Ultherapy Prime เทคโนโลยียกกระชับผิวที่ก้าวล้ำแห่งปี 2025
Ultherapy Prime เทคโนโลยียกกระชับผิวที่ก้าวล้ำแห่งปี 2025
ในยุคที่ความงามและเทคโนโลยีเดินหน้าไปพร้อมกัน ผู้คนจำนวนมากต่างมองหาทางเลือกในการฟื้นฟูผิวที่ไม่อันตราย เห็นผลจริง และไม่รบกวนกิจวัตรประจำวัน Ultherapy Prime จึงเป็นหนึ่งในเทคโนโลยียกกระชับที่ได้รับความสนใจสูงสุดในปี 2025 ด้วยจุดเด่นด้านความแม่นยำของพลังงานอัลตราซาวนด์ การมองเห็นชั้นผิวแบบเรียลไทม์ และผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตา
ทำความรู้จัก Ultherapy Prime
Ultherapy Prime เป็นการพัฒนาเทคโนโลยียกกระชับจากรุ่นก่อนหน้า โดยยังคงใช้หลักการของคลื่นเสียงความเข้มข้นสูง (Micro-focused Ultrasound: MFU-V) ที่สามารถส่งพลังงานลึกลงสู่ชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวเดียวกับที่แพทย์ศัลยกรรมใช้ในการดึงหน้า เสริมด้วยระบบ Visualization ผ่านหน้าจอ Full HD ที่ช่วยให้แพทย์สามารถเห็นชั้นผิวได้ชัดเจนก่อนยิงพลังงานทุกจุด เพิ่มความแม่นยำในการรักษา และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
จุดเด่นที่ทำให้ Ultherapy Prime แตกต่าง
- เทคโนโลยี DeepSEE™
หน้าจอ Visualization ที่ใหญ่ขึ้น 35% ช่วยให้การวางพลังงานลงผิวทำได้ตรงจุดมากขึ้น แพทย์สามารถปรับระดับความลึกและกำลังพลังงานให้เหมาะกับผิวของแต่ละบุคคลได้อย่างละเอียดและไม่อันตราย
- หัวยิงหลากหลายระดับความลึก
Ultherapy Prime มาพร้อมกับหัวยิงที่ครอบคลุมทุกความลึกของชั้นผิว ได้แก่
- 1.5 มม. สำหรับผิวชั้นตื้นบริเวณรอบดวงตา
- 3.0 มม. สำหรับชั้นกลาง เช่น แก้มและแนวกราม
- 4.5 มม. ยิงลึกถึงชั้น SMAS เพื่อยกกระชับอย่างเต็มที่
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
ด้วยความสามารถในการยกกระชับโดยไม่พึ่งการผ่าตัด Ultherapy Prime จึงไม่มีแผล ไม่มีเลือดออก และไม่ต้องพักฟื้น ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
- ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
หลังทำสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงในทันที และผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นในช่วง 2–3 เดือน โดยอยู่ได้นานถึง 1 ปีหรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับการดูแลหลังทำ
Ultherapy Prime เหมาะกับใคร?
- Ultherapy Prime เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณผิวหย่อนคล้อย
- Ultherapy Prime เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้า คาง กรอบหน้า โดยไม่ผ่าตัด
- Ultherapy Prime เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง
- Ultherapy Prime เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเข็มหรือไม่ต้องการมีรอยช้ำ
- Ultherapy Prime เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาหยุดงานหลังทำหัตถการ
- Ultherapy Prime เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวแบบลึกจากภายใน
บริเวณที่สามารถทำ Ultherapy Prime ได้
Ultherapy Prime สามารถทำได้หลายจุดทั่วใบหน้าและร่างกาย เช่น
- Ultherapy Prime สามารถทำบริเวณใต้คาง คางสองชั้น
- Ultherapy Prime สามารถทำบริเวณแก้มส่วนบนและล่าง
- Ultherapy Prime สามารถทำบริเวณรอบดวงตา หนังตา หางตา
- Ultherapy Prime สามารถทำบริเวณคิ้ว หน้าผาก
- Ultherapy Prime สามารถทำบริเวณแนวกรอบหน้าและขากรรไกร
- Ultherapy Prime สามารถทำบริเวณลำคอ เนินอก และมุมปากตก
การเตรียมตัวก่อนทำ Ultherapy Prime
- ก่อนทำ Ultherapy Prime ควรพักผ่อนให้เพียงพอ
- ก่อนทำ Ultherapy Prime ควรดื่มน้ำมาก ๆ
- ก่อนทำ Ultherapy Prime ควรแจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือแพ้ยา
- ก่อนทำ Ultherapy Prime หลีกเลี่ยงยาแอสไพรินหรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- ก่อนทำ Ultherapy Prime งดแอลกอฮอล์และบุหรี่ล่วงหน้า 1-2 วัน
- ก่อนทำ Ultherapy Prime งดการขัดหน้า เลเซอร์แรง ๆ หรือกรดผลไม้
การดูแลตัวเองหลังทำ Ultherapy Prime
- หลังทำ Ultherapy Prime ควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน
- หลังทำ Ultherapy Prime ควรทามอยส์เจอไรเซอร์และครีมกันแดดทุกวัน
- หลังทำ Ultherapy Prime ควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร และพักผ่อนให้เพียงพอ
- หลังทำ Ultherapy Prime หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดและกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก
- หลังทำ Ultherapy Prime งดนวดหน้า หรือทำทรีตเมนต์แรง ๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
ความแตกต่างเมื่อเทียบกับเทคโนโลยียกกระชับอื่น ๆ
แม้ในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Thermage FLX, HIFU, หรือแม้แต่การฉีดสารเติมเต็มต่าง ๆ แต่ Ultherapy Prime ยังคงโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีเฉพาะที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในหลายด้าน ดังนี้
- พลังงานที่ใช้ในการยกกระชับ
- Ultherapy Prime ใช้ พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงแบบจุด (Micro-focused Ultrasound - MFU-V) ซึ่งสามารถส่งผ่านพลังงานอย่างแม่นยำลงไปถึง ชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่แพทย์ศัลยกรรมใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า การลงพลังงานถึงชั้นนี้จะกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่จากภายในอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผิวกระชับขึ้นในแบบที่ดูเป็นธรรมชาติ
- ในขณะที่ Thermage FLX ใช้พลังงาน คลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว (Monopolar RF) ซึ่งปล่อยความร้อนลงไปที่ชั้นหนังแท้และชั้นไขมัน การกระตุ้นในระดับนี้ช่วยในเรื่องของความเรียบเนียนของผิว ลดเลือนริ้วรอยได้ดี แต่ไม่สามารถลงลึกถึงชั้น SMAS ได้ จึงอาจไม่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนเท่ากับ Ultherapy Prime ในด้านการยกกระชับโครงสร้างใบหน้า
- ระดับความลึกในการรักษา
- หนึ่งในจุดแข็งสำคัญของ Ultherapy Prime และ HIFU คือความสามารถในการ เลือกหัวยิงพลังงานได้หลายระดับความลึก ได้แก่ 1.5 มม., 3.0 มม. และ 4.5 มม. เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละชั้นผิว โดยเฉพาะระดับ 4.5 มม. ที่เข้าถึงชั้น SMAS ได้โดยตรง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยกกระชับเฉพาะจุด และยกกระชับปรับรูปหน้าได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเทคโนโลยีอื่นอย่าง Thermage FLX จะจำกัดอยู่ที่ระดับความลึกของผิวหนังชั้นกลางถึงชั้นไขมันเท่านั้น
- ความแม่นยำของการรักษาด้วยระบบ Visualization
- Ultherapy Prime มาพร้อมระบบ DeepSEE™ Visualization แบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Ultherapy ช่วยให้แพทย์มองเห็นโครงสร้างผิวหนังภายในแบบชัดเจนก่อนและขณะทำหัตถการ ส่งผลให้สามารถวางพลังงานได้อย่างแม่นยำตรงจุดที่ต้องการรักษาจริง ไม่สุ่ม ไม่พลาด และลดความเสี่ยงในการยิงพลังงานผิดชั้นผิว ซึ่งเทคโนโลยีอื่น เช่น Thermage FLX และ HIFU ส่วนใหญ่ไม่มีระบบ Visualization ทำให้ต้องอาศัยประสบการณ์แพทย์เป็นหลักในการกะตำแหน่งและความลึก
- ระยะเวลาที่เห็นผลและความคงทนของผลลัพธ์
- Ultherapy Prime ให้ผลลัพธ์ที่เริ่มเห็นได้ตั้งแต่ทันทีหลังทำ และจะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นภายใน 2–3 เดือน โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นานถึง 12 เดือน หรือมากกว่านั้นหากดูแลอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ Thermage FLX มักให้ผลที่ชัดเจนขึ้นในช่วง 3–6 เดือน และความคงทนอาจอยู่ที่ประมาณ 6–12 เดือนเช่นกัน แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคลและการดูแลหลังทำ
ไม่ว่าคุณจะเริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ต้องการยกกระชับปรับกรอบหน้าให้ชัดเจน หรือเพียงแค่อยากฟื้นคืนผิวให้อ่อนเยาว์ Ultherapy Prime คือทางเลือกที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ที่ต้องการเห็นผลจริงโดยไม่กระทบชีวิตประจำวัน
อย่างไรก็ตาม ควรเข้ารับการประเมินจากแพทย์ก่อนทำหัตถการทุกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าแผนการรักษาเหมาะสมกับสภาพผิวและเป้าหมายความงามของคุณที่สุด
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
นิทานเพื่อนรัก 3 คนสู่โศกนาฏกรรมปริศนา! สั่งระงับเผาศพ-พบ "ไซยาไนด์" ในร่างผู้เสียชีวิต
หาดใหญ่จมน้ำ รถลูกค้า ‘วิริยะประกันภัย’ ขอเคลมพุ่ง 3,800 คัน
ปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get out
เกาหลีใต้และญี่ปุ่น เจอคลื่นความหนาวเย็นรุนแรงและพายุหิมะถล่ม การเดินทางชะงักทั่วเมือง
ฮือฮาฝรั่งนั่งรถเข็นพ่อตาขับรถจักรยานยนต์ลากปล่อยเมียไว้กลางทางแล้วให้เมียเดินเข้าบ้าน
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
ภาพ 3 มิติ คืออะไร? เทคนิคสร้างภาพเสมือนจริงสำหรับมือใหม่
Microsoft Fabric คืออะไร? แนะนำเครื่องมือใหม่จาก Microsoft สำหรับองค์กรยุคดิจิทัล
ทุกสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ ESG คืออะไร และทำไมถึงสำคัญต่อองค์กร
ดึงหน้า (Facelift) คืออะไร? มีกี่เทคนิค รวมข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ
