ควร ‘ดื่มน้ำ’ วันละเท่าไหร่จึงจะมีประโยชน์ เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
เราควร ‘ดื่มน้ำ’ วันละเท่าไหร่จึงจะมีประโยชน์ เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพราะ ‘น้ำ’ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของร่างกาย เนื่องจากในร่างกายมีน้ำร้อยละ 60 ของน้ำหนัก ร่างกายจึงต้องการปริมาณที่เหมาะสมในทุกวัน เพื่อรักษาสมดุลและใช้ในกระบวนการต่าง ๆ ของร่างกาย
ดื่มน้ำวันละเท่าไหร่จึงเพียงพอ
จากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Academy of sciences – NAS) และ สถาบันแพทยศาสตร์ (The Institute of Medicine – IOM) ได้ให้คำแนะนำในการดื่มน้ำ ดังนี้
ผู้หญิง ควรดื่มวันละประมาณ 2.7 ลิตรต่อวัน (ประมาณ 11.5 แก้ว)
ผู้ชาย ควรดื่มวันละประมาณ 3.7 ลิตรต่อวัน (ประมาณ 15.5 แก้ว)
ทริคคำนวณดื่มน้ำตามน้ำหนักตัว [น้ำหนัก x 2.2 x 30/2] /1000 = ปริมาณน้ำ (ลิตร)
เช่น น้ำหนักตัว 55 x 2.2 x 30/2 = 1,815 มล. หรือ 1.8 ลิตร
ทั้งนี้วิธีการที่ใช้คำนวณนั้นเพียงให้ทราบคร่าว ๆ เพราะ ในแต่ละวันร่างกายย่อมต้องการดื่มน้ำแตกต่างกันไป เช่น วันนั้นอากาศอาจร้อนจัด มีการทำกิจกรรมกลางแจ้ง อาจมีการออกกำลังกายที่เสียเหงื่อมาก ร่างกายย่อมต้องการดื่มน้ำเข้าไปทดแทนมากเท่านั้น หรือ อาจเป็นช่วงที่อากาศหนาวเย็น ร่างกายอาจไม่ต้องการดื่มน้ำมากนัก จึงควรดื่มน้ำตามความเหมาะสมในแต่ละวัน
วิธีการดื่มน้ำที่ช่วยน้ำหนักลด สุขภาพผิวดี แถมยังชะลอวัย
1.ดื่มน้ำ 1 แก้ว หลังตื่นนอน เพราะร่างกายของเรามีนาฬิกาชีวิต อวัยวะต่าง ๆ จะทำงานตามเวลา ซึ่งเราก็ต้องดื่มน้ำให้สัมพันธ์กับแต่ละช่วงเวลาด้วย เวลา 06.30-07.00 น. ให้ดื่มน้ำ 1 แก้ว หรือ หลังตื่นนอนตอนเช้าทันที ช่วงนี้เลือดในร่างกายจะมีความข้นหนืดสูง หลังจากขาดน้ำมาทั้งคืน การดื่มน้ำในตอนนี้จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี และ ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
2.ช่วงสาย ๆ ดื่มน้ำ 2-3 แก้ว ดื่มน้ำ 1 แก้ว โดยดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารเช้า 1 ชม. ไม่ควรดื่มก่อนกินข้าวแบบทันที เพราะจะทำให้น้ำย่อยมีความเจือจางลง ทำให้ย่อยอาหารได้ไม่ดีเท่าที่ควร อาจทำให้ท้องอืดท้องเฟ้อ
ถัดมา เวลา 09.00-11.00 น. ดื่มน้ำ 1-2 แก้ว ร่างกายเริ่มทำงานเต็มที่ในช่วงเวลานี้ พอทำงานเต็มที่ก็จะมีของเสียเกิดขึ้น จึงควรดื่มน้ำเพื่อชำระล้างของเสียเหล่านั้นออกไปจากร่างกาย
3.ดื่มน้ำก่อนมื้อเที่ยง ให้ดื่มน้ำ 1/2 แก้ว ก่อนรับประทานอาหาร 1 ชม. หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ จิบน้ำล้างปากได้เล็กน้อย ไม่ควรดื่มน้ำตามมาก ๆ เพราะจะทำให้น้ำย่อยเจือจาง ย่อยอาหารไม่ดีเท่าที่ควร
4.ช่วงบ่าย ดื่มน้ำ 2-3 แก้ว เวลา 13.00-16.00 น. ดื่มน้ำ 2 แก้ว ไม่ต้องดื่มน้ำรวดเดียวทั้ง 2 แก้ว แต่ให้ใช้การจิบน้ำระหว่างวันไปเรื่อย ๆ เพื่อดับกระหาย และ เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวพรรณ ใครที่นั่งทำงานในห้องแอร์ ผิวจะแห้ง หยาบกระด้างได้ง่าย จึงควรเติมน้ำให้ผิวในช่วงนี้
5.ดื่มน้ำก่อนมื้อเย็น 1-2 แก้ว เวลา 17.00-19.00 ช่วงเย็นควรแบ่งเวลาไปออกกำลังกาย และ ก่อนจะทานมื้อเย็น ให้ดื่มน้ำก่อนอาหาร 1 ชม. ในปริมาณ 1-2 แก้ว ถัดมาในช่วงหัวค่ำ เวลา 19.00-21.00 น. ให้ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว โดยใช้การจิบน้ำไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ระบบเลือด ระบบลำไส้ทำงานได้ดี
6.ก่อนนอนดื่มน้ำ 1 แก้ว ในแต่ละวันควรเข้านอนเวลา 23.00 น. หรือ ไม่เกินเที่ยงคืน โดยก่อนจะนอน 1 ชม. ให้ดื่มน้ำ 1 แก้ว เพื่อชำระล้างสิ่งที่ตกค้างในลำไส้ แต่ไม่ควรดื่มใกล้เวลานอนเกินไป เพราะจะทำให้ปวดปัสสาวะกลางดึก รบกวนการนอนทำให้นอนหลับไม่สนิท
















