หมูกระทะ: จากตำนานรูปแบบการทำอาหารแบบทหารมองโกล สู่รูปแบบอาหารที่ชาวไทยเรานั้นคุ้นเคย
ถ้าพูดถึงอาหารยอดฮิตที่ครองใจคนไทยแบบทุกเพศทุกวัย นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “หมูกระทะ” แน่นอน ทั้งกลิ่นหอม ๆ ของเนื้อย่างบนเตาร้อน ๆ เสียงฉ่าเบา ๆ จากน้ำซุปเดือดปุด ๆ และบรรยากาศการกินร่วมกันที่แสนจะอบอุ่น แต่เคยสงสัยไหมว่า อาหารจานโปรดนี้มีต้นกำเนิดจากที่ไหนกันแน่?
และแม้จะไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าหมูกระทะเริ่มต้นมาจากที่ใด แต่ก็มีตำนานที่เล่าขานกันหลากหลายแหล่ง หนึ่งในนั้นคือ ตำนานจากแดนมองโกล ว่ากันว่าในยุคสมัยที่ทหารมองโกลตระเวนรบตามทุ่งหญ้า ท่ามกลางสงครามอันดุเดือด พวกเขาหิวโหย แต่ไม่มีอุปกรณ์ทำอาหาร จึงพลิกหมวกเหล็กทหารหรือ “Mongol Ancient Military Hat” มาใช้แทนกระทะปิ้งเนื้อ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของกระทะทรงโค้งตรงกลาง ซึ่งต่อมาก็ถูกพัฒนาเป็นกระทะหมูกระทะอย่างที่เราคุ้นเคยในวันนี้
อีกตำนานหนึ่งพาเราไปไกลถึงฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ช่วงปี ค.ศ. 1918 เมื่อครั้งที่รัฐบาลญี่ปุ่นส่งเสริมให้ผู้คนบริโภคเนื้อแกะ ซึ่งล้นตลาดจากการเพาะเลี้ยงเพื่อเอาหนังมาใช้ทำเสื้อผ้า เมนูปิ้งย่างจึงถือกำเนิดขึ้น และกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว ร้านอาหารแนวปิ้งย่างเริ่มผุดขึ้นทั่วประเทศ และรูปแบบการกินนี้ถูกขนานนามว่า “เนื้อย่างเจงกิสข่าน” ตั้งโดยนักเขียนชื่อ โทคุโซะ โคมาอิ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมจีนตอนเหนือ ภายหลังวิวัฒนาการมาเป็น “ยากินิกุ” ที่เราเห็นกันในญี่ปุ่นทุกวันนี้
ไม่เพียงแค่นั้น เกาหลีก็มีบทบาทในวิวัฒนาการของหมูกระทะเช่นกัน เมนูปิ้งย่างอย่าง “บูลโกกิ” และ “กัลบี้” เป็นที่นิยมมากในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในญี่ปุ่น ร้านอาหารในยุคนั้นมักจะเสิร์ฟเมนูปิ้งย่างที่เรียกกันว่า “อาหารโชซอน” หรือ “โฮะโรมอนยากิ” แต่เมื่อเกาหลีแยกเป็นเหนือและใต้ คำว่า “อาหารโชซอน” ก็ค่อย ๆ หายไปจากวัฒนธรรมการกินฝั่งเกาหลีใต้
แล้วหมูกระทะในเมืองไทยล่ะ มาได้อย่างไร?
คำตอบคือ มีการคาดกันว่า ร้านหมูกระทะในไทยเริ่มต้นราวปี พ.ศ. 2500 โดยช่วงแรกเป็นเมนูหรูในภัตตาคาร ใช้ชื่อว่า “เนื้อย่างเจงกิสข่าน” ตามแบบญี่ปุ่น ต่อมาเริ่มกระจายตัวไปยังภาคต่าง ๆ หนึ่งในร้านต้นตำรับคือ “หมื่นทิพย์เนื้อย่างเกาหลี” ที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งในยุคเริ่มแรกเน้นเสิร์ฟเป็นชุด ๆ ยังไม่มีลักษณะบุฟเฟ่ต์เหมือนที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน
เมื่อเวลาผ่านไป หมูกระทะไทยจึงค่อย ๆ ผสมผสานวัฒนธรรมการกินแบบเกาหลี ญี่ปุ่น และจีน เข้าด้วยกัน จนกลายเป็นมื้ออาหารยอดฮิตที่คนไทยทุกคนคุ้นเคย ไม่ว่าจะวันเกิด งานเลี้ยงรุ่น หรือแม้แต่แค่หิวเฉยๆ ก็ไปกินได้ แบบตอนนี้นั่นเอง ^_^




















