รอยร้าวแห่งคณะราษฎร รัฐประหารในราชอาณาจักรสยาม 1 เมษายน พ.ศ. 2476
รอยร้าวแห่งคณะราษฎร รัฐประหารในราชอาณาจักรสยาม 1 เมษายน พ.ศ. 2476
สองแนวคิดบนเส้นทางประชาธิปไตย
หลังการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 สยามประเทศกำลังอยู่ในช่วงตั้งไข่ของระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลใหม่ที่นำโดยนายกรัฐมนตรี พระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) กำลังเผชิญกับความท้าทายในการวางรากฐานของประเทศ ทว่าภายในคณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองเองกลับเริ่มปรากฏรอยร้าวทางความคิดที่ชัดเจนขึ้นระหว่างนายกรัฐมนตรี และ นายปรีดี พนมยงค์ หนึ่งในแกนนำคนสำคัญของคณะราษฎร แม้ทั้งสองจะเคยยืนอยู่บนจุดหมายเดียวกัน แต่ความขัดแย้งเชิงอุดมการณ์กำลังจะนำไปสู่จุดแตกหักครั้งประวัติศาสตร์ โดยมีเอกสารที่เรียกว่า "เค้าโครงเศรษฐกิจ" เป็นชนวนเหตุสำคัญ
ชนวนความขัดแย้ง: "สมุดปกเหลือง" ที่สั่นสะเทือนสยาม
นายปรีดี พนมยงค์ ได้นำเสนอแผนปฏิรูปเศรษฐกิจฉบับก้าวหน้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ "สมุดปกเหลือง" เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี แต่ก่อนที่ความขัดแย้งจะบานปลายไปสู่การใช้กำลัง พระยามโนปกรณ์นิติธาดาได้ใช้เล่ห์กลทางการเมืองเพื่อปัดตกร่างเค้าโครงเศรษฐกิจนี้ โดยอ้างพระบรมราชวินิจฉัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ซึ่งถือเป็นการจุดชนวนความขัดแย้งให้รุนแรงยิ่งขึ้น จนแบ่งรัฐบาลออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน มุมมองที่แตกต่างกันของทั้งสองฝ่ายสามารถสรุปได้ดังนี้
|
มุมมองฝ่ายสนับสนุนนายปรีดี พนมยงค์ |
มุมมองฝ่ายพระยามโนปกรณ์นิติธาดา |
|
มุ่งหวังที่จะวางนโยบายเศรษฐกิจใหม่เพื่อสร้างความเท่าเทียมและพัฒนาประเทศ |
มองว่าเค้าโครงเศรษฐกิจมี "ลักษณะเป็นคอมมิวนิสต์" |
|
ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจเดิมที่เป็นอยู่ |
เห็นว่านโยบายดังกล่าว "ตรงกันข้ามแก่ขนบประเพณีชาวสยาม" |
|
เชื่อมั่นว่าแผนการนี้จะนำไปสู่ความอยู่ดีกินดีของราษฎร |
เชื่อว่าจะนำมาซึ่ง "ความหายนะแก่ประชาราษฎร" และเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ |
ความขัดแย้งทางความคิดนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องประชุม แต่ได้ทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นการเผชิญหน้าทางการเมืองอย่างเต็มรูปแบบ
สัญญาณอันตราย: เมื่อการเมืองใช้กำลังทหารเข้าข่มขู่
ความขัดแย้งได้ทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นโศกนาฏกรรมทางการเมือง เมื่อรอยร้าวได้เกิดขึ้นภายในใจกลางของคณะราษฎรเอง พระยามโนปกรณ์นิติธาดาได้หันไปสมคบกับ พระยาทรงสุรเดช หนึ่งใน "4 ทหารเสือผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง" พร้อมด้วยทหารเสืออีก 2 นาย คือ พระยาฤทธิอัคเนย์ และ พระประศาสน์พิทยายุทธ เพื่อคานอำนาจและกดดันฝ่ายที่สนับสนุนนายปรีดี สถานการณ์มาถึงจุดที่น่ากังวล เมื่อมีการใช้กำลังทหารเข้ามาข่มขู่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยตรง ก่อนการประชุมสภาฯ พระยาทรงสุรเดชได้นำกำลังทหารพร้อมอาวุธครบมือมาตรวจค้นสมาชิกรัฐสภาเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความกลัว ดังบันทึกของวิเทศกรณีย์ที่สะท้อนภาพเหตุการณ์ในวันนั้นว่า
ก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเวลา 09.35 น. นั้น พระยาทรงสุรเดชได้นำเอาทหาร 1 กองร้อยพร้อมสรรพด้วยอาวุธและนัยว่าได้เอาลูกระเบิดมือติดตัวมาด้วย ทหาร 1 กองร้อยดังกล่าวนี้ได้ยืนอยู่ที่เชิงบันไดสภาผู้แทนราษฎร เพื่อทำการตรวจค้นอาวุธที่บรรดาสมาชิกพกติดตัวมา ถ้าใครพกปืนติดตัวมาก็เก็บเอาไว้เสียทันที การกระทำเช่นนี้ไม่เป็นที่พอใจของสมาชิกเป็นส่วนมาก
การแสดงกำลังทหารอย่างเปิดเผยครั้งนี้เป็นเพียงการโหมโรง ก่อนที่พระยามโนปกรณ์นิติธาดาจะตัดสินใจใช้มาตรการที่เด็ดขาดกว่าเดิมในที่สุด
จุดแตกหัก: รัฐประหารเงียบ 1 เมษายน 2476
ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476 ความขัดแย้งได้เดินทางมาถึงจุดแตกหัก พระยามโนปกรณ์นิติธาดาในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้กระทำการสำคัญ 2 ประการ คือ:
1. ประกาศ พระราชกฤษฎีกาปิดสภาผู้แทนราษฎร
2. ประกาศ งดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา
การกระทำดังกล่าวถูกเรียกว่า "รัฐประหารเงียบ" เนื่องจากเป็นการยึดอำนาจที่ไม่ได้ใช้กำลังทหารเข้าปะทะโดยตรง แต่เป็นการอาศัยอำนาจฝ่ายบริหารและกลไกทางกฎหมาย โดยมีกำลังทหารเข้า "ล้อมสภาไว้" และถึงขั้น "ยกพวกไปล้อมบ้านพักของนายปรีดี" เพื่อกดดันและตัดกำลังฝ่ายตรงข้ามอย่างเด็ดขาด ความเงียบของมันจึงเกิดจากการข่มขู่ด้วยกำลังจนไม่มีผู้ใดกล้าต่อต้าน พระยามโนปกรณ์นิติธาดาได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงเหตุผล โดยเน้นย้ำถึงความแตกแยกภายในรัฐบาลและภัยจากลัทธิคอมมิวนิสต์ว่า
...ในคณะรัฐมนตรี ณ บัดนี้ เกิดการแตกแยกเป็น ๒ พวก มีความเห็นแตกต่างกัน ความเห็นข้างน้อยนั้นปรารถนาที่จะวางนโยบายเศรษฐกิจไปในทางอันมีลักษณะเป็นคอมมิวนิสต์...
การรัฐประหารเงียบครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและรวดเร็วต่อโครงสร้างอำนาจทางการเมืองของสยามในทันที
ผลลัพธ์ที่ตามมา: เมื่ออำนาจเปลี่ยนมือ
ภายหลังการรัฐประหารเงียบ รัฐบาลพระยามโนปกรณ์นิติธาดาได้ดำเนินการเพื่อรวบอำนาจและขจัดฝ่ายตรงข้ามอย่างเป็นระบบ ผลกระทบที่เกิดขึ้นทันทีมีดังนี้
• การลี้ภัยของนายปรีดี พนมยงค์: นายปรีดี พนมยงค์ ถูกบีบบังคับให้เดินทางออกนอกประเทศไปยังฝรั่งเศส เพื่อยุติบทบาททางการเมืองของท่าน
• การบังคับใช้กฎหมายคอมมิวนิสต์: มีการออก "พระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2476" เพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางกฎหมาย โดยมีการดำเนินการอย่างเฉียบพลัน เช่น การกวาดล้างจับกุมชาวเวียดนามที่ต้องสงสัย และการจับกุมคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์สยาม
• การยุบคณะรัฐมนตรี: คณะรัฐมนตรีชุดเดิมสิ้นสุดลง เพื่อเปิดทางให้มีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่ปราศจากกลุ่มอำนาจของนายปรีดี
• การวางแผนขจัดแกนนำคณะราษฎร: มีบันทึกที่ไม่เป็นทางการระบุว่า พระยามโนปกรณ์นิติธาดาและพระยาทรงสุรเดชได้ร่วมมือกันเพื่อขจัดบทบาททางการเมืองของบุคคลสำคัญในคณะราษฎร ไม่เพียงแต่นายปรีดี พนมยงค์ แต่ยังรวมถึง หลวงพิบูลสงคราม ด้วย ซึ่งถือเป็นสัญญาณของความขัดแย้งที่จะตามมา
• การปิดกั้นสื่อ: หนังสือพิมพ์บางฉบับที่ให้การสนับสนุนคณะราษฎรและวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลถูกสั่งปิด
จุดจบที่ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด
ความขัดแย้งทางอุดมการณ์ว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจของชาติ ได้นำไปสู่การรัฐประหารครั้งแรกที่ดำเนินการโดยนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับการแต่งตั้งมาจากคณะราษฎรเอง อย่างไรก็ตาม ชัยชนะของพระยามโนปกรณ์นิติธาดาในครั้งนี้กลับเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว ความขัดแย้งภายในกลุ่มผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองยังคงคุกรุ่น และปะทุขึ้นอีกครั้งในเวลาเพียง 69 วันต่อมา ในวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 คณะนายทหารฝ่ายคณะราษฎรได้ยึดอำนาจซ้อน เพื่อโค่นล้มรัฐบาลของท่านลงในที่สุด โศกนาฏกรรมทางการเมืองครั้งนี้จบลงด้วยชะตากรรมที่ย้อนรอยกันอย่างน่าเหลือเชื่อ พระยามโนปกรณ์นิติธาดาถูก เนรเทศไปยังปีนังด้วยรถไฟ และถึงแก่กรรมที่นั่นในที่สุด เหตุการณ์รัฐประหารเงียบจึงไม่ใช่จุดสิ้นสุดของความขัดแย้ง แต่เป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งระลอกใหม่ที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม
อ้างอิงจาก: หลังบ้านคณะราษฎร : ความรัก ปฏิวัติ และการต่อสู้ของผู้หญิง, 2475 และ 1 ปีหลังการปฏิวัติ หนังสือประวัติศาสตร์สำคัญที่ให้ภาพรวมและวิเคราะห์เหตุการณ์ความขัดแย้ง รวมถึงรัฐประหารเมษายน 2476 ที่เกิดขึ้นหลังการปฏิวัติ 2475 โดยละเอียด ซึ่งเป็นประเด็นหลักที่เกี่ยวโยงกับหนังสือเล่มแรก
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
ซาอุฯ สั่ง "มันอัดเม็ดไทย" เพิ่ม 30,000 ตัน! เกษตรกรเฮลั่น
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoia
เฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับของจีน ทดสอบบินและยิงกระสุนจริงครั้งแรกแล้ว
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ




