มนต์อินเดีย ศิลปะสองข้างทางขึ้นเขากราบ กุฏิพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ความศร้ทธาที่แตกต่างบรรยากาศสองข้างทางน่าหลงใหล
ความสุขความฝันใฝ่ด้วยหัวใจที่ศรัทธา
สองเท้าที่ก้าวขึ้น จนมาถึงจุดยืนที่สูงชัน ปลายยอดไม้ชูแข่งขัน
สุดท้ายแล้วคนนั้นต้องฝ่าฟันเดิน
ครั้งที่สองของการขึ้นเขาเพื่อสักการะกุฎิของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในช่วงตอนเช้าของวัน ออกมาตั้งแต่เช้าแต่กว่าจะเดินทางถึงใช้เวลาสองชั่วโมงได้ การเดินทางที่ไม่สามารถที่จะกำหนดเวลาได้นั้น เป็นสิ่งที่เราต้องปลงและยอมรับเพราะว่าหากเราจะเร่งขนาดไหน ก็ไม่สามารถจะไปทันเวลาได้ หนทางที่ผ่านไม่อาจจะคาดเดาว่าเรานั้นจะเจออะไร
ตอนเช้าของวัน หลังจากลงจากรถ สามารถที่จะเดินขึ้นถนนได้เลย ในตอนที่เราผ่านตอนแรกจะมีแม่ค้ามาเปิดร้านขายของเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นขนม หรือน้ำสามารถที่จะจ่ายก่อนที่จะขึ้น เดินขึ้นมาประมาณร้อยเมตรเราไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรามีคนที่รู้จักเรามาก เดินตามเรามาพูดคุยสนทนาพยายามที่จะสบตากับเรา เราไม่สนใจเขาจะเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ทันที นำพัดมาพัดให้ขอเงินเพื่อที่จะไปทานอาหารด้วยภาษามือสื่อสาร ครั้งนี้ครั้งที่สอง ครั้งแรกนั้นขึ้นไปด้วยความเหนื่อย แต่มาในครั้งนี้เราเตรียมตัวมาดี เดินขึ้นได้สบายเพราะว่านำไม้เท้าช่วยพยุงมาด้วย หมวกร่มพร้อที่สุด แว่นติดตัวสบายตามากเวลามองรอบเขา
มาถึงตรงนี้คือร้อยเมตรแรกในการเดินขึ้นทางขึ้นจะยังไม่สูงชัน ทางขึ้นที่นี่ไม่มีที่สูงจนเราไม่สามารถเดินขึ้นได้ แต่ระยะทางคล้ายกันกับเรานั้นไปเดินออกกำลังกายในที่สวนสาธารณะ ตลอดระยะทางถนนสวยเพราะว่ามีการทำใหม่อยู่ตลอด เวลาที่เดินไปเหมือนการเดินสำรวจป่า ต้นไม้ต่างๆ มีการจำลองคล้ายสมัยพุทธกาล หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นตรัสรู้ และเดินทางขึ้นไปโปรดพระมารดาหรือแม่ หลังจากนั้นจึงเสด็จลงมาที่กุฏิตรงนี้ เหล่าเทวดารู้เลยมารอเพื่อที่จะรอใส่บาตรพระพุทธเจ้า จึงเป็นที่มาของวันออกพรรษา
ตรงกุฏิของพระพุทธเจ้านั้นคือจุดสูงสุด ชนิพที่ไม่มีทางไปไหนได้เลย ลานหินใหญ่ไม่มีทางไป เราเดินไปตอนนั้นไปกันเยอะพอเดินไปได้สักพักไม่ได้สนใจใครเลย เดินหน้าอย่างเดียวเพราะว่าตอนนี้คือเหนื่อยแล้ว การคุยนั้นจะเป็นการเสียพลังงานไปด้วยจึงต้องเดินอย่างมีสติตลอด หากว่าเราเดินพลาดอาจเดินตกเขาได้
สำหรับคนที่สามารถที่จะเดินได้นั้น ให้เดินจะดี เพราะว่าการเดินเท้าเพื่อไปสักการะนั้นมีคุณมหาศาล ไม่ว่าจะในเรื่องของสุขภาพร่างกาย ความภาคภูมิใจว่าครั้งหนึ่งเรานั้นเคยเข้าเฝ้าองค์สัมมาสัมโพธิ์ญาณ ครั้งหนึ่งในชีวิต
คนอินเดียเล่าให้ฟังว่า พื้นที่ตรงนี้ไม่เหมาะสมที่เรานั้นจะมาในตอนกลางคืน เพราะว่าตรงด้านล่างก่อนที่เรานั้นจะขึ้นมา เป็นที่ที่วัยรุ่นชอบมาที่นี่เพราะว่าลับตาพ่อแม่ จึงมีภาพที่ไม่ดีที่เรานั้นอาจจะเห็นได้ จำนวนของประชากรที่เพิ่มมากขึ้นทำให้รายได้นั้นขาดอาหารการกินก็เป็นปัญหาตามมา ไม่มีการคุมกำเนิดเพราะว่าเป็นบาป จากหนึ่งคน ก็กลับกลายมีลูกถึงสิบคน ต้องอยู่โดยการหาเลี้ยงตนเองด้วยการขอทานเลี้ยงตน
พอเราขึ้นมาถึงจุดที่สูงสุดนั้นจะมีแผ่นหินขนาดใหญ่ที่เราสามารถที่จะนั่งพักรับลมเย็น หลังจากสักการะเสร็จ นั่งสมาธฺสักห้านาทีจากนั้นลงมาพักเอาแรงก่อนที่เราจะเดินลงไปด้านล่างเพราะว่าด้านล่างนั้นตอนที่เราลงจากที่สูงเราจะวิ่งลงอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นาน แต่รองเท้าเรานั้นต้องดีหน่อยเพราะไม่อย่างนั้นเราจะกลิ้งลงไปอย่างแน่นอน
อากาศตอนนี้คือไม่ร้อน อากาศกำลังดี ประมาณประเทศไทยแต่แดดนั้นจะไม่ค่อยแสบผิวเพราะว่าลมพัดตลอด ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่สูงอยู่ไม่ไกลจากที่อาบน้ำแร่ เชื่อว่าสมัยก่อนนั้นคนที่นี่จะเดินเท้าไปอาบน้ำที่นั่นปีละครั้ง เพราะว่าต้องใช้เวลาเดินทางไกล และจะเป็นการอาบน้ำตามชั้นวรรณะของตน อาบน้ำแร่ปีละครั้งเดินทางไกลด้วย
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนที่จะเดินทางขึ้นไปบนเขา อย่างแรกหากว่าต้องการที่จะสบายตาเวลามองนั่นคือ การใส่แว่นตากันแดด สองในเรื่องของเสื้อผ้า เราควรใส่เสื้อผ้าสีอ่อนเพราะว่าหากใส่สีแดงหรือสีโทนร้อน เราจะร้อนตามไปด้วย หรืออาจจะหาพัดหาหมวกใส่
ตอนนี้หากว่าเราไปจะมีในส่วนของกระเซ้าในการขนส่งนักท่องเที่ยวที่ไม่สามารถที่จะเดินได้ แต่การเดินนั้นคือความสุขในเสน่ห์ของเส้นทางรอบทิวเขา มองย้อนไปน่าจะเป็นสองสามลูกได้
ระหว่างทางเดินนั้น มีหินก้อนใหญ่ตลอดทาง และหากมีถ้ำอยู่หลายที่เชื่อว่าในสมัยนั้นตอนที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่จะมีเหล่าพระสงฆ์เดินทางมาเข้าเฝ้า แต่การจะเข้าเฝ้านั้นจะต้องผ่านถ้ำของพระสาลีบุตรและพระอานนท์ เข้าเฝ้าถามปัญหาก่อนที่จะเดินทางต่อ หลายที่มีการบอกว่าตรงนี้คือที่ไหน มารอบนี้โชคดีมากในการเดินทางนั้นเราได้พบในซอกหินที่พระเทวทัตนั้นกลิ้งก้อนนหินเพื่อที่จะหวังในการปลงพระชนม์พระพุทธเจ้าจนทำให้ห้อเลือด และยังมีสถานที่ที่ดินสูบด้วย เหมือนจริงมากเป็นรูแต่ก็ไม่มีใครที่จะกล้าเข้าไปทดลอง
ตรงนี้ที่เราเห็นหินนั้นเรียงกันจำนวนมาก ถ้าเรานั้นสังเกตนั่นคือสถานที่ที่มีความสำคัญ แต่เป็นการทำที่เข้าใจผิด เมื่อมีคนหนึ่งวางคนต่อมาก็วางเรียงกันขึ้นเรื่อยๆ กุฏิของพระอานนท์ อยู่ด้านล่างของกุฏิพระพุทธเจ้า เมื่อมีคนเข้าเฝ้าจะมีทางเดินขึ้นไปทะลุกุฏิพระพุทธเจ้า ตอนนั้นน่าจะอากาศไม่ร้อน มีการเล่าว่าพระพุทธเจ้าก้าวขึ้นไปบนสวรรค์เพียงสามก้าวก็ถึง จะขนาดของตัวขนาดไหน เชื่อมไปเลยว่าอดีตนั้นผู้ชายอกสามศอก ตอนนี้ศอกเดียว
ทางขึ้นและทางลง ทำด้วยหินทั้งหมด หากว่าเรานั้นเดินขึ้นไปจะยังคงสงสัยว่าทำไมก้อนหินในเขานี้เยอะมาก ทุกอย่างที่เล่านั้นเมื่อเราไปตามรอยจะมีเหมือนจริง สถานที่ที่เขียนหรือเล่ามามีทั้งหมด สถานที่แห่งนี้เย็นมากแม้ว่าแดดจะจ้าแต่ไม่ร้อน
มุมด้านหน้าเขา ตรงนี้เราสามารถที่จะนั่งพักได้ โค้งลงมาจากกุฎิจะถึงที่นี่ ตรงนี้มองเห็นได้ชัดแล้วว่าเรานั้นเพิ่งจะถึง ในส่วนของตรงนี้หากว่ามีคนจำนวนมาก จะยังไม่สามารถที่จะขึ้นได้เพราะว่าไม่มีที่อยู่ มีพื้นที่จำกัด
ในส่วนของตรงนี้ทุกคนจะต้องเดินเข้าไปสักการะทีละคน เหมือนว่าเรานั้นได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้ามีคำกล่าวในการไหว้ติดไว้ไหมไม่มี ในเรื่องของดอกไม้นั้นไม่อนุญาตดอกบัวที่เป็นกระดาษมากนัก คนส่วนใหญ่อย่างคนไทยจะนำดอกบัวสดขึ้นไปด้วย การวางทรัพย์สมบัติสร้อย แหวน หลังจากนั้นจะมีการสวดมนต์ หรือบางทีมีการไหว้ปลุกเสก สถานที่แห่งนี้ไม่มีคนคอยดูแล ส่วนมากมีบ้างคนอินเดียแต่จะไม่มายุ่งกับเรา ปล่อยให้ไหว้ตามความศรัทธา
หลังจากออกมานั้นจะมีคนนำของมาขาย เพื่อที่จะให้เราซื้อไม่ว่าจะเป็นพระ หรือสร้อยต่างๆ แต่ไม่ซื้อจะดีที่สุด ราคาจะแพงมาก จะโดนแขกต้มได้นะ จากนั้นเดินลงมาตามทางได้เลย เราอาจจะแวะไหว้ก่อนขึ้นหรือไหว้ด้านบนแล้วลงมาไหว้ด้านล่างได้ทั้งหมด พระโมคคัลลานะ และพระสารีบุตรนั้น อยู่ไม่ไกล ด้านในเย็นมาก
การเดินทางในครั้งนี้สิ่งที่ประทับใจรองจากการได้สักการะพระพุทธเจ้าแล้วยังได้เสริมศิริมงคลโดยการไหว้กุฏิของคนที่มีความจำเป็นเลิศอย่างพระอานนท์ที่ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะสอนอะไรนั้นจำได้ โดยไม่ต้องจด สติต้องดีมากขนาดไหน ตอนนั้นเคยคิดเหมือนกันสมัยก่อนนั้นคนจะต้องสมองดีมีความจำเลิศอย่างแน่นอน แม้ว่าการศึกษาจะไม่ได้ดีเท่าที่ควร มีเพียงผู้ชายเท่านั้นที่ได้เข้าเรียน หญิงนั้นไม่มีโอกาสที่จะได้เรียนแต่ต้องทำงานหนัก ตอนนี้ในอินเดียยังเห็นสิ่งเหล่านี้
ผู้หญิงนั้นต้องทำงานหนัก แบกหญ้าแบกฟืน เพื่อที่จะหาอาหารในการเลี้ยงสามี แต่สามีนั้นได้หาเงินอย่างเดียวออกจากบ้านเพื่อทำงาน กลับมาหญิงต้องบำเรอดูแลอย่างดี
สังคมที่แตกต่างจึงทำให้ในเมืองเราหรือในตลาดนั้นจะเจอพ่อค้าการทำอาหารก็จะเป็นชาย แม้แต่การเย็บผ้านั้นยังเป็นชายทั้งหมด ไม่ค่อยมีผู้หญิงออกมาทำงานนอกบ้าน การใส่เสื้อผ้าของหญิงนั้นสามารถที่จะบอกถึงฐานะได้เลยว่าอยู่ในชั้นวรรณะไหน
ความแตกต่างในอดีตยังส่งผลทำให้ปัจจุบันด้วย ยังเห็นได้ชัดในการแบ่งแยกของชนชั้น ที่ไม่มีที่ไหนบนโลกนั้นเหมือน การไปอินเดียลำบากแต่ทำไมเราถึงมีความทรงจำที่ดี มีความสุขในทุกครั้งที่ไปและหากว่าให้เลือกเที่ยวก็ยังจะไปเที่ยวอินเดียอีกครั้ง












