มหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ : เมื่อฝนห่าใหญ่ตกลงในทะเลทรายนามิเบีย ธรรมชาติก็เจริญงอกงาม สวยสะพรั่ง
สายฝนโปรยปรายลงบนผืนทรายแห่งประเทศนามิเบีย หลังจากเผชิญกับความแห้งแล้งมาเป็นเวลานาน ทะเลทรายที่เงียบงันและร้อนระอุกลับมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับได้รับลมหายใจจากฟากฟ้า หยาดฝนที่ซึมลึกลงสู่ผืนดินได้ปลุกให้เหล่าหัวพืชและเมล็ดพันธุ์ที่หลับใหลตื่นขึ้นจากการหลบซ่อนอันยาวนาน พวกมันรอคอยช่วงเวลาเช่นนี้—ช่วงเวลาที่สั้นแสนสั้นแต่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการเบ่งบาน
ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน พื้นทรายที่เคยร้อนระอุและว่างเปล่าก็กลับถูกปกคลุมด้วยพรมแห่งสีสัน ดอกไม้หลากหลายชนิดผลิดอกออกใบ ทอดยาวไปสุดสายตา สีเหลืองสดของเดซี่ทะเลทราย แดงสดของลิลลี่ป่า และม่วงเข้มของดอกไม้หายากที่ขึ้นเฉพาะถิ่นต่างพากันแย่งพื้นที่แสดงความงาม ราวกับการแสดงอันตระการตาที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ก่อนม่านจะปิดลง
เหล่าหมู่แมลงเริ่มออกบิน กระพือปีกผ่านกลีบดอกไม้ที่สั่นไหวไปตามสายลม แมลงผสมเกสร ผีเสื้อ และเหล่าภมรต่างมารวมตัวกันราวกับได้รับสัญญาณให้กลับมาเยือนดินแดนแห่งนี้อีกครั้ง เสียงหึ่งๆ ของพวกมันประสานไปกับเสียงกระซิบของสายลม สร้างท่วงทำนองแห่งชีวิตที่ไม่ได้ยินมานานแรมปี ไม่เพียงแต่แมลงเท่านั้น ฝูงนกอพยพที่เดินทางผ่านทะเลทรายก็บินโฉบลงมาเพื่อดื่มกินความชุ่มชื้นจากละอองน้ำที่เหลืออยู่ พวกมันขับขานบทเพลงแห่งฤดูชั่วครู่ ขณะที่สัตว์ทะเลทราย เช่น ออริกซ์ และสปริงบ็อก เริ่มออกมาเดินย่ำไปตามทุ่งดอกไม้ พลางหาอาหารที่หายากในยามแล้ง
ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ ก่อนที่ความร้อนจะกลับมาแผดเผา ผืนทรายจะกลืนกินสีสันเหล่านี้คืนไปอีกครั้ง และดอกไม้ที่เคยชูช่อจะค่อยๆ ร่วงโรย กลีบดอกปลิดปลิวไปตามลม ทิ้งไว้เพียงเมล็ดพันธุ์ที่หลบซ่อนอยู่ใต้ผืนดิน รอวันเวลาที่ฝนจะโปรยลงมาอีกครั้ง บางทีอาจเป็นอีกสามปี ห้าปี หรืออาจจะนานกว่านั้น แต่พวกมันรู้ดีว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม พวกมันจะกลับมาเบ่งบานอีกครั้ง และทะเลทรายก็จะกลับมามีชีวิตอีกครา ราวกับเวทมนตร์ที่ธรรมชาติร่ายลงบนผืนแผ่นดินอันแห้งแล้งแห่งนี้










