เกิดอะไรขึ้น ราคาทองคำผันผวนกระทันหัน!
ในช่วงนี้ราคาที่ทะยานขึ้นกลับลดลงต่ำกว่า 3,300 ดอลลาร์
ในช่วงบ่าย ราคาทองคำพุ่งลงอย่างกะทันหัน โดยร่วงลงตรงๆ จากที่เพิ่มขึ้นกว่า 0.8% เมื่อเวลา 20.00 น. ของเมื่อคืนนี้ ราคาลดลงมากกว่า 1% และในช่วงหนึ่งของการซื้อขาย ราคาลดลงต่ำกว่าระดับ 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในตลาดหุ้นหุ้นทองคำยังคงปรับตัวอย่างต่อเนื่อง
โดยหุ้นอื่นๆ นำหุ้นที่ปรับตัวลดลง และทองคำแท่งลงทุนขายไปหมดแล้ว พ่อค้าแม่ค้า ต่างขอเพิ่มมาร์จิ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยง ก่อนหน้านี้ได้รายงานว่าราคาทองคำลดลงและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
และผู้บริโภคก็ต่างกระตือรือร้นที่จะซื้อ ในตลาดเครื่องประดับ และทองคำแท่งมีคนซื้อไปทีเดียวถึง 6.9 ล้านบาท และแม้แต่พนักงานขายก็ยังต้องแย่งซื้อกัน...
ทางด้านการลงทุนขายส่ง แท่งทองคำบนเคาน์เตอร์หลายแท่งก็ขายหมดไป ผู้ซื้อทองคำ กล่าวว่า “มีคนจำนวนมากเข้าคิวรอในห้องแสดงสินค้า ผมต้องรอถึงสองชั่วโมงจึงจะได้ทองคำจำนวนเล็กน้อยนี้”
“การจะได้ทองคำ(แท่ง)มาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พวกเราทุกคนสั่งล่วงหน้า แต่ทองคำก็ไม่ได้มีอยู่เสมอไป เราสั่งล่วงหน้าสองวัน แต่ได้ทองคำมาแค่ในวันนี้เท่านั้น ปกติจะมีก็แต่เครื่องประดับ แต่ตอนนี้ลูกค้าอาจคิดว่าทองคำแท่งมีค่ามากกว่า ดังนั้นตอนนี้ผู้คนจึงเลือกทองคำแท่งกันมากขึ้น”
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมกล่าวว่าตั้งแต่ปีที่แล้ว ความต้องการทองคำแท่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก ต่อมาใน 2-3 วันนี้ ราคาทองคำที่ผันผวนอย่างรวดเร็วในช่วงล่าสุด ส่งผลให้ผู้ลงทุนจำนวนมากตัดสินใจซื้อในช่วงที่ราคาต่ำ ซึ่งยิ่งกระตุ้นความต้องการซื้อมากขึ้น
เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง พ่อค้าแม่ค้าในตลาดได้เพิ่มเงินมัดจำที่ผู้บริโภคต้องชำระสำหรับการซื้อแท่งทองคำเพื่อการลงทุน เพราะเท่าที่ผ่านมา "จะมีการบิดสัญญาเกิดขึ้นบ้าง เช่น ผู้ที่จ่ายเงินมัดจำเพียง 3-4พันบาท ต่อกรัมก่อนหน้านี้
พวกเขาซื้อทองคำแท่ง 1 กิโลกรัมในราคานึง แต่ราคาตกลงมาต่ำกว่าที่ซื้อไว้ต่อกรัม ในวันที่ 23 ซึ่งหมายความว่าผู้ซื้อต้องสูญเสียเงินไป
ตรงนี้หากผู้ซื้อละเมิด(บิด)สัญญา เขาสามารถสละล็อตทั้งหมดได้ และพ่อค้าอาจต้องชดเชยเงินที่สูญเสียไป ดังนั้น ผมจึงแนะนำให้ซื้อทองคำ 1 กิโลกรัมด้วยเงินมัดจำสักครึ่งนึง
แล้ว.....ราคาทองคำจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกหรือไม่? หลังจากราคาทองคำมีการผันผวนอยู่ในระดับสูง ตลาดทองคำยังสามารถสดใสต่อไปได้หรือไม่?
อย่ากังวลไปครับ หลังจากราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งขึ้นจาก 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เป็นประมาณ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐก็ได้เกิดเกมที่ดุเดือดระหว่างกระทิงและหมี ส่งผลให้เกิดความผันผวนอย่างมาก ผลกระทบจากเรื่องนี้ ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศร่วงลง 4.7% ในวันที่ 23 และปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.7% ในวันที่ 24 ภายใต้ราคาทองคำที่สูง แนวโน้มความแตกต่างของตลาดนั้นชัดเจน ในขณะเดียวกัน ความต้องการการลงทุนก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เฉพาะในด้านของ ETF ทองคำ ขนาดปัจจุบันของ ETF ทองคำในตลาดภายในประเทศก็เพิ่มขึ้นซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับต้นปี
ในทางกลับกัน ตลาดผู้บริโภคในไทยยังคงแสดงสัญญาณของความอ่อนแอ แสดงให้เห็น ในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมปีนี้
นอกจากนี้ ตลาดการซื้อคืนทองคำกำลังร้อนแรง เมื่อราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นักลงทุนที่ซื้อทองคำแท่งไว้ก่อนหน้านี้ก็ขายทองคำแท่งบางส่วนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าออกไป ด้วย ราคาทองคำกำลังอยู่ในช่วงขาลง หลังจากราคาทองคำในตลาดโลกเพิ่มขึ้นมากกว่า 26% ในปี 2567 ราคาทองคำจึงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างสุดๆในปีนี้ ข้อมูลระบุว่าในช่วงต้นปี 2567 ราคาทองคำในนิวยอร์กและลอนดอนยังคงอยู่ที่ประมาณ 2,050 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ในเวลาไม่ถึงปีครึ่ง ราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งสูงสุดประมาณ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยเคยเพิ่มขึ้นมากกว่า 70% ในบางจุด หากพิจารณาตามแกนเวลาในระยะยาว การเพิ่มขึ้นอย่างมากของราคาทองคำถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในประวัติศาสตร์ ราคาทองคำพุ่งขึ้นประมาณ 19% ในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยในอดีต มีเพียงช่วงปี 2523 และระหว่างปี 2515 ถึง 2517 เท่านั้นที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นมากกว่าในจำนวนนี้ ตั้งแต่ปีที่แล้ว สถาบันการเงินระหว่างประเทศ เช่น Goldman Sachs, UBS และ JPMorgan Chase ต่างมีมุมมองบวกต่อทองคำ และได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง
ราคาทองคำที่พุ่งสูงอย่างรวดเร็วจะทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากไม่ทันตั้งตัว โกลด์แมนแซคส์คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นเป็น 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปีนี้ และไปถึง 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในกลางปี 2569
ในปีนี้ ไม่เพียงแต่เราไม่รอโอกาสซื้อหลังจากที่ราคาปรับตัวลงเท่านั้น แต่ราคายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าในเดือนเมษายน ราคาขายเครื่องประดับทองคำบริสุทธิ์สูงสุดในร้านทองแบรนด์ดังต่างก็ เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับต้นปี แต่การลงทุนต้องมีเหตุผล ราคาทองคำที่พุ่งสูงอย่างรวดเร็วส่งผลให้เกิด “การลงทุนในระเบิดทองคำ ”
ในโซเชียลมีเดีย หากคุณค้นหาการพูดคุยเรื่อง “การเก็งกำไรทองคำ” และการ “แย่งชิงทองคำ” ต่างยังคงมีความร้อนแรงไม่ตก
โดยผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบางส่วนยังใช้สินเชื่อเพื่อการบริโภค บัตรเครดิต หรือแม้แต่สินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตเพื่อซื้อทองคำเพื่อการลงทุนอีกด้วย และนักลงทุนในประเทศจำนวนมากมองว่าทองคำเป็นเพียงเครื่องมือเก็งกำไรในระยะสั้น มากกว่าที่จะเป็นเครื่องมือจัดสรรสินทรัพย์ในระยะยาว ซึ่งนำไปสู่พฤติกรรมการลงทุนที่ไม่สมเหตุสมผล


















