ฟ้าผ่าลงพื้นดิน...อันตรายรัศมีถึงไหน? ใกล้แค่ไหนก็ไม่ปลอดภัยจริงไหม
เมื่อวันก่อนผมเห็นข่าวฟ้าผ่าคนที่ยืนอยู่กลางทุ่งนา ทั้งที่ไม่ได้โดนผ่าโดยตรงแต่ก็เสียชีวิต สร้างความสงสัยให้ผมมากว่า ตกลงแล้วถ้าฟ้าผ่าลงพื้นดิน รัศมีอันตรายมันไกลแค่ไหนกันแน่?
ตอนแรกเข้าใจว่าถ้าไม่ได้โดนผ่า “ตรงๆ” ก็น่าจะรอด แต่พอไปค้นข้อมูลมาจริงๆ แล้ว ถึงกับขนลุกเลยครับ
จากที่หาข้อมูลมาหลายแหล่ง เขาบอกว่าฟ้าผ่าแต่ละครั้งมีกระแสไฟฟ้าสูงมาก ระดับ ร้อยล้านโวลต์ และกระแสอาจพุ่งสูงถึง 30,000 แอมป์ เลยทีเดียว! ต่อให้ผ่าลงพื้นข้างๆ ตัวเรา ไฟฟ้ามันก็สามารถ “วิ่ง” ผ่านพื้นดินมากระทบเราได้เหมือนกัน
เขาเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “step voltage” หรือ “แรงดันก้าวเดิน” หมายถึงเมื่อกระแสไฟจากฟ้าผ่าไหลลงดิน มันจะกระจายไปรอบๆ จุดที่โดนผ่า แล้วหากเราเดินอยู่ หรือยืนใกล้จุดนั้น เท้าข้างหนึ่งอาจสัมผัสบริเวณที่มีแรงดันไฟฟ้าสูงกว่าข้างอีกข้างหนึ่ง ก็ทำให้เกิดกระแสไฟไหลผ่านร่างกายได้เลย
รัศมีอันตรายที่เขาประเมินกันนั้น อยู่ที่ประมาณ 10-30 เมตรจากจุดที่ฟ้าผ่าลง
แต่ก็มีกรณีที่ฟ้าผ่าแล้ว “ไฟกระโดด” หรือกระแสไฟฟ้าส่งต่อจากต้นไม้ เสาไฟ หรือวัตถุที่โดนผ่าไปยังสิ่งรอบข้างได้อีกด้วย เรียกว่าถ้าอยู่ในรัศมีใกล้ๆ จุดที่โดนผ่า ก็คือมีโอกาส “โดนด้วย” โดยที่ไม่เห็นฟ้าแลบโดนตัวเราโดยตรงด้วยซ้ำ
แล้วต้องทำยังไงถึงจะปลอดภัย?
หลีกเลี่ยงอยู่กลางทุ่งโล่ง หรือลานกว้างที่ไม่มีที่กำบัง
อย่ายืนใกล้ต้นไม้สูง เสาไฟ หรือวัตถุที่โดดเด่นบนพื้นดิน
ถ้าอยู่กลางแจ้ง ให้ย่อตัวลง แต่ห้ามนอนราบกับพื้น เพราะจะเพิ่มพื้นที่สัมผัสกับดิน
ถ้าอยู่ในรถยนต์ หรืออาคารที่มีระบบป้องกันฟ้าผ่า จะปลอดภัยกว่ามาก
ใครที่เคยคิดว่า “แค่ยืนใกล้ๆ ไม่โดนตรงๆ คงไม่เป็นไร” อาจต้องคิดใหม่แล้วล่ะครับ เพราะฟ้าไม่ใช่แค่ผ่าลงตรงไหนก็จบ แต่อันตรายมัน “แผ่” ออกมาได้กว้างมากกว่าที่เราคิด
ใครมีประสบการณ์เจอฟ้าผ่าใกล้ๆ หรือเคยโดนด้วยตัวเอง มาแชร์กันได้นะครับ ผมว่าเรื่องนี้ควรรู้ไว้จริงๆ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนแบบนี้
#ฟ้าผ่า #ภัยธรรมชาติ #ฟ้าร้องฟ้าผ่า #ความปลอดภัยช่วงฝนตก #ฝนตกหนัก #ความรู้รอบตัว




















