น้ำมะพร้าวกับความจริงทางวิทยาศาสตร์ ประโยชน์หรือโทษที่คุณอาจไม่รู้
น้ำมะพร้าวคือของเหลวใสๆ ภายในลูกมะพร้าวอ่อนที่ยังไม่สุกเต็มที่ คนนิยมดื่มน้ำจากมะพร้าวอ่อนเพราะมีรสชาติดีกว่า มีปริมาณน้ำมากกว่า และสามารถเปิดดื่มง่ายด้วยการตัดส่วนบนของเปลือกที่ยังนิ่มออก ในขณะที่มะพร้าวแก่จะมีเปลือกแข็งและมีน้ำน้อยลง เพราะน้ำจะค่อยๆ แข็งตัวกลายเป็นเนื้อมะพร้าว
ในน้ำมะพร้าวสด 100 มล. ที่คั้นจากลูกมะพร้าวโดยตรง จะมีน้ำตาลประมาณ 2.7 มก. แต่ต้องระวัง! น้ำมะพร้าวแบบบรรจุขวดที่วางขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตมักมีน้ำตาลสูงกว่า อยู่ที่ประมาณ 3-6 กรัม (หรือประมาณ 1 ช้อนชา) ต่อ 100 มล. ดังนั้น หากดื่มน้ำมะพร้าวบรรจุขวดขนาด 330 มล. คุณอาจได้รับน้ำตาลเกิน 15 กรัม แม้จะมีน้ำตาลและแคลอรี่น้อยกว่าเครื่องดื่มรสหวาน น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มชูกำลัง แต่ก็ยังจัดเป็นน้ำตาลอิสระที่ไม่มีใยอาหารกักเก็บ ทำให้ร่างกายดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้รวดเร็ว
น้ำมะพร้าวยังมีโพแทสเซียมซึ่งสำคัญต่อสุขภาพหัวใจและการทำงานของกล้ามเนื้อ โดยในน้ำมะพร้าว 100 มล. จะมีโพแทสเซียมประมาณ 185-207 มก. แต่ว่ายังน้อยกว่ากล้วยหอมขนาดกลาง (330 มก.) หรือมันฝรั่ง (715 มก.) อยู่มาก ที่สำคัญยังมีอาหารอื่นๆ ที่มีโพแทสเซียมสูงกว่า หาซื้อง่ายกว่า และราคาถูกกว่าน้ำมะพร้าวอีกด้วย
มีข้ออ้างว่าน้ำมะพร้าวช่วยเพิ่มความอึดและสมรรถภาพทางการกีฬาหลังออกกำลังกาย เนื่องจากมีคาร์โบไฮเดรตในรูปของกลูโคส (น้ำตาลเชิงเดี่ยว) และอิเล็กโทรไลต์อย่างโซเดียมกับโพแทสเซียม ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในเครื่องดื่มชูกำลังทางการค้า งานวิจัยหนึ่งพบว่าน้ำมะพร้าวช่วยเติมน้ำให้ร่างกายได้ใกล้เคียงกับเครื่องดื่มเกลือแร่ แต่ไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกายแต่อย่างใด
อีกการศึกษาขนาดเล็กพบว่า ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในสมรรถภาพนักกีฬาระหว่างการดื่มน้ำมะพร้าวกับน้ำเปล่าธรรมดา ดังนั้น ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนคำกล่าวอ้างว่าน้ำมะพร้าวสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกายได้ดีกว่าน้ำเปล่า
สรุปแล้ว น้ำมะพร้าวมีประโยชน์ในแง่เป็นเครื่องดื่มเกลือแร่จากธรรมชาติ แต่ก็ไม่ควรดื่มแบบเพลินๆ เพราะอาจได้รับน้ำตาลเกินจำเป็น ที่สำคัญ อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับสรรพคุณมหัศจรรย์ต่างๆ เพราะวิทยาศาสตร์ยังไม่พบหลักฐานชัดเจนที่จะสนับสนุนข้ออ้างเหล่านั้น




















