หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ผลไม้บ่มสุก ดีจริงเหมือนผลไม้ที่สุกเองตามธรรมชาติหรือไม่?

เนื้อหาโดย บทความ ชุมชน

บ่มสุกผลไม้ เป็นกระบวนการที่พบเห็นได้ทั่วไปในอุตสาหกรรมการเกษตรและการค้าผลไม้ทั่วโลก แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่าผลไม้ที่ผ่านการบ่มให้สุกนั้นมีคุณค่าทางโภชนาการและความปลอดภัยเทียบเท่ากับผลไม้ที่สุกเองตามธรรมชาติบนต้นหรือไม่ บทความนี้จะพาไปสำรวจข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับกระบวนการบ่มผลไม้ให้สุก ผลกระทบต่อคุณค่าทางโภชนาการ และความปลอดภัยในการบริโภค โดยอ้างอิงจากงานวิจัยที่น่าเชื่อถือและทันสมัย

ผลไม้บ่มสุกได้อย่างไร

กระบวนการสุกของผลไม้เป็นปรากฏการณ์ทางชีวเคมีที่ซับซ้อน โดยธรรมชาติแล้ว ผลไม้จะสร้างฮอร์โมนพืชที่เรียกว่า "เอทิลีน" (Ethylene) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีที่นำไปสู่การสุก การศึกษาโดย Lelievre และคณะ (1997) ในวารสาร Physiologia Plantarum ได้แสดงให้เห็นว่าเอทิลีนกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสลายโครงสร้างผนังเซลล์ การเปลี่ยนแปลงแป้งเป็นน้ำตาล และการสังเคราะห์สารให้กลิ่นและสารให้สี

การบ่มผลไม้ให้สุกในเชิงพาณิชย์มีหลายวิธี:

  1. การบ่มด้วยก๊าซเอทิลีน - วิธีที่พบบ่อยที่สุดในอุตสาหกรรม โดยปล่อยก๊าซเอทิลีนเข้าไปในห้องบ่มที่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้น 
  2. การบ่มด้วยแคลเซียมคาร์ไบด์ - เมื่อสัมผัสกับความชื้น แคลเซียมคาร์ไบด์จะปล่อยก๊าซอะเซทิลีนซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายกับเอทิลีน วิธีนี้เป็นที่นิยมในบางประเทศกำลังพัฒนาแต่มีข้อกังวลด้านความปลอดภัย
  3. การบ่มด้วยความร้อน - การเพิ่มอุณหภูมิจะเร่งกระบวนการเมแทบอลิซึมในผลไม้ทำให้สุกเร็วขึ้น
  4. การบ่มด้วยวิธีธรรมชาติ - เช่น การห่อผลไม้ในกระดาษหรือถุงกระดาษ หรือวางใกล้กับผลไม้ที่ปล่อยเอทิลีนสูง เช่น กล้วยหรือแอปเปิล

 

การศึกษาโดย Barry และ Giovannoni (2007) ในวารสาร Annual Review of Plant Biology ได้แสดงให้เห็นว่ากระบวนการสุกของผลไม้สามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทหลักๆ:


บทความที่น่าสนใจ by News Daily TH
✪ เคยสงสัยกันไหม ผลไม้รถเข็นถึงหวานฉ่ำจัง? ความลับการเพิ่มความหวานผลไม้อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ


การบ่มผลไม้มีเสียต่อร่างกายคนทานไหม?

คำถามที่สำคัญคือ การบ่มผลไม้ให้สุกส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้บริโภคหรือไม่ ข้อกังวลหลักเกี่ยวกับความปลอดภัยของผลไม้บ่มสุกมีดังนี้:

1. การบ่มด้วยแคลเซียมคาร์ไบด์

การวิจัยโดย Rahman และคณะ (2008) ในวารสาร Pakistan Journal of Biological Sciences พบว่าการบ่มผลไม้ด้วยแคลเซียมคาร์ไบด์อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากแคลเซียมคาร์ไบด์ในทางการค้าอาจมีการปนเปื้อนของสารหนู (arsenic) และฟอสฟอรัส (phosphorus) ซึ่งเป็นสารพิษ การบริโภคผลไม้ที่บ่มด้วยแคลเซียมคาร์ไบด์อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองในปากและลำคอ ท้องเสีย หรือหากได้รับในปริมาณมากอาจส่งผลต่อระบบประสาทและไต

2. การบ่มด้วยเอทิลีน

ในทางตรงกันข้าม การบ่มด้วยก๊าซเอทิลีนที่ได้รับการยอมรับว่าปลอดภัยกว่า การศึกษาโดย Martínez-Romero และคณะ (2007) ในวารสาร Food Science and Technology International ไม่พบหลักฐานที่แสดงว่าการบ่มด้วยเอทิลีนในปริมาณที่ควบคุมส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้บริโภค เนื่องจากเอทิลีนเป็นฮอร์โมนที่ผลไม้ผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติ และไม่มีการตกค้างในผลไม้หลังกระบวนการบ่ม

3. สารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้าง

อีกประเด็นหนึ่งที่ต้องพิจารณาคือสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างในผลไม้ การศึกษาโดย Bempah และคณะ (2011) ในวารสาร Journal of Environmental Protection พบว่าผลไม้ที่เก็บเกี่ยวก่อนระยะสุกเต็มที่เพื่อนำมาบ่มอาจมีสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างในปริมาณที่สูงกว่า เนื่องจากระยะเวลาระหว่างการฉีดพ่นสารเคมีครั้งสุดท้ายกับการเก็บเกี่ยวอาจสั้นกว่าที่แนะนำ

องค์การอาหารและยา (FDA) และองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ล้างผลไม้ให้สะอาดก่อนบริโภคเพื่อลดความเสี่ยงจากสารเคมีตกค้าง โดยไม่ว่าจะเป็นผลไม้ที่สุกเองตามธรรมชาติหรือผลไม้บ่มสุกก็ตาม

การทานผลไม้บ่มสุก คุณค่าทางโภชนาการลดลงไหม?

เมื่อเปรียบเทียบคุณค่าทางโภชนาการระหว่างผลไม้ที่สุกตามธรรมชาติกับผลไม้บ่มสุก มีข้อค้นพบที่น่าสนใจจากการวิจัยหลายชิ้น:

1. วิตามินและแร่ธาตุ

การศึกษาโดย Lee และ Kader (2000) ในวารสาร Postharvest Biology and Technology พบว่าปริมาณวิตามินซีในผลไม้อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับวิธีการบ่ม โดยผลไม้ที่สุกบนต้นมักมีปริมาณวิตามินซีสูงกว่าผลไม้ที่เก็บเกี่ยวก่อนสุกและนำมาบ่ม อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างนี้มักไม่มีนัยสำคัญทางโภชนาการในการบริโภคจริง

ในทางกลับกัน การศึกษาโดย Prasanna และคณะ (2007) ในวารสาร Journal of the Science of Food and Agriculture พบว่าผลไม้บางชนิด เช่น มะม่วง อาจมีปริมาณเบต้าแคโรทีนและวิตามินเอเพิ่มขึ้นระหว่างการบ่มให้สุกหลังการเก็บเกี่ยว

2. สารต้านอนุมูลอิสระ

Kevers และคณะ (2007) ในวารสาร Journal of Agricultural and Food Chemistry ได้ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของสารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้ระหว่างการสุก พบว่าผลไม้บางชนิดมีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นเมื่อสุก (เช่น มะเขือเทศ) ในขณะที่บางชนิดมีปริมาณลดลง (เช่น เบอร์รี่)

การวิจัยโดย Vinha และคณะ (2013) ในวารสาร Food Chemistry พบว่าวิธีการบ่มมีผลต่อปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้ โดยการบ่มที่อุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมอาจช่วยรักษาหรือเพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระได้

3. ใยอาหารและคาร์โบไฮเดรต

การศึกษาโดย Goldfield และคณะ (2008) ในวารสาร Nutrition Reviews พบว่าปริมาณใยอาหารในผลไม้ไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากวิธีการบ่ม แต่ระดับน้ำตาลอาจแตกต่างกัน โดยผลไม้ที่สุกตามธรรมชาติบนต้นมักมีความสมดุลของรสหวานและความเปรี้ยวที่ดีกว่า

4. รสชาติและกลิ่น

Fellman และคณะ (2000) ในวารสาร Journal of Agricultural and Food Chemistry พบว่าผลไม้ที่สุกบนต้นมักมีโปรไฟล์ของสารให้กลิ่นที่ซับซ้อนกว่าผลไม้ที่บ่มสุกหลังการเก็บเกี่ยว ซึ่งอาจส่งผลต่อรสชาติและกลิ่นโดยรวม นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผลไม้ที่สุกตามธรรมชาติมักมีรสชาติดีกว่า

ผลไม้บ่มสุก มีอะไรบ้าง?

ผลไม้แต่ละชนิดมีความเหมาะสมในการบ่มให้สุกแตกต่างกัน ตามการศึกษาของ Paul และ Pandey (2014) ในวารสาร Comprehensive Reviews in Food Science and Food Safety สามารถแบ่งผลไม้ตามความเหมาะสมในการบ่มได้ดังนี้:

ผลไม้ที่เหมาะสำหรับการบ่มสุก (ไคลแมคเทอริก)

  1. กล้วย - เป็นผลไม้ที่บ่มสุกได้ดีที่สุด การศึกษาโดย Ahmad และคณะ (2006) ในวารสาร Tropical Science พบว่ากล้วยที่เก็บเกี่ยวในระยะเขียวและบ่มด้วยเอทิลีนสามารถพัฒนารสชาติและเนื้อสัมผัสได้ใกล้เคียงกับกล้วยที่สุกบนต้น
  2. มะม่วง - Lalel และคณะ (2003) ในวารสาร Journal of Horticultural Science and Biotechnology พบว่ามะม่วงสามารถบ่มให้สุกได้ดีหลังการเก็บเกี่ยว แต่โปรไฟล์ของสารให้กลิ่นอาจแตกต่างจากมะม่วงที่สุกบนต้น
  3. อะโวคาโด - ต้องเก็บเกี่ยวในระยะที่เหมาะสมและบ่มที่อุณหภูมิห้องเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มและรสชาติที่ดี (Woolf et al., 2004; Postharvest Biology and Technology)
  4. ลูกพีช - การบ่มที่อุณหภูมิ 20-25°C จะช่วยให้ลูกพีชมีรสชาติหวานและเนื้อนุ่ม (Crisosto et al., 2001; Postharvest Biology and Technology)
  5. มะละกอ - สามารถเก็บเกี่ยวในระยะเริ่มเปลี่ยนสีและบ่มให้สุกได้ (Paull et al., 1997; Postharvest Biology and Technology)
  6. แอปเปิล - บางสายพันธุ์สามารถบ่มให้สุกได้ดี แต่บางสายพันธุ์ควรสุกบนต้น (Johnston et al., 2002; Postharvest Biology and Technology)
  7. สาลี่ - เหมาะสำหรับการบ่มที่อุณหภูมิห้อง และมักมีรสชาติดีกว่าเมื่อบ่มหลังการเก็บเกี่ยว (Chen and Mellenthin, 1981; Journal of American Society for Horticultural Science)

ผลไม้ที่ไม่เหมาะสำหรับการบ่มสุก (นอน-ไคลแมคเทอริก)

  1. ส้ม - ต้องสุกบนต้น การบ่มหลังเก็บเกี่ยวไม่ช่วยเพิ่มความหวานหรือคุณภาพ (Rodrigo et al., 2013; Food Science and Technology International)
  2. องุ่น - ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคุณภาพที่สำคัญหลังการเก็บเกี่ยว (Chervin et al., 2004; Postharvest Biology and Technology)
  3. สตรอเบอร์รี่ - ควรเก็บเกี่ยวเมื่อสุกเต็มที่เท่านั้น การบ่มไม่ช่วยปรับปรุงคุณภาพ (Kalt et al., 1993; Journal of Food Science)
  4. เชอร์รี่ - เช่นเดียวกับสตรอเบอร์รี่ ต้องสุกบนต้น (Serrano et al., 2005; Food Chemistry)
  5. สับปะรด - แม้จะมีการเปลี่ยนสีภายนอกหลังการเก็บเกี่ยว แต่ความหวานไม่เพิ่มขึ้น (Chen and Paull, 2001; Postharvest Biology and Technology)

วิธีการบ่มผลไม้ให้สุก

การบ่มผลไม้ในระดับครัวเรือนสามารถทำได้หลายวิธี โดยวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมีดังนี้:

1. การบ่มด้วยถุงกระดาษ

การศึกษาโดย Thompson และคณะ (2008) ในวารสาร HortTechnology พบว่าการห่อผลไม้ในถุงกระดาษช่วยกักเก็บก๊าซเอทิลีนที่ผลไม้ปล่อยออกมา ทำให้กระบวนการสุกเร็วขึ้น:

  1. นำผลไม้ที่ต้องการบ่ม เช่น กล้วย มะม่วง หรืออะโวคาโด ใส่ในถุงกระดาษ
  2. พับปากถุงให้สนิท
  3. เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง (20-25°C)
  4. ตรวจสอบทุกวันเพื่อดูระดับความสุก

2. การบ่มโดยใช้ผลไม้ที่ปล่อยเอทิลีนสูง

Wills และ Warton (2004) ในวารสาร Postharvest Biology and Technology แนะนำการบ่มผลไม้โดยวางใกล้กับผลไม้ที่ปล่อยเอทิลีนสูง:

  1. วางผลไม้ที่ต้องการบ่มใกล้กับกล้วยสุกหรือแอปเปิล
  2. นำไปไว้ในภาชนะปิดหรือถุงกระดาษเพื่อกักเก็บก๊าซเอทิลีน
  3. เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง
  4. ตรวจสอบทุกวันเพื่อป้องกันการสุกเกินไป

3. การบ่มด้วยข้าวสาร

วิธีดั้งเดิมในหลายประเทศแถบเอเชีย:

  1. ใส่ข้าวสารลงในภาชนะ
  2. วางผลไม้ลงบนข้าวสาร โดยให้ผลไม้ไม่สัมผัสกัน
  3. ปิดภาชนะและเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง
  4. ข้าวสารจะช่วยดูดซับความชื้นและรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสม

4. การบ่มด้วยความร้อน

Ferguson และคณะ (1999) ในวารสาร Postharvest Biology and Technology พบว่าอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นจะเร่งกระบวนการสุก:

  1. เก็บผลไม้ไว้ในที่อุ่นในบ้าน (เช่น ใกล้หน้าต่างที่มีแสงแดดส่อง)
  2. หมั่นพลิกผลไม้เพื่อให้ได้รับความร้อนอย่างทั่วถึง
  3. ระวังไม่ให้ผลไม้ได้รับความร้อนมากเกินไปซึ่งอาจทำให้เน่าเสียได้

คงมีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกัน (Kader, 2008; Annual Review of Food Science and Technology)

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับผลไม้บ่มสุก

1. ผลไม้บ่มสุกและผลไม้สุกธรรมชาติแตกต่างกันอย่างไร?

ผลไม้ที่สุกตามธรรมชาติบนต้นมักมีรสชาติที่สมดุลกว่าและมีโปรไฟล์ของสารให้กลิ่นที่ซับซ้อนกว่า ในขณะที่ผลไม้บ่มสุกอาจมีรสชาติและกลิ่นที่ด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ยังคงมีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกัน (Kader, 2008; Annual Review of Food Science and Technology)

2. ผลไม้บ่มสุกด้วยแคลเซียมคาร์ไบด์อันตรายหรือไม่?

การบ่มผลไม้ด้วยแคลเซียมคาร์ไบด์อาจเป็นอันตรายเนื่องจากอาจมีสารพิษปนเปื้อน เช่น สารหนูและฟอสฟอรัส ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคผลไม้ที่บ่มด้วยวิธีนี้ (Siddiqui and Dhua, 2010; Journal of Food Science and Technology)

3. จะรู้ได้อย่างไรว่าผลไม้ถูกบ่มด้วยสารเคมี?

ผลไม้ที่บ่มด้วยสารเคมีมักมีลักษณะสังเกตได้ เช่น สีสม่ำเสมอเกินธรรมชาติ มีจุดสีเข้มที่ผิว มีกลิ่นแปลกปลอม หรือมีเนื้อแข็งผิดปกติในขณะที่ภายนอกดูสุก (Gunther, 2016; Food Safety Magazine)

4. ผลไม้ชนิดใดที่ไม่ควรซื้อมาบ่มเอง?

ผลไม้นอน-ไคลแมคเทอริก เช่น ส้ม องุ่น สตรอเบอร์รี่ เชอร์รี่ และสับปะรด ไม่ควรซื้อมาบ่มเอง เนื่องจากไม่สามารถสุกเพิ่มขึ้นได้หลังการเก็บเกี่ยว (Paul et al., 2012; Frontiers in Plant Science)

5. การบ่มผลไม้ให้สุกที่บ้านวิธีใดปลอดภัยที่สุด?

การบ่มผลไม้ในถุงกระดาษหรือวางใกล้กับผลไม้ที่ปล่อยเอทิลีนสูง เช่น กล้วยสุก เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการบ่มผลไม้ที่บ้าน เนื่องจากไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ (Mattheis, 2012; HortScience)

6. ผลไม้บ่มสุกมีวิตามินน้อยกว่าผลไม้สุกธรรมชาติจริงหรือไม่?

จากการศึกษาของ Yahia และคณะ (2019) ในวารสาร Journal of Agricultural and Food Chemistry พบว่าความแตกต่างของปริมาณวิตามินระหว่างผลไม้บ่มสุกและผลไม้สุกธรรมชาติมีไม่มากและมักไม่มีผลกระทบต่อคุณค่าทางโภชนาการโดยรวมในการบริโภคประจำวัน

7. ทำไมผลไม้ในซูเปอร์มาร์เก็ตส่วนใหญ่จึงเป็นผลไม้บ่มสุก?

เนื่องจากข้อจำกัดด้านการขนส่งและอายุการเก็บรักษา ผลไม้มักถูกเก็บเกี่ยวก่อนระยะสุกเต็มที่เพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการขนส่ง และบ่มให้สุกเมื่อถึงปลายทาง (Watkins, 2006; Trends in Food Science & Technology)

8. ผลไม้บ่มสุกเก็บได้นานเท่าไร?

ผลไม้บ่มสุกมักมีอายุการเก็บรักษาสั้นกว่าผลไม้ที่ยังไม่สุก โดยทั่วไปควรบริโภคภายใน 3-7 วันหลังจากสุกเต็มที่ ขึ้นอยู่กับชนิดของผลไม้ (Pareek, 2016; Postharvest Ripening Physiology of Crops)

9. ควรล้างผลไม้บ่มสุกก่อนรับประทานหรือไม่?

ควรล้างผลไม้ทุกชนิดก่อนรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นผลไม้บ่มสุกหรือสุกตามธรรมชาติ เพื่อลดความเสี่ยงจากสารเคมีตกค้างและเชื้อจุลินทรีย์ (FDA, 2018; Food Safety Guidelines)

สรุปบทความ

ผลไม้บ่มสุกเป็นทางเลือกที่มีทั้งข้อดีและข้อด้อยเมื่อเทียบกับผลไม้ที่สุกเองตามธรรมชาติบนต้น จากการทบทวนงานวิจัยต่างๆ สามารถสรุปได้ว่า:

  1. คุณค่าทางโภชนาการ: ผลไม้บ่มสุกและผลไม้สุกตามธรรมชาติมีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกัน แม้ว่าอาจมีความแตกต่างเล็กน้อยในปริมาณวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระบางชนิด แต่โดยทั่วไปแล้วไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสุขภาพของผู้บริโภค
  2. รสชาติและคุณภาพ: ผลไม้ที่สุกบนต้นมักมีรสชาติและกลิ่นที่ดีกว่าผลไม้บ่มสุก เนื่องจากมีการพัฒนาสารให้กลิ่นที่ซับซ้อนมากกว่า
  3. ความปลอดภัย: การบ่มผลไม้ด้วยก๊าซเอทิลีนหรือวิธีธรรมชาติมีความปลอดภัย แต่การบ่มด้วยแคลเซียมคาร์ไบด์อาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพเนื่องจากการปนเปื้อนของสารพิษ
  4. ความเหมาะสม: ผลไม้ไคลแมคเทอริก เช่น กล้วย มะม่วง และอะโวคาโด สามารถบ่มให้สุกได้ดีหลังการเก็บเกี่ยว ในขณะที่ผลไม้นอน-ไคลแมคเทอริก เช่น ส้มและสตรอเบอร์รี่ ควรสุกบนต้นและไม่เหมาะสำหรับการบ่ม
  5. ทางเลือกที่ดีที่สุด: หากมีโอกาส การเลือกผลไม้ที่สุกตามธรรมชาติบนต้นจะให้รสชาติและคุณภาพที่ดีที่สุด แต่ผลไม้บ่มสุกก็เป็นทางเลือกที่ยอมรับได้ในแง่ของคุณค่าทางโภชนาการและความสะดวก

ที่สำคัญ ผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีลักษณะผิดปกติซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการบ่มด้วยสารเคมีที่ไม่ปลอดภัย และควรล้างผลไม้ทุกชนิดให้สะอาดก่อนรับประทานเพื่อลดความเสี่ยงจากสารเคมีตกค้างและเชื้อจุลินทรีย์

การเลือกผลไม้จึงขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์ของแต่ละบุคคล ในกรณีที่ต้องการความสะดวกและการเก็บรักษาที่ยาวนานขึ้น ผลไม้บ่มสุกอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่หากต้องการรสชาติและคุณภาพที่ดีที่สุด การเลือกผลไม้ตามฤดูกาลที่สุกบนต้นจากแหล่งที่เชื่อถือได้จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า


บทความที่น่าสนใจ by News Daily TH
✪ 5 ประโยชน์ผงกล้วยดิบ ที่ช่วยได้มากกว่าลดกรดไหลย้อน

✪ 10 เครื่องดื่มช่วยลดไขมันเลว LDL ลดคอเลสเตอรอลในเลือด

✪ โรคเก๊าท์ อย่าโทษไก่ รู้ไหมเนื้อแดงทำให้เป็นเก๊าท์ได้มากกว่าไก่?

หากอ่านแล้วบทความมีประโยชน์ กดโหวต ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ ให้ด้วยนะคะ

เนื้อหาโดย: News Daily TH
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
บทความ ชุมชน's profile


โพสท์โดย: บทความ ชุมชน
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
10 VOTES (5/5 จาก 2 คน)
VOTED: หัวหน้าแก๊งแมวน้ำ, รู้ไว้ใช่ว่า by News Daily TH
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีนพบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชงพืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่าแคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการีชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติเพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ยืนยันการชันสูตรพบสาร “ไซยาไนด์”ในกระแสเลือดและกระเพาะอาหารของ “นัทปง” ในปริมาณที่ทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งการเสียชีวิตไม่ได้เกิดจากการไหลตาย🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
หาดใหญ่จมน้ำ รถลูกค้า ‘วิริยะประกันภัย’ ขอเคลมพุ่ง 3,800 คันปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get outเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เจอคลื่นความหนาวเย็นรุนแรงและพายุหิมะถล่ม การเดินทางชะงักทั่วเมืองฮือฮาฝรั่งนั่งรถเข็นพ่อตาขับรถจักรยานยนต์ลากปล่อยเมียไว้กลางทางแล้วให้เมียเดินเข้าบ้านเพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ทั่วไป
เกาหลีใต้และญี่ปุ่น เจอคลื่นความหนาวเย็นรุนแรงและพายุหิมะถล่ม การเดินทางชะงักทั่วเมือง(โคตรจริง!) ทำไมเพื่อนคุณถึง 'หลับใน 5 นาที' ได้ทุกที่? เปิด 3 'ความลับสมอง' ที่คน Overthinking ต้องรู้ก่อนเริ่มวันหยุด! 😴เผยคำทำนาย "บาบา วานก้า" ปลายปี 2025 มนุษย์ต่างดาวอาจโผล่กลางงานฟุตบอลโลกWOOF แก่แบบมีคุณภาพ เทรนด์การเงินใหม่ของคนวัยเกษียณ พึ่งตัวเอง มีเงินใช้ ไม่เป็นภาระลูกหลาน
ตั้งกระทู้ใหม่