ที่เปิดจัดแสดงพันธุ์ปลาชนิดต่างๆ ทั้งปลาน้ำจืด และปลาน้ำเค็ม พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจังหวัดหนองคาย ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย

ฟาร์มจระเข้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ ฟาร์มแห่งนี้เปิดเป็นที่แรกและที่เดียวของภาคอีสาน

วัดหินหมากเป้ง ตั้งอยู่ที่บ้านไทยเจริญ ตำบลพระพุทธบาท บริเวณวัดมีพื้นที่กว้างขวาง ร่มรื่นด้วยพรรณไม้ สะอาด เรียบร้อยและเงียบสงบ พื้นที่ด้านหนึ่งติดกับลำน้ำโขงซึ่งมองเห็น ทัศนียภาพสวยงาม แต่เดิมเคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคอีสาน ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของภิกษุสงฆ์ แม่ชี และผู้แสวงบุญทั้งหลาย หลังจากท่านมรณภาพ มีการก่อสร้างเจดีย์ เพื่อบรรจุอัฐิของท่าน ภายในมีรูปปั้นของหลวงปู่เทสก์ พร้อมจัดแสดงเครื่องอัฐบริขารและชีวประวัติของท่านอีกด้วย

วัดอรัญบรรพต พระสุธรรมเจดีย์ ตั้งอยู่ริมถนนสายศรีเชียงใหม่-สังคม ตำบลบ้านหม้อ เป็นทั้งพิพิธภัณฑ์และเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ก่อสร้างโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพื่อถวายหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ เกจิอาจารย์ที่มีศิษยานุศิษย์มากมาย มีการจัดงานบุญใหญ่ในเดือนมกราคมของทุกปี

น้ำตกวังน้ำมอก อำเภอสังคมประมาณ 28 กิโลเมตร ก่อนถึงวัดหินหมากเป้ง 20 เมตร จะมีทางแยกซ้ายเข้าสู่บ้านวังน้ำมอก ระยะทางจากทางแยกเข้าสู่น้ำตกประมาณ 7 กิโลเมตร รถยนต์สามารถเข้าถึงตัวน้ำตกได้โดยไม่ต้องเดินเท้า บริเวณน้ำตกมีแนวสันภูเป็นผาหินลักษณะแปลกตา มีธารน้ำไหลลดหลั่นกันไป ตอนล่างเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่และลานหิน สามารถลงเล่นน้ำได้ ช่วงเวลาที่มีน้ำได้แก่ เดือนมิถุนายน- ตุลาคม เป็นช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวที่สุด

นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวสามารถพักค้างคืนแบบโฮมสเตย์และเที่ยวเดินป่า รวมทั้งยังร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ และซุมข้าวข้าวแลง (กินข้าวเย็นด้วยกัน) ซึ่งเป็นประเพณีของชาวบ้านวังน้ำมอกในการต้อนรับคนแปลกถิ่นที่มาเยือน จึงสร้างความประทับใจให้ผู้มาเยือนเป็นอย่างดี อาหารพื้นบ้านที่ท่านจะได้ลิ้มรส ได้แก่ แกงหน่อไม้ ตำสับปะรด ปลาทอดสมุนไพรกรอบ ฯลฯ สนใจการท่องเที่ยวบ้านวังน้ำมอกไปจนถึงการเที่ยว.. 

วัดถ้ำศรีมงคล (วัดถ้ำดินเพียง) มีสถานที่สำคัญซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัด ถ้ำดินเพียง มาหลายคนได้เล่าขานกันมาว่า เป็นถ้ำที่พระธุดงค์ประเทศลาวเดินทางข้ามมาโดยไม่ได้ผ่านมาทางเรือแต่เป็นการเดินทางผ่านถ้ำนี้ ซึ่งผู้ที่จะเห็นเส้นทางภายในถ้ำต้องเป็นผู้บำเพ็ญศีลภาวนา หรือเป็นพระอภิญญา ลักษณะถ้ำดินเพียงนี้คล้ายเมืองบาดาลของพญานาคตามความเชื่อของชาวบ้าน ภายในถ้ำจะมีความชื้น และมีน้ำไหลตลอดปี มีก้อนหินเป็นแท่งตั้งวางอย่างจงใจ บางก้อนเป็นโลงศพ มีส่วนเว้าโค้งของหินภายในถ้ำที่สวยงาม

น้ำตกธารทอง อยู่ในเขตบ้านผาตั้ง หมู่ที่ 1 ตำบลผาตั้ง น้ำตกธารทองมีลักษณะเป็นธารน้ำไหลไปตามลานหิน มีแอ่งน้ำให้เล่นน้ำได้ ก่อนจะลดระดับเกิดเป็นชั้นน้ำตกเล็ก ๆ เป็นระยะลดหลั่นกันไปประมาณ 30 เมตรและไหลลงสู่ลำน้ำโขงในที่สุด ช่วงเวลาที่มีน้ำมากเหมาะแก่การมาเที่ยวชม คือระหว่างเดือนมิถุนายน-ตุลาคม บริเวณโดยรอบเป็นสวนรุกขชาติมีป่าไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น 

น้ำตกธารทิพย์ เป็นน้ำตกที่สูงและสวยงามท่ามกลางป่าเขียวขจี แบ่งออกเป็น 3 ชั้น ด้านล่างเป็นน้ำตกชั้นแรกสูงประมาณ 30 เมตร ไหลจากหน้าผาเป็นสายยาวสีขาวสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ชั้นที่ 2 สูงประมาณ 100 เมตร ต้องปีนขึ้นไปตามเส้นทางที่ทำไว้ และชั้นที่ 3 สูงประมาณ 70 เมตร มีน้ำไหลอยู่ตลอดปี และจะมีน้ำมากในฤดูฝน

ผาตากเสื้อ มีจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามมากตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพานน้อย และสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของประเทศลาวและแม่น้ำโมงได้อย่างสวยงาม

ภูนกกระบา อ.สังคม จ.หนองคาย ก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวแนวป่าธรรมชาติไม่ควรพลาด

พระบาทนาสิงห์ แห่งอำเภอรัตนวาปี อดีต ..นครเปงจาน .. เมืองเก่าในตำนานของนิทานพื้นบ้านอีสาน มากมายหลายสิบเรื่อง แน่นอนที่ว่าเมืองนี้เป็นเมืองเก่าที่ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยเหตุนี้กระมัง ที่ทำให้ บั้งไฟพญานาค ของเมืองนี้ จึงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ในค่ำคืน 15 ค่ำ เดือน 11 มากกว่าทุกๆแห่งในประเทศไทย 

ศูนย์วิจัยพืชสวนหนองคาย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้ทั่วบริเวณ ได้แก่ แปลงไม้ผล มีทุเรียน มังคุด ลองกอง มะม่วงหิมพานต์ รวมทั้งพันธุ์ไม้พื้นบ้านที่ได้อนุรักษ์ไว้ เช่น ต้นมะเกี๋ยงที่นำไปทำไวน์ และน้ำมะเกี๋ยง แปลงผักพื้นบ้านที่ชาวอีสานนิยมนำไปจิ้มน้ำพริก แนมลาบ เช่น กระเจียว ผักกาดย่า ส้มโมง ผักหวานป่า แปลงรวบรวมพันธุ์ไม้หอมกว่า 100 ชนิด และสมุนไพรพื้นถิ่นภาคอีสาน ในช่วงฤดูหนาวมีการปลูกไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวสีสันสวยงามด้วย นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง

น้ำตกห้วยหินขาว หากมาจากถนนศรีเชียงใหม่-สังคม เลี้ยวซ้ายสามแยกก่อนถึงวัดหินหมากเป้ง อยู่สุดถนนลาดยางสายบ้านด่านศรีสุข-น้ำตกห้วยหินขาว ตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก จ.หนองคาย  

หลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ ประดิษฐานอยู่ที่วัดศรีชมภูองค์ตื้อ  เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่หล่อด้วยทอง ฝีมือของช่างฝ่ายเหนือและช่างล้านช้าง เป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงามมาก นั่งขัดสมาธิปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 3.29 เมตร สูง 4 เมตร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขงเคารพนับถือมาก จากหลักฐานศิลาจารึกทำให้ทราบว่า พระเจ้าองค์ตื้อสร้างเมื่อพุทธศักราช 2105 ผู้สร้างคือ พระไชยเชษฐา กษัตริย์นครเวียง หล่อโดยใช้ทองคำ ทองเหลือง และเงินผสมกัน รวมน้ำหนักได้ 1 ตื้อ (ตื้อ เป็น มาตราโบราณของอีสาน) ใช้เวลาในการสร้าง 7 ปี 7 เดือน

หมู่บ้านประมงน้ำจืด อยู่ที่ตำบลกองนาง ตามเส้นทางท่าบ่อ-ศรีเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านที่มีอาชีพทำการประมงน้ำจืด มีการเพาะเลี้ยงปลาน้ำจืดชนิดต่าง ๆ เช่น ปลาตะเพียน ปลาไน ปลานวลจันทร์ ปลายี่สกเทศ ปลาเกล็ดเงิน ปลาหัวโต และปลาดุกเทศ โดยจัดส่งไปจำหน่ายยังกรุงเทพฯ ภาคเหนือ และภาคอีสาน

ประเพณีไหลเรือไฟหนองคาย

ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาหนองคาย

ประเพณีเทียนเทียนหนองคาย

ประเพณีบุญบั่งไฟหนองคาย

ประเพณีแข่งเรือยาวนานาชาติ

ประเพณีบวงสรวงบูชาพญานาค

มหาสงกรานต์หนองคาย

ประเพณีสืบชะตาแม่น้ำโขง

ประเพณีวันขึ้นปีใหม่

ซุ้มประตูเมืองหนองคาย

วงเวียนน้ำพุพญานาค

แหนมเนือง...อาหารเวียดนามที่คุณห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด ถ้าพลาดก็เท่ากับมาไม่ถึงหนองคายนะคราฟฟฟ

บรรยากาศดีดี อาหารอร่อย จิบเบียร์เย็น กับกุ้งเต้นอันแอนอร่อย ต้องลำพองกุ้งเต้น นะครับ

ร้านอาหารร้านนี้ขอบอกว่า...บรรยากาศดีโคตรๆๆๆ ครับ

และตบท้ายด้วยการชมพระอาทิตย์ตก ณ ลามริมฝั่งโขง ที่งดงามไม่แพ้ที่อื่นเลยทีเดียว

สุดท้ายใครอยากไปเที่ยวเมืองเวียงจันทน์ นครหลวงของลาว ก็อยู่ใกล้กับหนองคายแค่ 22 กิโลเมตร ไปง่ายและสะดวกมากเลยครับ

 

 

........นี้ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวของหนองคายที่ผมอยากแนะนำนะครับ ใครที่ชอบความสงบ หนีจากความวุ่นวาย ผมเชื่อว่าหนองคายเป็นอีกจังหวัดที่น่าท่องเที่ยว และชาวหนองคายทุกคนยินดีต้อนรับทุกท่านเสมอ ลองมาเที่ยวดูนะครับ ผมเชื่อว่าหลายคนที่ได้มา คงประทับใจและอยากมาเที่ยวที่นี้อีก กับเมืองที่ได้ชื่อว่า...."หนองคายเมืองน่าอยู่อับดับ 7 ของโลก" .......

 

ออกพรรษานี้เจอกันที่....หนองคาย....นะครับ