Coolsculpting ลดไขมันเฉพาะจุดด้วยความเย็น
Coolsculpting ลดไขมันเฉพาะจุดด้วยความเย็น
ในยุคที่ผู้คนมีชีวิตเร่งรีบ การดูแลรูปร่างอาจไม่ใช่เรื่องง่าย จะดีกว่าไหม หากมีวิธีดูแลรูปร่างที่ไม่ต้องเสียเวลานาน ไม่ต้องเจ็บตัว และไม่ต้องอดอาหารหักโหม? เพียงใช้เวลา 35 นาทีต่อครั้ง เพื่อจัดการไขมันส่วนเกินได้ด้วยเทคโนโลยี Coolsculpting ลดไขมันด้วยความเย็น ช่วยลดไขมัน กระชับสัดส่วน
Coolsculpting คืออะไร?
Coolsculpting คือ เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Zeltiq Aesthetics ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้หลักการที่เรียกว่า Cryolipolysis หรือ “การทำลายเซลล์ไขมันด้วยความเย็น” ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ได้รับการจดสิทธิบัตร และได้รับความนิยมในระดับสากล โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุดโดยไม่ต้องผ่าตัด
กระบวนการทำงานของ Coolsculpting คือการส่งผ่านพลังงานความเย็นในระดับ -11 ถึง -13 องศาเซลเซียส ไปยังบริเวณที่มีการสะสมของไขมัน ความเย็นนี้จะทำให้เซลล์ไขมันเกิดการตกผลึก และเข้าสู่กระบวนการ Apoptosis หรือการตายของเซลล์แบบเฉพาะเจาะจงโดยไม่กระทบกับเซลล์ข้างเคียง เช่น ผิวหนังหรือเส้นประสาท เมื่อเซลล์ไขมันถูกทำลาย ร่างกายจะค่อย ๆ ลดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไปตามระบบธรรมชาติ เช่น ทางระบบน้ำเหลืองและการขับถ่าย
สิ่งที่ทำให้เทคโนโลยีนี้น่าสนใจ คือผลลัพธ์ที่ได้มีความต่อเนื่องและถาวรในบริเวณที่ทำการรักษา โดยไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหรือหยุดกิจกรรมประจำวัน อีกทั้งยังสามารถเห็นผลได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ และชัดเจนที่สุดภายในประมาณ 3 เดือน
จุดเด่นของ Coolsculpting
- Coolsculpting ผ่านการรับรองมาตรฐาน
Coolsculpting เป็นเครื่องมือที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ว่าเป็นอุปกรณ์ที่ไม่เป็นอันตรายและมีประสิทธิภาพในการลดจำนวนเซลล์ไขมันเฉพาะจุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้เข้ารับบริการสามารถมั่นใจในมาตรฐานของเครื่องมือและกระบวนการได้
- Coolsculpting มีงานวิจัยรองรับผลการรักษา
นวัตกรรม Cryolipolysis ที่ใช้ใน Coolsculpting ได้รับการศึกษาในระดับนานาชาติ โดยมีผลงานวิจัยมากกว่า 20 ฉบับที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการลดจำนวนเซลล์ไขมันอย่างมีนัยสำคัญโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่ออื่นๆ และไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรง
- สามารถใช้ Applicator ได้ 2 หัวพร้อมกัน
เครื่อง Coolsculpting รุ่นใหม่สามารถใช้งาน Applicator ได้ 2 หัวในเวลาเดียวกัน ช่วยให้สามารถทำการรักษาได้สองจุดในครั้งเดียว ลดระยะเวลาในการทำหัตถการลง และเพิ่มประสิทธิภาพในการลดไขมัน โดยเฉพาะในบริเวณที่มีความสมมาตร เช่น ต้นแขน เอว หรือต้นขาทั้งสองข้าง
- Coolsculpting ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
ต่างจากการดูดไขมันหรือการผ่าตัดลดไขมัน การทำ Coolsculpting ไม่ต้องมีการกรีดผิว ไม่มีเข็ม ไม่มีการฉีดสารเข้าไปในร่างกาย จึงไม่มีบาดแผล ไม่มีรอยช้ำ และไม่ต้องพักฟื้น ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังทำ
- Coolsculpting ไม่อันตรายต่อผิว และเนื้อเยื่อรอบข้าง
ความเย็นที่ใช้ในกระบวนการนี้ได้รับการควบคุมด้วยระบบเฉพาะของเครื่อง Coolsculpting เพื่อให้มีความแม่นยำสูง และไม่ส่งผลกระทบต่อผิวหนัง เส้นประสาท หรือกล้ามเนื้อในบริเวณที่ทำการรักษา โดยความเย็นจะมีผลเฉพาะกับเซลล์ไขมันที่ไวต่ออุณหภูมิต่ำเท่านั้น จึงสามารถทำการรักษาได้อย่างไม่เป็นอันตราย แม้ในบริเวณที่ผิวบอบบาง
Coolsculpting เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด แม้จะมีรูปร่างโดยรวมดี
แม้บางคนจะมีรูปร่างโดยรวมที่ดูสมส่วนหรือค่าดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่กลับมีไขมันสะสมเฉพาะจุด เช่น บริเวณหน้าท้อง สะโพก ต้นแขน หรือเหนียงใต้คาง ซึ่งเป็นไขมันดื้อที่ไม่ตอบสนองต่อการออกกำลังกายหรือการควบคุมอาหาร Coolsculpting จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะสามารถเจาะจงลดไขมันเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ผู้ที่ออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว แต่ยังลดไขมันบางส่วนไม่สำเร็จ
มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ทุ่มเทกับการออกกำลังกายและควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัด แต่ยังคงมีไขมันสะสมอยู่ในบางบริเวณที่ไม่ยอมหายไป ซึ่งมักจะเป็นไขมันประเภท Subcutaneous Fat ที่อยู่ใต้ผิวหนังและมีความทนต่อการสลายตัวด้วยวิธีธรรมชาติ Coolsculpting สามารถช่วยจัดการไขมันส่วนนี้ได้ตรงจุด โดยไม่ต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ที่ดีอยู่แล้วของผู้รับบริการ
- ผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย
สำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา เช่น ทำงานประจำที่เคร่งครัด ดูแลครอบครัว หรือมีตารางชีวิตแน่นหนา Coolsculpting คือทางออกที่เหมาะสม เพราะใช้เวลาเพียง 35 นาทีต่อจุดในการทำหัตถการ และไม่มีช่วงพักฟื้น ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันหรือทำงานต่อได้ทันที จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับไลฟ์สไตล์คนเมือง
- คุณแม่หลังคลอดที่ต้องการฟื้นรูปร่าง
หลังคลอดบุตร ผู้หญิงหลายคนประสบปัญหาไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง ต้นขา หรือสะโพก ซึ่งแม้จะพยายามออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารก็ยังยากที่จะกลับสู่รูปร่างเดิม Coolsculpting จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้คุณแม่สามารถจัดการกับไขมันดื้อได้อย่างไม่เป็นอันตราย โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
- ผู้ที่ต้องการมีสัดส่วนชัดเจน ดูลีน
Coolsculpting ไม่เพียงแค่ช่วยลดไขมัน แต่ยังช่วยให้รูปร่างดูสมส่วนขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความชัดเจนของกล้ามเนื้อ เช่น ทำให้เอวดูคอด หน้าท้องแบน หรือขาเรียวขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีเป้าหมายในการปรับรูปร่างให้ "ดูเฟิร์ม" มากกว่าการลดน้ำหนักแบบทั่วไป
Coolsculpting ทำบริเวณไหนได้?
- ต้นแขน
บริเวณต้นแขนเป็นจุดที่ไขมันสะสมได้ง่าย โดยเฉพาะในผู้หญิง เมื่อสะสมมากจะทำให้เกิดลักษณะแขนล่างหย่อนคล้อย หรือที่เรียกว่า “แขนย้อย” ซึ่งมักไม่ตอบสนองต่อการออกกำลังกาย Coolsculpting สามารถช่วยลดไขมันใต้ผิวบริเวณนี้ได้ ทำให้แขนกระชับขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือดูดไขมัน
- หน้าท้อง
บริเวณหน้าท้องถือเป็นจุดยอดนิยม เนื่องจากไขมันบริเวณนี้สะสมได้ง่ายจากทั้งการนั่งทำงาน การตั้งครรภ์ หรือการรับประทานอาหารที่มีพลังงานสูง ไขมันหน้าท้องมักเป็นไขมันใต้ผิว (subcutaneous fat) ซึ่ง Coolsculpting สามารถลดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้หน้าท้องแบนราบขึ้น
- เอวและห่วงยางรอบเอว
“ห่วงยาง” หรือไขมันรอบเอว เป็นไขมันที่ทำให้เอวดูหนาและเสียสัดส่วน โดยเฉพาะเวลาสวมกางเกงเอวต่ำหรือชุดรัดรูป การลดไขมันในจุดนี้ด้วย Coolsculpting ช่วยให้เอวดูคอดชัดขึ้น และรูปร่างโดยรวมดูสมส่วนมากยิ่งขึ้น
- ต้นขา (ด้านใน/ด้านนอก)
ไขมันบริเวณต้นขาด้านในมักทำให้เกิดการเสียดสีเวลายืนหรือเดิน ส่วนต้นขาด้านนอกมักเกิดเป็น “สะโพกข้าง” หรือ “ปีกสะโพก” การทำ Coolsculpting ในจุดนี้จะช่วยให้ขาเรียวขึ้น ลดแรงเสียดสี และช่วยให้รูปร่างโดยรวมดูสมดุลขึ้น
- เนินอกผู้ชาย
ผู้ชายบางคนมีภาวะไขมันสะสมบริเวณหน้าอก ทำให้ดูคล้ายภาวะ “เต้านมโตในผู้ชาย” (Gynecomastia) ซึ่งอาจทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ Coolsculpting สามารถลดไขมันบริเวณนี้ได้โดยไม่ต้องผ่าตัด จึงเหมาะกับผู้ชายที่ต้องการลดสัดส่วนและเพิ่มความมั่นใจ
- เหนือหัวเข่า
แม้บริเวณหัวเข่าจะเป็นพื้นที่เล็ก แต่ไขมันสะสมเหนือเข่าทำให้ขาดูไม่เรียว และเสื้อผ้า เช่น กระโปรงสั้นหรือกางเกงขาสั้น ดูไม่พอดี Coolsculpting สามารถช่วยปรับรูปร่างขาให้เรียวยาว ดูได้สัดส่วนมากขึ้น
- ใต้ก้น (Banana Roll)
บริเวณใต้ก้นมักมีไขมันที่พับตัวคล้ายกล้วย ซึ่งทำให้เส้นของต้นขาและสะโพกดูไม่เรียบลื่น Coolsculpting ช่วยลดไขมันบริเวณนี้เพื่อให้ก้นได้รูป และต้นขาแนบเนียนขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการสวมใส่ชุดรัดรูปได้มั่นใจยิ่งขึ้น
- ด้านหลัง (Bra Fat)
ไขมันที่สะสมบริเวณด้านหลัง โดยเฉพาะรอบสายเสื้อชั้นใน อาจทำให้เกิดปัญหาชุดรัดแน่นหรือเห็นเป็นเนินนูน การลดไขมันบริเวณนี้ด้วย Coolsculpting จะช่วยให้ผิวเรียบ และช่วยให้สวมเสื้อผ้าได้มั่นใจขึ้น
- ใต้แขน
เป็นอีกหนึ่งจุดที่เกิดไขมันสะสมได้ง่าย โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่ค่อยออกกำลังกายหรือมีภาวะผิวหนังหย่อนคล้อย การลดไขมันใต้แขนด้วย Coolsculpting ช่วยให้แขนดูเรียวและกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- แก้มก้น
บริเวณแก้มก้นมักมีไขมันสะสมที่ทำให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างต้นขาและสะโพก การทำ Coolsculpting ตรงจุดนี้จะช่วยเสริมความเรียบเนียนของสัดส่วน และช่วยให้รูปร่างด้านหลังดูสวยได้รูปมากขึ้น
ความรู้สึกระหว่างทำและหลังทำ Coolsculpting
ระหว่างที่ทำ Coolsculpting จะเริ่มจากการติดตั้งหัวเครื่องหรือที่เรียกว่า Applicator เข้ากับบริเวณที่ต้องการลดไขมัน โดยหัวเครื่องนี้จะทำหน้าที่ดูดผิวหนังและชั้นไขมันขึ้นมา เพื่อส่งผ่านพลังงานความเย็นเข้าสู่เซลล์ไขมันอย่างเฉพาะเจาะจง
ในช่วงแรกของการเริ่มทำ จะรู้สึกเย็นจัดทันทีในพื้นที่ที่ทำการรักษา โดยความเย็นระดับ -11 ถึง -13°C นี้อาจทำให้รู้สึกแสบหรือชาเล็กน้อยในช่วง 5-10 นาทีแรก หลังจากนั้นร่างกายจะเริ่มปรับตัว และความรู้สึกจะเบาลง จนกลายเป็นรู้สึกผ่อนคลาย บางคนสามารถนอนหลับได้ระหว่างทำ หรือใช้โทรศัพท์มือถือ อ่านหนังสือ และทำงานเบา ๆ ได้
หลังทำทันที อาจมีอาการบวม แดง รู้สึกแปลบ ชา หรือเจ็บตึงเล็กน้อยในจุดที่ทำ ซึ่งเกิดจากการที่เนื้อเยื่อถูกดูดและแช่แข็งเป็นเวลานาน อาการเหล่านี้เป็นเพียงปฏิกิริยาชั่วคราวตามธรรมชาติของร่างกาย และจะค่อย ๆ หายไปภายใน 3–7 วัน โดยไม่ต้องพักฟื้นหรือหยุดกิจกรรมใด ๆ
Coolsculpting ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
แม้ว่าผลลัพธ์ของ Coolsculpting จะไม่เห็นผลทันทีเหมือนการดูดไขมัน แต่จะเริ่ม เห็นผลลัพธ์เริ่มต้นภายใน 3–4 สัปดาห์ หลังจากทำ เพราะร่างกายต้องใช้เวลาในการลดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วผ่านระบบน้ำเหลือง
ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดจะปรากฏ ภายใน 8–12 สัปดาห์ (ประมาณ 2–3 เดือน) โดยส่วนใหญ่พบว่าสามารถลดไขมันเฉพาะจุดได้ เฉลี่ย 27–31% ต่อครั้ง หากทำอย่างต่อเนื่อง 3–4 ครั้ง โดยเว้นระยะ ประมาณ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง จะช่วยให้ผลลัพธ์ต่อเนื่องและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ จำนวนครั้งที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับลักษณะไขมันเฉพาะบุคคล พื้นที่ที่ทำ และเป้าหมายของรูปร่าง จึงควรเข้ารับการประเมินจากแพทย์ก่อนวางแผนการรักษา
การเตรียมตัวก่อนทำ Coolsculpting
หนึ่งในข้อดีคือ ไม่จำเป็นต้องเตรียมร่างกายล่วงหน้า ไม่มีข้อกำหนดเรื่องการงดอาหารหรือหยุดยา เหมาะสำหรับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ยุ่งแต่ต้องการปรับรูปร่างอย่างไม่เป็นอันตรายและมีประสิทธิภาพ กระบวนการเตรียมตัวเบื้องต้นมีดังนี้
- ปรึกษาแพทย์ผู้ดูแล
เพื่อประเมินบริเวณที่มีไขมันสะสม วางแผนการรักษา และเลือก Applicator ที่เหมาะสมกับสัดส่วนนั้น ๆ - วัดสัดส่วนและถ่ายภาพก่อนทำ
เพื่อเก็บเป็นข้อมูลเปรียบเทียบผลลัพธ์ก่อนและหลังทำในระยะยาว - เปลี่ยนชุดที่สะดวกต่อการทำหัตถการ
โดยปกติคลินิกจะมีเสื้อคลุมหรือชุดพิเศษให้เปลี่ยนก่อนเข้าห้องทำ - ติด Applicator บริเวณที่ต้องการ
ผู้ช่วยแพทย์จะวัดและทำเครื่องหมายเพื่อความแม่นยำ จากนั้นจึงติด Applicator และเริ่มการส่งความเย็น ซึ่งแต่ละจุดใช้เวลา ประมาณ 35 นาทีต่อ Cycle หากใช้ 2 หัวพร้อมกันก็สามารถลดเวลาได้ - ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ
สามารถกลับบ้าน ขับรถ หรือกลับไปทำงานได้ทันที
สรุป
Coolsculpting ลดไขมันเฉพาะจุดด้วยความเย็น เหมาะกับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันเฉพาะจุดอย่างตรงเป้า โดยไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด และไม่มีเวลาพักฟื้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ดูแลตัวเองอยู่แล้ว หรือผู้ที่ยังเริ่มต้นได้ไม่เต็มที่ Coolsculpting สามารถเป็นตัวช่วยเสริมที่ทำงานควบคู่กับการมีไลฟ์สไตล์สุขภาพดี เพื่อให้ได้รูปร่างที่ต้องการอย่างปลอดภัยและยั่งยืน
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
ปมปริศนาการจากไป! พ่อแม่ 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' อายัดศพ หลังทราบผลชันสูตร
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
"ตระกูลฮุน" ถึงคราวอวสาน! คนในชิ่งหนีปิดฮุยวัน-ปชช.หมดตัวเงินในบัญชีถอนไม่ได้
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
"ประธานสหภาพฯ" บริษัทไดกิ้น เปิดใจหลังสั่งปิดงาน! ชี้ ยังต้องได้โบนัส
ปมปริศนาการจากไป! พ่อแม่ 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' อายัดศพ หลังทราบผลชันสูตร
กองกำลังพิเศษ BHQ ทรยศฮุนเซน แอบไปซบ อก สมรังสี
เหนือความเชื่อ! "ซูเปอร์ฟูลมูน" เรื่องที่เราอาจไม่เคยรู้...
“ย้อนวันวานอาหารจานละ 2-3 บาท กินอิ่มทั้งบ้านด้วยเงินไม่กี่บาท ราคาน่ารักที่วันนี้หาไม่ได้แล้ว”
ทำไมต้องหย่ากัน หลังถูกคดีความ? เหตุผลที่ฟังดูดราม่า…แต่จริงกว่าที่คิด
ภาพ 3 มิติ คืออะไร? เทคนิคสร้างภาพเสมือนจริงสำหรับมือใหม่
Microsoft Fabric คืออะไร? แนะนำเครื่องมือใหม่จาก Microsoft สำหรับองค์กรยุคดิจิทัล
ทุกสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ ESG คืออะไร และทำไมถึงสำคัญต่อองค์กร
ดึงหน้า (Facelift) คืออะไร? มีกี่เทคนิค รวมข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ
