พุกาม พม่า
เราจองรถจากย่างกุ้งไปพุกามล่วงหน้าจากบ้านเราเลย จองล่วงหน้าประมาณ 1 อาทิตย์ ผ่านเว็บ http://myanmarbusticket.com/ โดยสามารถตัดเงินผ่านบัตรเครดิตได้สบาย หรือ สำหรับใครที่มี PayPal ก็สามารถชำระผ่าน Paypal ได้
เข้ามาหน้าแรกเราสามารถดูตารางรถได้ และ สามารถระบุวันเวลาเดินทางได้ แนะนำว่าสมัครสมาชิคโดยใช้ พาสปอร์ตก่อนเพื่อสเต็ปสุดท้ายจะได้ใช้ง่าย จากตัวอย่างเราจะเดินทางจาก yangon (ย่างกุ้ง) ไปยัง bagan (พุกาม)
เมื่อเลือกมาแล้วจะมีลิสต์รถบัสที่ให้บริการในเวลาที่หลากหลายแต่เดินทางในวันที่เราเลือกดังนั้นเราต้องใช้ตารางนี้แหละในการวางแผนว่าเราจะอยู่เมืองนี้ถึงกี่โมง จะมาขึ้นรถกี่โมง ช่วงเวลานั้นรถบริษัทอะไรให้บริการ
เราเลือกเดินทางของ JJ Express เวลา 22.00
จากนั้นก็กรอกอีเมล์ สำคัญสุด เพราะเขาจะส่งทุกเอกสารที่ต้องปริ้นไปมาที่อีเมล์ จากนั้นก็ทำเรื่องอีก
สเตปต์เพื่อจ่ายเงินและแสดงความสมบูรณ์
สิ่งที่เขาจะส่งมาอย่างแรกเลยคือ Reference Number เป็นรหัสยาวๆเพื่อยืนยันเป็นหมายเลขอ้างอิงได้ในอนาคต มาพร้อมกับใบเสร็จว่าคุณชำระเงินให้ทางบริษัทแล้ว
หลังจากนั้น 1 วัน เราก็ได้รับอีเมล์ อีก 2 ฉบับตามมา เป็นรายละเอียดการเดินทาง กับ ตั๋วการเดินทาง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ปริ้นตั๋วแล้วไปเช็คอินที่ท่ารถได้เลย ไม่ต้องกลัวว่าจะจองรถไม่ทันเพราะ ที่พม่า ทำงานกันไวมาก ส่งอีเมล์กลับไวมาก
เราจองตั๋วรถแบบธรรมดา แต่จะบอกว่ามันไม่ธรรมดาเลย นั่งสบายกว่ารถบัสวีไอพีบ้านเราอีก
นั่งรถจากตัวเมืองย่างกุ้ง โดยแท็กซี่ บอกพี่คนขับว่าขึ้นรถบริษัทอะไร พี่คนขับก็จอดหน้าบริษัทให้เลย
สถานีรถบัสอองมิงกลา ความวุ่นวาย มากกว่าหมอชิตบ้านเรา เพราะการจัดระเบียบ ยัง งง ๆอยู่ ถ้า เดินหาเองรับรอง งงเป็นไก่ตาแตก
ถึงสถานีรถบัสที่พุกามในตอนเช้าตรู่ ลงรถมาก็จะเจอเหล่าแท็กซี่มารุมล้อมตามเคย จัดการล้างหน้าแปรงฟันแล้ว ต่อไปยังที่พัก โดยไปรถแท็กซี่นั่นแหละ ไม่มีทางเลือก จะไปรถม้าก็ช้าไป
- ที่พุกาม จะแบ่งเป็น 3 โซน คือ ยองอู พุกามเก่า และพุกามใหม่ เรา booking ที่พักย่านยองอู เพราะใกล้สถานีรถบัสสุด ค่าแท็กซี่จะถูกสุด คือ 6000-7000 จ๊าต
ถ้าพุกามเก่า 8000 จ๊าต
พุกามใหม่ 9000 จ๊าต
ที่พุกามนักท่องเที่ยวจะต้องเสียค่าเข้าเมืองให้รัฐบาลพม่าคนละ 25000 จ๊าต แล้วจะมีโค้ดแบบนี้มาให้ เก็บไว้หรือถ่ายรูปไว้ เพื่อเป็นค่าผ่านทางเข้าเจดีย์ทุกเจดีย์ และต้องจ่ายทุกคนหลบหลีกไม่ได้ เพราะยังไง จะมีเจ้าหน้าที่ขอตรวจบัตรและมีเครื่องแสกนมาตรวจเราอยู่ดี
เจดีย์เชวสิกอง พระมหาเจดีย์ที่สำคัญเป็นอันดับสองรองจาก ชเวดากอง ในกรุงย่างกุ้ง
ที่น่าสนใจคือบริเวณลานหน้าบันไดทางขึ้นสู่เจดีย์ทิศตะวันออก มีหลุมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 นิ้ว ลึก 2 นิ้ว ใส่น้ำไว้สำหรับนั่งคุกเข่ามองเงายอดเจดีย์ที่สะท้อนลงผิวน้ำ หลุมนี้ทำขึ้นใหม่เมื่อมีการเทปูนที่ลานรอบองค์เจดีย์ แต่ชาวพม่าเล่าขานว่าตรงจุดนี้เคยมีหลุมมาตั้งแต่สมัยพุกามแล้ว วัดนี้เราตาม พี่บอล พี่ยอด รายการหนังพาไป เพื่อไปพิสูจน์ 555555
หลังจากออกจากเจดีย์เชวสิกอง เปิด map แล้วไปต่อย่านพุกามเก่า วัดแรก
ขอเกริ่นก่อนนะคะ วันที่เราไป เจดีย์ทุกเจดีย์ที่ให้ขึ้นชมวิว ปิดหมดทุกเจดีย์ เสียใจหนักมาก
ติโลมินโล เจดีย์ฉัตรตั้ง แห่งเมืองพุกาม (htilominlo temple)
เจดีย์แห่งนี้สร้างในสมัยพระเจ้านาตองมยาเป็นเจดีย์ที่มีความเป็นมาแปลกกว่าเจดีย์องค์อื่นๆ อย่างที่บอกไปเมื่อตอนต้น ด้วยในสมัยพระเจ้านรปติซีตู ทรงมีราชบุตรหลายพระองค์ ทั้งที่เกิดแต่อัครมเหสีและพระชาย เมื่อทรงจะตั้งองค์รัชทายาทสืบราชบัลลังค์ ก็ไม่อาจตั้งราชบุตรในอัครมเหสีได้ทันที เพราะทรงเคยรับปากพระชายาองค์หนึ่งซึ่งคอยบริบาลพระองค์ขณะประชวรอย่างดียิ่งว่า จะทรงพิจารณาราชบุตรจากชายาองค์นี้ให้ขึ้นครองราชย์ด้วย
เมื่อไม่อาจคืนคำที่ให้ไว้ได้ จึงตัดสินพระทัยเรียกราชบุตรทั้งห้าพระองค์มานั่งล้อมวงกัน แล้วตั้งฉัตรอันเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ไว้ตรงกลาง หากฉัตรล้มลงแล้วปลายฉัตรชี้ไปที่ราชบุตรองค์ใดนั้น ก็จะทรงแต่งตั้งเป็นกษัตริย์สืบต่อไปจากพระองค์
ปรากฏว่าปลายฉัตรชี้ไปที่เจ้าชายชัยสิงห์ (พระเจ้านาตองมยา) ซึ่งเป็นราชบุตรอันเกิดแต่ชายาองค์ที่บริบาลพระเจ้านรปติซีตู ชาวพม่าจึงเรียกนาตองมายาว่า “กษัตริย์ฉัตรตั้ง” และเมื่อทรงขึ้นครองราชย์จึงสร้างเจดีย์ขึ้นเป็นอนุสรณ์ ณ บริเวณที่พระราชบิดาเอาฉัตรเสี่ยงทาย และเรียกว่า “เจดีย์ติโลมินโล”
ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนภูเขา นันทมูล (Nandamula) บนเทือกเขาหิมาลัย อันเนื่องมาจากการจาริกแสวงบุญมายังดินแดนพุกามของพระอรหันต์ 8 รูป
เจดีย์อนันดานี้ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นเพชรเม็ดงามแห่งสถาปัตย์ของพุกามอีกด้วย
วิหารธรรมยางจี วิหารอันยิ่งใหญ่ที่สุดในพุกาม
เรื่องราวเริ่มมาตั้งแต่สมัยนานมาแล้ว โหรของพุกามเคยทำนายไว้ว่า “ ถ้าใครสร้างเจดีย์องค์ใหญ่เกินไป กษัตริย์แห่งพุกามองค์นั้นก็จะพบกับหายนะ ,, ยาวนานจนกระทั่งมาถึงยุคสมัยของกษัตริย์นรปติสิธู กษัตริย์องค์นี้โคตรโหด เพราะพระองค์ได้สังหารบิดาและพี่ชายของตน และผลักดันตัวเองจนได้เป็นกษัตริย์แทน ทีนี้แกเลยต้องการทำบุญล้างบาปขนานใหญ่ด้วยการสร้างเจดีย์ขนาดใหญ่ ซึ่งเจดีย์นี้นอกจากความใหญ่โตแล้วยังโคตรเนี๊ยบอีกด้วย อิฐกว่าล้านก้อนที่เอามาเรียงต่อกันต้องแนบกันสนิทชิดเชื้อกันแบบมากๆ ในระดับที่พระเจ้านรปติสิธูสามารถเอาเข็มมาจิ้มลอดระหว่างรูอิฐสองก้อนได้ นายช่างผู้นั้นก็จะถูกตัดมือและประหารชีวิตในที่สุด
ระหว่างเจดีย์นี้กำลังสร้างในปีที่สาม นอกจากเชือดช่างฝีมือแล้ว พักหลังๆ พระเจ้านรปติสิธูยังฆ่าผู้คนไม่เลือกหน้า เรียกว่า แกไม่ชอบหน้าใครนี่เรียกมาฆ่าหมด แต่เคราะห์กรรมของแกที่ดันไปสั่งประหารชีวิตพระมเหสีองค์นึงที่เป็นธิดาของกษัตริย์อินเดีย ทีนี้พอรู้ถึงหูคุณพ่อแกก็เลยโกรธแค้น ว่าจ้างกองทัพอินเดียและนักลอบสังหารมาสังหารพระเจ้านรปติสิธู และเจดีย์แห่งนี้เลยสร้างไม่เสร็จซักที มีแค่อิฐเปลือยๆ ไม่มีปูนฉาบ ไม่มีจิตรกรรมฝาผนังอย่างที่อื่นๆ และชาวพุกามก็ไม่เข้าไปกราบไหว้ในเจดีย์แห่งนี้อีกด้วย
ขอบคุณตำนานเรื่องเล่า จาก tongkatsu.com
แท่นหินที่นำมาตัดมือ จะอยู่หลังวิหาร ถ้าใครหาไม่เจอเดินวนๆไปข้างหลังนะ


















