ทำไมเยอรมนีจึงเป็นประเทศแห่งรถยนต์ ตอนที่ 1
“รถยนต์” คือวิศวกรรมชั้นยอดที่คนเยอรมันภาคภูมิใจ ในบรรดาแบรนด์รถยนต์หรู รถเยอรมันจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คนทั้งโลกใฝ่ฝันไม่ว่าจะเป็น
Mercedes-Benz, Porsche, BMW, Audi a Volkswagen
ทั้ง 5 แบรนด์ ล้วนเป็นตัวแทนของสมรรถนะ ฟังก์ชันการใช้งาน และการออกแบบที่คนทั่วโลกยอมรับ หากไล่เรียงไปบนแผนที่ของประเทศเยอรมนีจะพบว่าสำนักงานใหญ่ของบริษัทรถยนต์ทั้ง 5 ล้วนตั้งกระจายอยู่ทั่วประเทศ Mercedes-Benz และ Porsche อยู่ชตุทท์การ์ท ทางตะวันตก
ของประเทศ
BMW และ Audi อยู่ในรัฐไบเอิร์น ทางตะวันออกเฉียงใต้และ Volkswagen ตั้งอยู่ใจกลางทางตอนเหนือ ในเมืองว็อลฟส์บวร์ก
เรื่องทั้งหมดนี้ราวกับว่า ลมหายใจของชาวเยอรมันขับเคลื่อนเป็นจังหวะเดียวกันกับเครื่องยนต์
อุตสาหกรรมรถยนต์ในเยอรมนี มีจุดเริ่มต้นมาจากการก่อตั้งมหาวิทยาลัยด้านเทคนิค ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ที่เน้นการศึกษาในสายช่าง
สายอาชีพวิศวกรรมโดยเฉพาะและรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อ็อทโท ฟอน บิสมาร์ค ได้สนับสนุนให้มหาวิทยาลัยทำความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม มีงานวิจัยร่วมกันระหว่างนักวิชาการ กับนักธุรกิจในแวดวงอุตสาหกรรม งานวิจัยด้านวิศวกรรม จึงถูกนำไปใช้ในโลกธุรกิจได้ง่าย เมื่อธุรกิจสามารถทำกำไรได้ ก็ให้เงินกลับมาสนับสนุนงานวิจัยต่อไปไม่สิ้นสุด
และด้วยทัศนคติต่ออาชีพ “ช่างกล” ในเยอรมนีที่ดีกว่าประเทศอื่น ๆ ในยุโรป หลาย ๆ คนที่ชื่นชอบในเครื่องยนต์กลไก จึงได้โลดแล่นบนเส้นทางความฝันของตัวเอง หนึ่งในนั้นก็คือ Karl Benz วิศวกรผู้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งเมืองคาร์ลสรูเฮอ (KIT) ทางตะวันตกของประเทศ
Karl Benz ได้ก่อตั้งบริษัท Benz & Cie ในปี ค.ศ. 1883 และพยายามพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันเบนซิน ให้เหนือกว่ารถในยุคนั้น ที่ใช้พลังงานไอน้ำจากถ่านหิน ประเด็นสำคัญก็คือ การใช้น้ำมันเบนซิน จะเป็นการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพดีกว่าไอน้ำ ทำให้เครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันมีขนาดเล็กกว่าเดิมมาก
ในช่วงแรก เครื่องยนต์ใช้น้ำมัน ถูกออกแบบให้เข้ากับรถ 3 ล้อ และเกิดเป็นรถยนต์คันแรกของโลก “Benz Patent-Motorwagen” ในปี ค.ศ. 1886
กิโลเมตรที่ 0 ของรถยนต์เยอรมัน เริ่มออกเดินทางแล้ว..
ในปีเดียวกันนั้นเอง Gottlieb Daimler วิศวกรผู้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งเมืองสตุทท์การ์ท ห่างจากเมืองคาร์ลสรูเฮอเพียง 60 กิโลเมตร
ก็ได้ออกแบบรถยนต์ 4 ล้อ ที่มีเครื่องยนต์ใช้น้ำมันเช่นเดียวกัน และก่อตั้งบริษัท Daimler Motors ที่เมืองชตุทท์การ์ท ในปี ค.ศ. 1890
ทั้ง 2 บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ในเยอรมนี และจุดประกายให้เหล่าวิศวกรมากมายทำตามความฝัน หนึ่งในนั้นคือ August Horch วิศวกรผู้จบจากวิทยาลัยเทคนิคแห่งเมือง Mittweida และเคยทำงานให้กับ Benz & Cie มาก่อน Horch ได้ลาออกมาก่อตั้งบริษัทรถยนต์ Horch ของตัวเอง แต่ก่อตั้งได้ไม่นานก็ประสบความล้มเหลวด้านการบริหาร แล้วก็กลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งพร้อมกับชื่อใหม่ เพราะติดเรื่องกฎหมายที่ไม่สามารถใช้ชื่อเดิมได้
คําว่า Horch เป็นภาษาเยอรมัน แปลว่า ฟัง ซึ่งมีความหมายเดียวกับภาษาละตินว่า Audi บริษัทรถยนต์ Horch จึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Audi (อาวดี้)
ในปี ค.ศ. 1910
ถึงแม้ประเทศเยอรมนีจะเป็นผู้ริเริ่มอุตสาหกรรม มีบริษัทรถยนต์มากมาย แต่รถยนต์เยอรมันทั้งหมดล้วนเป็นรถยนต์ที่ประกอบด้วยมือ ถึงแม้จะมีงานออกแบบที่สวยงาม และตอบโจทย์การใช้สอย แต่ใช้เวลานานมากในการผลิต และมีราคาสูงเยอรมนีจึงผลิตรถยนต์ได้เพียงปีละ 900 คัน ในช่วงต้นทศวรรษ 1900และถูกแซงหน้าโดยประเทศอุตสาหกรรมน้องใหม่อย่างสหรัฐอเมริกาที่มีกระบวนการผลิตแบบสายพานลำเลียงของ เฮนรี ฟอร์ด ที่ทำให้สามารถผลิตรถยนต์ได้จำนวนมาก ๆ ถึงแม้จะไม่สวยงาม แต่ก็มีราคาถูก และเข้าถึง
คนทั่วไปได้
แล้วเหตุการณ์ที่ซ้ำเติมเส้นทางลำบากให้ยากยิ่งกว่าเดิมก็คือสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งจักรวรรดิเยอรมันเป็นผู้ริเริ่มเอง...สงครามนี้สิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1918 ด้วยความพ่ายแพ้ของจักรวรรดิเยอรมัน
ต้องลงนามในสนธิสัญญาแวร์ซาย ที่ระบุให้รับผิดชอบในฐานะผู้ก่อสงครามถูกปลดอาวุธ จำกัดอาณาเขต ห้ามผลิตเครื่องบิน และชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาล การห้ามผลิตเครื่องบิน ทำให้บริษัทที่เคยผลิตเครื่องยนต์ให้เครื่องบินอย่าง Bayerische Motoren Werke หรือ BMW แห่งเมืองมิวนิก รัฐไบเอิร์นที่เพิ่งก่อตั้งในปี ค.ศ. 1917 ต้องประสบความยากลำบากหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Karl Rapp ผู้เคยเป็นช่างเทคนิคให้ Benz & Cie มาก่อนต้องปรับเปลี่ยนให้ BMW มาผลิตระบบเบรกสำหรับรถราง รัฐบาลเยอรมนีพยายามพิมพ์เงินเพื่อใช้หนี้ค่าปฏิกรรมสงคราม แต่ผลที่ได้กลับทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างมโหฬาร จนกลายเป็นวิกฤติเศรษฐกิจ
วิกฤติครั้งนี้ ทำให้รถยนต์ที่มีราคาสูงอยู่แล้ว ยิ่งขายไม่ออก บริษัทรถยนต์ทั้งหลายจึงต้องปรับตัวกันอย่างหนักความต้องการรถขนาดเล็ก ทำให้ BMW หันมาผลิตรถมอเตอร์ไซค์เข้าสู่ตลาด
ส่วน 2 บริษัทรถยนต์คู่แข่ง Daimler และ Benz ต้องควบรวมกันในปีค.ศ. 1926 และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ Mercedes-Benz ที่มีสำนักงานอยู่
ในเมืองชตุทท์การ์ท เช่นเดียวกับ Audi ที่ต้องควบรวมกับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นอีก 4 บริษัท กลายเป็นที่มาของสัญลักษณ์ห่วงทั้ง 4 ของแบรนด์ Audi
ด้วยความที่รถยนต์ของ Mercedes-Benz มีขนาดใหญ่และราคาแพงหนึ่งในทีมออกแบบ Ferdinand Porsche จึงได้เสนอรถยนต์แบบใหม่ ทีขนาดให้เล็ก และมีน้ำหนักเบาลงเพื่อลดราคา Ferdinand Porsche วิศวกรผู้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคนิคชตุทท์การ์ท มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วยุโรป จากการประดิษฐ์มอเตอร์ขับเคลื่อนล้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
แต่ข้อเสนอของ Porsche ก็ไม่ผ่านบอร์ดผู้บริหารของ Mercedes-Benz ...Porsche จึงลาออกมาตั้งบริษัทของตัวเอง ในปี ค.ศ. 1931 โดยเป็นบริษัท
ที่ปรึกษาด้านการพัฒนามอเตอร์ และเครื่องยนต์
มาถึงตรงนี้ เรามาทบทวนกันอีกสักครั้งว่า..
รถยนต์เยอรมันแต่ละแบรนด์มีความสัมพันธ์กันอย่างไร
Mercedes-Benz เป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมนี ส่วนอีก 3 แบรนด์ คือ BMW, Audi และ Porsche หนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์เหล่านี้
ล้วนเคยทำงานกับ Mercedes-Benz มาก่อน ดูเหมือนว่าเวลานี้ รถยนต์แต่ละแบรนด์ต่างก็เริ่มขับเคลื่อนไปบนถนนของตัวเอง
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญ คือการก้าวขึ้นเป็นผู้นำประเทศของ “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์”ซึ่งจะทำให้รถยนต์ทุกแบรนด์ ต้องกลับมาอยู่บนถนนแห่งชะตากรรม
เส้นเดียวกันอีกครั้ง..ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทำให้หัวหน้าพรรคนาซีได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเผด็จการ
เบ็ดเสร็จ เพื่อให้ชนชาติเยอรมันกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ฮิตเลอร์จึงริเริ่มแผนฟื้นฟูเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในครั้งนี้ ความยิ่งใหญ่ของชนชาติเยอรมันจะไม่ใช่เส้นทางรถไฟแต่ต้องเป็นไฮเวย์..
ทางด่วนระหว่างเมือง หรือ เอาโทบาห์น (Autobahn) ได้ถูกสร้างขึ้นทั่วประเทศเพื่อเติมเต็มไฮเวย์เหล่านี้ ฮิตเลอร์มีความคิดที่จะสร้างรถยนต์ขนาดครอบครัวที่ใคร ก็ซื้อได้ เรียกว่า รถของประชาชน หรือในภาษาเยอรมันคือ“Volkswagen” โครงการรถของประชาชน จะชนะใจชนชั้นแรงงาน
ทั่วจักรวรรดิเยอรมันที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ก่อนที่ฮิตเลอร์จะกล่อมประชาชนเหล่านั้นให้เข้าสู่สงคราม
สงครามโลกครั้งที่ 2..
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
ตรงนี้มีคำตอบคนละครึ่งพลัสเฟส 1 ใช้ไม่หมดสามารถนำไปใช้เฟส 2 ได้หรือไม่
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
ภาษาที่ควรเรียนที่สุด ในอีก5ปีข้างหน้า
ทนายสายหยุด ยอมรับสลิปโอนเงินของ "นานา" เป็นของปลอม
ปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get out
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน
ตุ๋นลงทุนทิพย์: ไว้ใจ เชื่อใจ หรือเกรงใจ… สุดท้ายใครคือเหยื่อ?
ตุ๋นลงทุนทิพย์: ไว้ใจ เชื่อใจ หรือเกรงใจ… สุดท้ายใครคือเหยื่อ?
รอบ 3 อาการ 12: หัวใจแห่งการตื่นรู้สำหรับชีวิตประจำวัน (เอไอ รวบรวมและเรียบเรียง)
เลิกกัน แต่ปล่อยคลิปลับ — คนแบบนี้ยังมีอยู่ในโลกได้ยังไง?
7 อันดับสารพิษตัวร้าย : อยู่ให้ไกล ระวังให้ดี เพราะโลกนี้ไม่ได้อ่อนโยนกับเราเสมอไป