ตำนานโรงหนังสแตนอโลน(โรงหนังชั้นสอง)กับสองเรื่องควบ
หลายคนที่เกิดทันในยุค 80 – 90 จะเห็นโรงภาพยนตร์ หรือ โรงหนังที่ขึ้นป้ายว่า สองเรื่องควบ หรือออกแนวขึ้นป้ายบิวบอร์ดด้วยเลยมือเขียน ว่า ไทย จีน ญี่ปุ่น ฝรั่ง สองเรื่องควบ แต่ผู้เขียนเองก็งงว่า เอ๊ะ สรุปฉายหนังอะไรกันนะ กับโรงหนังแบบนี้ พอสืบทราบมา โรงหนัง ประเภทนี้เรียกว่า โรงหนังชั้นสอง หรือ โรงภาพยนตร์แบบสแตนด์อะโลน ซึ่งปัจจุบันแทบไม่มี หรือเหลือแต่เพียงซากอาคารเท่านั้น
โรงภาพยนตร์แบบสแตนด์อะโลน หรือ โรงหนังชั้นสอง คือ รงหนังเดี่ยวในยุคแรกๆ ที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ชั้นบนของอาคาร หรืออาจหมายถึง โรงหนัง "ควบ" ซึ่งเป็นระบบฉายหนังที่ลูกค้าจ่ายค่าตั๋วครั้งเดียวสามารถดูหนังได้หลายเรื่อง
“โรงหนังชั้นสอง” เป็นอีกสถานที่ในความทรงจำยุค80-90 ผู้คนไปดูหนังควบสองเรื่อง หรือบางทีก็ฉายหนังวนไปเรื่อยๆ ซื้อตั๋วรอบเดียว แล้วนั่งดูวนไป เป็นอะไรที่สบายกระเป๋า มาก สมัยนั้นโรงหนังชั้นสอง จะฉายหนังไทยบ้าง จีนบ้าง หรือหนังฝรั่งที่เข้าโรงปกติไปร่วมเดือนแล้ว ไม่ใช่หนังชนโรง เพื่อให้คนงบน้อย งบจำกัดได้ดูกันแบบคุ้มค่าไปเลย
หากคุณลองพิมพ์หาคำว่า โรงหนังชั้นสองใน google ชื่อเหล่านี้จะขึ้นมาทันที อมรพันธุ์ นครนนท์ นนทบุรี งามวงศ์วาน พระโขนง เจริญกรุง ศรีเทวี พหล ฮอลลีวูด มงคล แหลมทอง ฮาวาย ปรินซ์ แคปปิตอล บางแค นิวยอร์ค ฯลฯ ถ้าหากคุณยังนึกไม่ออกว่าโรงหนังชั้นสองเป็นอย่างไร ลองนึกภาพตามภาพยนตร์โปงลางสะดิ้งลำซิ่งส่ายหน้าดู เพราะนั่นคือ ภาพในความทรงจำของโรงหนังชั้นสองได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันวัฒนธรรมการดูหนังเปลี่ยนไป เทคโนโลยี่โรงหนังพัฒนา เกิดโรงหนังใหม่ๆ ที่ทันสมัยมากขึ้น โรงหนังชั้นสอง เหล่านี้บางโรงต้องปรับเปลี่ยน เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด หลายโรงต้องหนังวาบหวิว หนังโป๊แทนเพื่อเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายไปเลย
เราลองมาย้อนความหลังตำนานแห่งโรงหนังชั้นสอง ก่อนที่ทุกคนจะเข้าใจว่าเป็นโรงหนังโป๊กัน หากเราย้อนไปในยุครุ่งเรืองของโรงหนัง คงย้อนกลับไปในอดีตของการก่อกำเนิดโรงหนังในบ้านเรานั้นว่ากันว่าเกิดขึ้นในราวๆ ปี พ.ศ. 2470 โดยเปลี่ยนแปลงมาจากโรงละครเวทีอีกทีหนึ่งเนื่องเพราะการแสดงละครเวทีเองเริ่มจะคลายความนิยมลงไปจากการเข้ามาของภาพยนตร์ต่างประเทศ ผลจากความนิยมในการชมภาพยนตร์ที่เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเองที่ทำให้ในอีกประมาณ 20 ปีต่อโรงภาพยนตร์ในบ้านเราโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครฯ จึงผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด และความที่มันถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นโรงฉายภาพยนตร์ไม่ได้ถูกใช้ร่วมกับความบันเทิงอื่นๆ ตลอดจนส่วนใหญ่เป็นโรงใหญ่โรงเดียว เราจึงเรียกโรงหนังประเภทนี้ว่าเป็นโรงหนัง stand alone ส่วนค่าชมนั้นก็มีหลากหลายราคา ทั้ง 5 บาท, 7 บาท, 10 บาท, 10 บาท ฯ ว่ากันว่ายุคที่โรงหนัง stand alone ได้รับความนิยมนั้นเป็นบรรยากาศที่คึกคักและสร้างงานให้คนมากมาย ทั้ง คนเดินตั๋ว คนฉายหนัง คนเขียนป้ายโฆษณา - ป้ายโปรแกรมหนัง แม่ค้าพ่อขาย คนขับรถแห่หนัง นักพากย์ ฯ
ปี พ.ศ. 2500 - 2515 อาจจะถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งยุคอันรุ่งเรืองของวงการหนังไทยเนื่องเพราะรัฐบาลมีความประสงค์ที่จะส่งเสริมหนังไทยด้วยการตั้งกำแพงภาษีหนังจากต่างประเทศแพงกว่าปกติ ผลที่ตามมาก็คือแม้วงการหนังไทยจะคึกคักเป็นอย่างมากทว่าก็มีหนังไทยคุณภาพต่ำที่ถูกผลิตออกมาเยอะจนล้นตลาด ประกอบกับในระยะต่อมาความบันเทิงทางทีวีที่มีบทบาทมากขึ้น ตลอดจนการเข้ามาของวิดีโอ ที่สำคัญก็คือการก่อเกิดของโรงหนังมัลติเพล็กซ์ตามห้างสรรพสินค้าที่มีความสะอาด สะดวกสบาย และทันสมัยโอ่อ่า มีหลายโรงให้เลืกชมหนังหลากหลายเรื่องในช่วงตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 เป็นต้นมา ต่างๆ นานาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ส่งผลให้บรรดาโรงหนัง stand alone ต้องปรับตัวเองเพื่อความอยู่รอด ทั้งการฉายหนังควบ กำหนดราคาค่าตั๋วให้ถูกกว่าโรงหนังตามห้างฯ และบางรายดิ้นรนถึงขนาดหันไปฉายหนังในแนวเรตเอ็กซ์ เรตอาร์แทน ทั้งหมดล้วนทำให้โรงหนังชั้น 1 ที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีตกลายเป็นโรงหนังชั้น 2 อย่างเต็มตัวไปโดยปริยาย “คนดูเริ่มลดลงตั้งแต่ก่อนปี 40 หลังจากนั้นก็ลดลงจนน่าตกใจ อาจเป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดี และประกอบการโรงหนังรายใหญ่นิยมสร้างอาณาจักรโรงหนังของตัวเองขึ้น แต่เสน่ห์โรงหนังของเราคือ มีความเก่าแก่อยู่มานาน ดังนั้นคอหนังรุ่นเก่าๆ ชอบมาดู ฉายหนังซ้ำดูเมื่อไหร่ก็ได้ ประหยัดและยังรักษาความสะอาดได้อย่างดีเพราะเป็นโรงของเราเองสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง..” สุทธิพงษ์ ชื่นภัคดี โรงภาพยนตร์ “ธนบุรีรามา” เคยให้สัมภาษณ์ถึงความพยายามรักษาไว้ซึ่งเรื่องโรงหนังชั้น 2 ในการดูแลของตนเองผ่านหัวข้อ “โรงหนัง สแตนด์อะโลน ลมหายใจสุดท้ายก่อนเป็นอดีต” ในหนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” ก่อนที่โรงภาพยนตร์ “ธนบุรีรามา”จะกลายเป็นอดีตด้วยการเป็นโรงหนังชั้น 2 ที่ปิดตัวเป็นรายล่าสุดเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2556ที่ผ่านมาโดยมี “แจ็คผู้สยบยักษ์”และ “ได ฮาร์ด ภาค 5” เป็นหนังสองเรื่องสุดท้ายที่ถูกฉาย ปัจจุบันโรงหนังชั้นสอง หรือโรงหนังแสตนอะโลนน่าจะเหลือที่ยังเปิดกิจการอยู่ที่พอหาข้อมูลได้ ณ ขณะนี้ ก็น่าจะเป็น “ไชน่าทาวน์รามา”
“โรงหนังแห่งสุดท้ายของถนนเยาวราช” โรงงิ้วไซฮ้อ, โรงหนังศรีเมือง, โรงหนังนิวแหลมทอง และไชน่าทาวน์รามา คือชื่อเก่าของโรงมหรสพแห่งนี้ แม้ว่าเยาวราชจะเต็มไปด้วยโรงงิ้ว โรงอุปรากรอันเป็นที่นิยมในหมู่คนเชื้อสายจีน แต่สถานที่แห่งนี้ก็ถูกปรับเปลี่ยนจากโรงงิ้วมาเป็นโรงหนังตามความนิยมของยุคสมัย และกลายเป็นโรงหนังแห่งสุดท้ายของถนนเยาวราช
ไชน่าทาวน์รามา (Chinatown Rama) คือชื่อสุดท้ายของโรงหนังสแตนอโลนแห่งนี้ อันที่จริงจะเรียกว่าสแตนอโลน (Stand Alone) หรือโรงหนังแบบโรงเดี่ยวก็ไม่ค่อยเต็มปากนักเพราะตัวอาคารที่นี่มีความซับซ้อนต่างจากโรงหนังสแตนอโลนที่อื่นๆ กล่าวคือมีพื้นที่ประเภทอื่นร่วมด้วย เช่น ร้านทอง โรงรับจำนำ และโรงแรมที่อยู่ข้างบน ถ้ามองจากภายนอกอาคารนี้มีการออกแบบห้องหัวมุมถนนซึ่งเป็นร้านขายทองเซ่งเฮงหลีได้โดดเด่นกว่าด้านโรงหนัง แต่ก็ยังคงภาษาของออกแบบเดียวกันคือใช้เส้นตั้งต่อเนื่องตั้งแต่ชั้น 2-5 เพื่อเน้นความสำคัญแก่ฟังก์ชั่นทั้งโรงหนังและร้านทองส่วนคูหาที่เป็นทางเข้าโรงหนังนี้ จะกลายเป็นโถงบันไดต่อเนื่องขึ้นไปถึงชั้นบนสุด เป็นบันไดคอนกรีตแบบง่ายๆ ไม่มีการประดับประดาใดๆ นอกจากเสียจากบางชั้นอาจจะตกแต่งด้วยเหล็กดัด เพื่อกั้นพื้นที่ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ชั้นสองเป็นอดีตโรงหนังที่ทรุดโทรมไปมากเสียแล้ว ไม่แน่ใจว่าจุคนได้กี่ร้อยที่นั่ง? แต่มีมีเวทีเล็กๆ และชั้นลอยสำหรับตั๋วราคาแพงแยกออกมาอีกชั้นนึง ปัจจุบันใช้เก็บเฟอร์นิเจอร์เก่าจำนวนมากจนไม่อาจสำรวจอะไรอย่างอื่นได้ สิ่งที่คนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนคือ 2 ชั้นบนสุดเคยเป็นโรงแรม ชื่อว่า โรงแรมคาเธ่ย์ (Cathay Hotel) ประมาณด้วยสายตามีห้องพักจำนวนมากทีเดียว ทั้งห้องพักแบบห้องน้ำในตัว และห้องน้ำรวม แต่ก็นั่นแหละที่นี่ไม่เหลืออะไรไว้ให้พักได้อีกแล้ว นอกจากแมวจรจัด 4-5 ตัวและนกพิราบที่บินเข้าๆออกๆ
นี่อาจจะเป็นเรื่องราวของตำนานของโรงหนังชั้นสองหรือสแตนอโลนที่หลายคงจดจำได้ จากความรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมภาพยนต์ การปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในการฉายหนังวน การฉายหนังติดเรท จนสุดท้ายต้องปิดตัวของโรงหนังประเภทนี้จำนวนมาก ถึงอย่างไรภาพแห่งความทรงจำนี้ยังมีอยู่กับคนยุค80-90 ถือเป็นเรื่องราวไว้บอกเล่า 90 เหมือนรุ่นยุคกันเลยเนอะ
****************
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
"ตระกูลฮุน" ถึงคราวอวสาน! คนในชิ่งหนีปิดฮุยวัน-ปชช.หมดตัวเงินในบัญชีถอนไม่ได้
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
"ตระกูลฮุน" ถึงคราวอวสาน! คนในชิ่งหนีปิดฮุยวัน-ปชช.หมดตัวเงินในบัญชีถอนไม่ได้
เหนือความเชื่อ! "ซูเปอร์ฟูลมูน" เรื่องที่เราอาจไม่เคยรู้...
“ย้อนวันวานอาหารจานละ 2-3 บาท กินอิ่มทั้งบ้านด้วยเงินไม่กี่บาท ราคาน่ารักที่วันนี้หาไม่ได้แล้ว”
ทำไมต้องหย่ากัน หลังถูกคดีความ? เหตุผลที่ฟังดูดราม่า…แต่จริงกว่าที่คิด
น้องแร็คคูนบุกร้านค้า ดื่มจัดหนัก จนเมาค้าง เห็นแล้วนึกถึงคนเหมือนกันนะเนี่ย (ฮา)
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoia
อัลปากา VS อัลปากา: พลังศักดิ์สิทธิ์จากสัตว์แห่งอินคา สู่โลหะมงคลในวงการพระเครื่องไทย
ถอดรหัสเสน่ห์ร้ายของยอดนักรัก! ทายนิสัยความเป็น "คาสโนว่าและคลาสโนวี่" ตามเดือนเกิด พร้อมส่องพฤติกรรมการแสดงออก
เปิดตำนาน "ฮัตเชปซุต" ฟาโรห์หญิงผู้ต้อง "สวมเครา" ท้าทายกฎบุรุษ จนถูกลบชื่อนาน 3,500 ปี!
บัวน่าปลูก...สายมูต้องห้ามพลาด! เสริมมงคลให้ชีวิตรุ่งเรือง


