กินของหวาน ๆ ทำให้สมองแล่น รู้ข้อดีและข้อเสียของการบริโภคน้ำตาล
น้ำตาล สามารถสร้างพลังงานให้กับสมอง โดยปกติแล้ว เวลาที่กินน้ำตาลเข้าไป ร่างกายจะย่อยสลายผ่านกระบวนการเมตาบอลิซึม (Metabolism) จนโมเลกุลของน้ำตาลแตกตัวเป็นหน่วยที่เล็กที่สุด เรียกว่า กลูโคส (Glucose) และจะดูดซึมเข้าสู่ผนังกระเพาะอาหารไปยังกระแสเลือดต่อไป กลูโคสเป็นพลังงานที่จำเป็นในการหล่อเลี้ยงเซลล์ โดยเฉพาะ สมอง ที่มีเซลล์เป็นจำนวนมหาศาล ยิ่งเรียกร้องพลังงานจากกลูโคสในปริมาณมากเช่นกัน
หน้าที่หลักของสมอง คือ การคิด การจดจำ และการเรียนรู้ ซึ่งต้องอาศัยพลังงานในการส่งสารสื่อประสาท เพื่อประมวลผลสิ่งต่าง ๆ ในระดับมิลลิวินาที หากสมองได้รับกลูโคสไม่เพียงพอ สารสื่อประสาทและสารเคมีในสมองก็จะไม่ถูกผลิตขึ้นหรือผลิตออกมาน้อยลง ส่งผลให้การสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทหยุดชะงัก หรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยสกอตแลนด์ ศึกษาพบว่า การกินน้ำตาลช่วยให้ความจำ ดีขึ้น จดจำได้มากขึ้น และยังต่อสู้กับโรคสมองเสื่อมอีกด้วย
พวกเขาได้ศึกษากับอาสาสมัครที่มีอายุระหว่างตั้งแต่ 18-52 ปี จำนวน 25 คน ให้ลองช่วยกันจำรายการคำจำนวนหนึ่ง แล้วให้ดื่มน้ำหวานกันก่อนที่จะทำการทดสอบความจำและตรวจวัดคลื่นสมอง ตรวจวัดดูว่าหลังจากที่ได้ดื่มน้ำส้มที่ใส่น้ำตาล 25 กรัม พอ ๆ กับดื่มโคคาโคลา 1 กระป๋อง เข้าไปแล้วเกิดอะไรขึ้น
ผลการทดสอบ พบว่า พวกเขาสามารถจดจำคำได้มากขึ้นกว่าเดิม 11% และหากว่าให้กินน้ำตาลเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า ก็จะมีความจำดีขึ้นเป็น 17%
หัวหน้านักวิจัยศาสตราจารย์ริลบี กล่าวว่า “การวิจัยของเราแสดงว่าการดื่มน้ำตาลกลูโคส จะช่วยทำให้ ความจำดีขึ้นได้” เขายังให้ความเห็นว่า “การทดลองกับคนหนุ่มและวัยกลางคน แสดงว่า หากเราสามารถฝึกปรือร่างกาย ให้ใช้พลังงานจากน้ำตาลกลูโคสที่มีสำรองในตัวเสียแต่ต้น อาจจะป้องกันเกิดความจำเสื่อมเมื่อตอนแก่ให้น้อยที่สุด ก็อาจจะทำได้”
ในงานวิจัย The Impact of Free and Added Sugars on Cognitive Function: A Systematic Review and Meta-Analysis ที่เผยแพร่ในปี 2024 ศึกษาเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างการรับน้ำตาลเข้าร่างกายกับประสิทธิภาพในการคิดวิเคราะห์ ระบุว่า น้ำตาลมีผลต่อการทำงานของสมอง ทั้งในเชิงของความจำในชีวิตประจำวันและการทำงาน การโฟกัสในอะไรบางอย่าง รวมถึงความคล่องแคล่วในการพูด คิด ตัดสินใจ วางแผน และการคำนวณเชิงตัวเลข ที่สำคัญ คือ ช่วยส่งเสริมทักษะด้านการเคลื่อนไหว ที่ทำงานสอดประสานระหว่างมือและการมองเห็น แต่การบริโภคน้ำตาลมากเกินไปก็ส่งผลเสียต่อสมองเช่นกัน
ดร.เวรา โนวัค (Vera Novak) ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาการแพทย์จากศูนย์การแพทย์ Beth Israel Deaconess ในสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า สมองจำเป็นต้องใช้น้ำตาลเป็นพลังงานหลัก และไม่สามารถขาดมันได้อย่างสิ้นเชิง เนื่องจากระดับน้ำตาลหรือกลูโคสเชื่อมโยงกับการทำงานของสมอง ทว่าหากระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป จะส่งผลต่อเส้นเลือดและเนื้อสมอง ทำให้อาจเกิดโรคหลอดเลือดหรือสมองฝ่อในอนาคต สิ่งเหล่านี้กระตุ้นให้เกิดภาวะสมองเสื่อม และผลกระทบด้านสติปัญญา และส่งผลในทางตรงกันข้ามกับข้อดีที่กล่าวไปข้างต้น
ประโยชน์ของน้ำตาลอาจส่งผลให้สมองหลั่งโดปามีน (Dopamine) หรือสารแห่งความสุขออกมา ทำให้ร่างกายเกิดความกระตือรือร้น อารมณ์ดี และมอบรอยยิ้มสดใสในระหว่างวัน
ขณะเดียวกันมันทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบง่าย มีภาวะไกลเคชัน (Glycation) ในกระแสเลือด เร่งกระบวนการเสื่อมของผิวหนัง ทำให้หน้าแก่เร็ว อีกทั้งยังเสี่ยงต่อโรคตับ โรคไต และโรคอื่น ๆ อีกมากมายที่เกี่ยวกับระบบการไหลเวียนเลือด ไขมัน และน้ำหนัก
หากรู้สึกเบลอ ไม่กระปรี้กระเปร่า สมองไม่แล่น กินลูกอมสักเม็ด น้ำหวานสักแก้ว หรือเค้กนิดหน่อย ก็อาจเพียงพอต่อการทำให้สมองกลับมาสดชื่นขึ้นอีกครั้ง แต่ระวังอย่าหลวมตัวรับประทานมากจนเกินไป พยายามรักษาสมดุลและจัดการการกินให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และดูแลตนเองในทุกด้านเท่าที่ทำได้
อ้างอิงจาก: https://themomentum.co/wisdom-sugars-brain/
https://www.gotoknow.org/posts/40511
สูตรคำนวณงวด 16/11/68
🏠 ยุคนี้ดื่มที่บ้านยังเสี่ยงผิดกฎหมาย? รู้ไว้ก่อนยกแก้ว!
เจ้าบ่าวกระโดดสะพานฆ่ๅตัวตๅยในวันแต่งงาน
โดนอ่วม แม่ค้าตลาดน้ำดำเนินฯโก่งราคา "พี่จอง-คัลแลน"
กัมพูชาปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ “ฮุน มาเน็ต” สั่งห้ามเรียนไทย – ปลูกฝังชาติ สกัดสมองไหล
เขมรยัน "ระเบิดที่ระเบิดเป็นระเบิดเก่า"











