ฉีดแฟตเหนียงดียังไง ทำกี่ครั้งถึงได้ผล อยากหน้าเรียวต้องรู้

ฉีดแฟตเหนียงดียังไง ทำกี่ครั้งถึงได้ผล อยากหน้าเรียวต้องรู้
เหนียง หรือที่หลายคนเรียกกันว่า “คางสองชั้น” ไม่ได้เป็นเพียงปัญหาความงามเล็ก ๆ แต่กลับส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจอย่างมาก หลายคนรู้สึกว่าตัวเองดูแก่หรืออ้วนกว่าความเป็นจริงเพราะเหนียง การถ่ายรูปหรือเข้าสังคมก็มักไม่มั่นใจ วิธีการแก้ไขเหนียงจึงมีหลากหลาย และหนึ่งในหัตถการยอดนิยมในยุคนี้คือ การฉีดแฟตเหนียง

 

บทความนี้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดแฟตเหนียงที่ควรรู้ ตั้งแต่สาเหตุการเกิดเหนียง ปริมาณตัวยาแฟตเหนียงที่ใช้ กี่ครั้งถึงเห็นผล อยู่ได้นานเท่าไหร่ การดูแลตัวเอง รวมถึงการเปรียบเทียบกับวิธีอื่น ๆ เพื่อให้ทุกคนตัดสินใจก่อนทำได้อย่างมั่นใจ

 

เหนียงคืออะไร ทำไมถึงเป็นปัญหากวนใจ

เหนียงคือก้อนไขมันที่สะสมอยู่บริเวณใต้คาง ทำให้คางดูห้อยลงมาและกลายเป็นคางสองชั้น ปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แม้แต่คนที่รูปร่างผอมบางก็ยังมีเหนียงได้เช่นกัน สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเหนียง ได้แก่

1. ไขมันสะสม พฤติกรรมการกินอาหารมัน อาหารแคลอรีสูง และการไม่ออกกำลังกาย ทำให้ไขมันสะสมบริเวณใบหน้าและใต้คางได้ง่าย
2. โครงสร้างและพันธุกรรม บางคนมีโครงหน้าที่คางสั้นหรือคอต่ำ ทำให้ไขมันดูสะสมมากกว่าความจริง และบางครอบครัวมีกรรมพันธุ์ที่เหนียงเห็นชัด
3. อายุและความหย่อนคล้อย เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวลดลง ผิวจึงหย่อนคล้อยและเกิดคางสองชั้นได้แม้ไม่มีไขมันมาก
4. น้ำหนักขึ้นลงบ่อย การลด–เพิ่มน้ำหนักอย่างรวดเร็วทำให้ผิวใต้คางขยายและหดตัวบ่อย ๆ จนไม่กระชับ
5. พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน การนั่งก้มหน้าเล่นมือถือบ่อย ๆ การนอนหมอนสูงเกินไป หรือการนั่งทำงานท่าทางผิด ล้วนทำให้เหนียงเห็นชัดขึ้น

 

ไขข้อสงสัยแฟตเหนียงคืออะไร

แฟตเหนียง คือการฉีดตัวยาลดไขมันเฉพาะจุดเข้าไปที่ใต้คาง เพื่อทำลายผนังเซลล์ไขมันให้แตกตัว จากนั้นร่างกายจะกำจัดไขมันออกผ่านระบบน้ำเหลืองและการเผาผลาญตามธรรมชาติ

 

จุดเด่นของการฉีดแฟตเหนียง

1. ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลใหญ่
2. เจ็บน้อยกว่าการดูดไขมัน
3. พักฟื้นสั้น ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
4. เหมาะกับผู้ที่กลัวการผ่าตัดหรือไม่มีเวลาพักฟื้น

 

ส่วนประกอบที่ใช้ในตัวยาแฟตเหนียง
ตัวยาที่นิยมใช้มักมีสารออกฤทธิ์หลัก เช่น Phosphatidylcholine (PPC) และ Deoxycholic Acid (DCA) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยทำลายเซลล์ไขมันโดยตรง คลินิกบางแห่งอาจมีสูตรพิเศษผสมวิตามินหรือสารกระชับผิวเพื่อช่วยให้ผิวเต่งตึงขึ้น

 

ประโยชน์ของการฉีดแฟตเหนียง

1. ลดไขมันใต้คางได้ตรงจุด ทำให้เหนียงเล็กลงและหน้าดูเรียวขึ้น
2. ทำให้กรอบหน้าคมชัด เมื่อไขมันหาย กรอบหน้าและแนวกรามจะเด่นขึ้น
3. ช่วยให้ดูอ่อนเยาว์ ใบหน้าดูสดใส ไม่หย่อนคล้อยเหมือนเดิม
4. เพิ่มความมั่นใจ ผู้ที่เคยไม่กล้าเงยหน้าถ่ายรูป จะรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
5. เป็นทางเลือกแทนการดูดไขมัน สำหรับผู้ที่ไม่อยากเจ็บหรือพักฟื้นนาน

 

แฟตเหนียงมีข้อดีและข้อจำกัดอะไรบ้าง

ข้อดีของแฟตเหนียง

1. ลดไขมันเฉพาะจุดได้จริง
2. ไม่ต้องผ่าตัด เจ็บน้อย
3. ความเสี่ยงต่ำและพักฟื้นสั้น
4. ทำซ้ำได้เรื่อย ๆ เพื่อคงผลลัพธ์

 

ข้อจำกัดของแฟตเหนียง

1. ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้งถึงจะเห็นผลชัด
2. ไม่เหมาะกับผู้ที่เหนียงเกิดจากความหย่อนคล้อยล้วน ๆ
3. ผลลัพธ์ไม่ถาวร หากน้ำหนักขึ้นมาก ไขมันอาจกลับมา
4. อาจมีอาการบวม ช้ำ แดง หลังฉีดชั่วคราว

 

แฟตเหนียงฉีดกี่ CC ถึงเห็นผล

ปริมาณยาที่ใช้ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันและขนาดเหนียง โดยทั่วไปอยู่ที่ 2–10 cc ต่อครั้ง

1. เหนียงเล็ก : 2–4 cc เห็นผลหลัง 1–2 ครั้ง
2. เหนียงปานกลาง : 4–6 cc มักต้องทำ 2–3 ครั้ง
3. เหนียงใหญ่ : 6–10 cc มักต้องทำหลายครั้งและอาจเสริมวิธีอื่นร่วมด้วย

 

แฟตเหนียงต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล

1. หลังฉีดครั้งแรกจะเริ่มเห็นผลใน 2–3 สัปดาห์
2. ส่วนใหญ่ต้องทำ 2–4 ครั้ง ขึ้นไปจึงเห็นผลเต็มที่
3. เว้นระยะ 3–4 สัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อให้ร่างกายขับไขมันออก

 

แฟตเหนียงผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน

ผลลัพธ์อยู่ได้เฉลี่ย 6 เดือน – 1 ปี หากดูแลตัวเองดี เช่น ควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกายสม่ำเสมอ ผลลัพธ์อาจอยู่ได้นานขึ้น แต่ถ้าน้ำหนักเพิ่ม ไขมันสามารถกลับมาได้อีก

 

แฟตเหนียงเหมาะกับใครบ้าง

1. แฟตเหนียงเหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้คางจริง ๆ
2. แฟตเหนียงเหมาะกับคนที่อยากได้หน้าเรียว กรอบหน้าคม โดยไม่ผ่าตัด
3. แฟตเหนียงเหมาะกับคนที่สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคตับ ไต หรือโรคเลือด
4. แฟตเหนียงเหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน

 

แฟตเหนียงไม่เหมาะกับใครบ้าง

1. แฟตเหนียงไม่เหมาะกับคนที่เหนียงเกิดจากผิวหย่อนคล้อยมากกว่าไขมัน
2. แฟตเหนียงไม่เหมาะกับผู้หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
3. แฟตเหนียงไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับตับ ไต ระบบน้ำเหลือง หรือใช้ยาละลายลิ่มเลือด
4. แฟตเหนียงไม่เหมาะกับผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์เร็วทันใจ (แฟตเหนียงไม่เห็นผลทันที ต้องรอเวลา)

 

การเปรียบเทียบแฟตเหนียงกับหัตถการอื่น

1. โบท็อกซ์กราม : แก้ปัญหากรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ แต่ไม่ช่วยไขมันเหนียง
2. HIFU / Thermage / Ulthera : เหมาะกับคนที่มีผิวหย่อนคล้อย ต้องการยกกระชับ
3. ดูดไขมันเหนียง : เห็นผลชัดเจน แต่เป็นการผ่าตัด มีแผลและพักฟื้น
4. แฟตเหนียง : เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมเล็ก–ปานกลาง ต้องการลดแบบไม่ผ่าตัด

 

การพักฟื้นและอาการหลังฉีดแฟตเหนียง

1. บวมชัดที่สุดใน 1–3 วันแรก และจะค่อย ๆ ยุบภายใน 5–7 วัน
2. อาจมีรอยช้ำ ตึง หรือเจ็บเล็กน้อย
3. สามารถใช้ชีวิตประจำวัน ทำงาน แต่งหน้าได้ตามปกติ

 

ผลข้างเคียงที่อาจพบในแฟตเหนียง

1. ทั่วไป : บวม ช้ำ ตึง คันเล็กน้อย
2. พบได้บ้าง : ก้อนแข็ง อาการชา ผลลัพธ์ไม่สม่ำเสมอ
3. พบน้อยมาก : การแพ้ยา การติดเชื้อ หรือเส้นประสาทถูกกด

 

การเตรียมตัวก่อนฉีดแฟตเหนียง

1. ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินว่าปัญหาเกิดจากไขมันหรือผิวหย่อนคล้อย
2. แจ้งโรคประจำตัวและยาที่ใช้อยู่
3. งดยาละลายลิ่มเลือดและอาหารเสริมที่ทำให้ช้ำง่าย 3–5 วัน
4. งดแอลกอฮอล์และบุหรี่ล่วงหน้า 24–48 ชั่วโมง
5. พักผ่อนให้เพียงพอ

 

การดูแลหลังฉีดแฟตเหนียง

1. ประคบเย็น 24 ชั่วโมงแรก แล้วเปลี่ยนเป็นอุ่น
2. ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยขับไขมันออก
3. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก 1–2 วัน
4. ควบคุมอาหาร เลี่ยงเค็มจัด หวานจัด มันจัด
5. งดแอลกอฮอล์และบุหรี่ 3–7 วัน
6. ติดตามผลกับแพทย์ตามนัด

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q1: ฉีดแฟตเหนียงเจ็บไหม?
A: จะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยขณะเข็มแทงเข้า แต่สามารถทายาชาหรือประคบน้ำแข็งช่วยลดอาการได้

 

Q2: แฟตเหนียงเห็นผลทันทีไหม?
A: ไม่ทันที ต้องรอร่างกายสลายและขับไขมัน ใช้เวลาประมาณ 2–3 สัปดาห์

 

Q3: หลังฉีดแฟตเหนียงสามารถแต่งหน้าได้ไหม?
A: สามารถแต่งหน้าได้ทันที แต่ควรเลี่ยงการกดแรง ๆ ที่คาง

 

Q4: ถ้าน้ำหนักขึ้น เหนียงจะกลับมาไหม?
A: ใช่ ไขมันสามารถกลับมาได้หากน้ำหนักเพิ่มมาก

 

Q5: แฟตเหนียงอันตรายไหม?
A: โดยทั่วไปไม่อันตราย หากทำโดยแพทย์และใช้ยาของแท้ แต่หากทำกับสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐานอาจมีความเสี่ยง

 

สรุปแฟตเหนียงดีไหม

การฉีดแฟตเหนียงเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่อยากลดคางสองชั้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ช่วยให้ใบหน้าดูเรียว กรอบหน้าคม และเพิ่มความมั่นใจ ผลลัพธ์มักอยู่ได้ 6 เดือน – 1 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง หลังฉีดควรควบคุมน้ำหนัก ดื่มน้ำมาก ๆ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ รวมถึงการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อผลลัพธ์และผลข้างเคียง